การจะสร้างคุณค่าของตัวเองขึ้นมา ไม่จำเป็นต้องอาศัยเรื่องเงินเสมอไป จริงอยู่ว่าเงินคือเครื่องมือชิ้นสำคัญในการดำรงชีวิตเพื่อความอยู่รอดสู่หนทางที่สุขสบาย แต่ในระหว่างที่เงินกำลังทำหน้าที่ของมันเสร็จสิ้น ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของเงินก้อนนั้นแล้วว่าจะพาโอกาสตรงนี้ไปในทิศทางไหน
จะเป็นอย่างไรถ้าวันหนึ่งความรวยไม่ใช่คำตอบทุกอย่างของชีวิต อาจจะฟังดูซับซ้อนสักหน่อย แต่ลองจินตนาการดูว่าถ้าตัดเรื่องรายได้หรือการเติบโตในหน้าที่การงานออกไป ทุกอาชีพมีเงินเดือนเท่ากัน มีศักดิ์และศรีเท่ากัน คิดว่าตอนนี้ คุณจะทำอะไรอยู่กันแน่?
นี่คือคำถามที่นักพูดสร้างแรงบันดาลใจทั้งหลายมักพูดกันเป็นประจำ คำถามอาจจะดูทั่วไปแต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้ลองคิดตามดูกลับพบว่า ‘เออ มันก็จริงเหมือนกันแฮะ’
คำถามปลายเปิดแบบนี้จะช่วยสร้างจินตนาการที่ดีสำหรับผู้ตอบ โดยที่คำตอบส่วนใหญ่แน่นอนว่าทุกคนย่อมไปทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก สนใจ ชื่นชอบ และมีความถนัดเป็นพิเศษกันทั้งนั้น และนี่คือพอยท์หลักสำคัญของเรื่องราวในวันนี้
ในความเป็นจริงทุกคนไม่สามารถมีชีวิตที่เหมือนกันได้ เพราะข้อจำกัดของรายได้เป็นตัวกำหนดว่าแนวทางชีวิตกำลังจะเป็นไปในแบบไหน แล้วเหตุใดทำไมทุกอาชีพถึงมีรายได้ที่ไม่เท่ากัน บางอาชีพต้องใช้ความอดทนสูงและเหนื่อยมากแต่กลับได้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่า ขณะที่บางอาชีพใช้ความอดทนเหมือนกันแต่ไม่เหนื่อยเท่าแบบแรกแต่ได้ผลตอบแทนที่มากกว่าเป็นเท่าตัว
สาเหตุสำคัญที่แต่ละอาชีพย่อมมีรายได้ที่ไม่เท่ากัน ก็มาจากว่าหน้าที่ความรับผิดชอบแตกต่างกัน และจุดสำคัญคืออาชีพนั้นได้ใช้ศักยภาพในหลายด้านมากเพียงพอแค่ไหนด้วย ยิ่งในยุคดิจิทัลในปัจจุบันการเข้ามาของ AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ ก็ยิ่งเข้ามาแทนที่โอกาสของมนุษย์มากยิ่งขึ้น แถมเจ้าเทคโนโลยีที่ว่าก็ล้ำไปไกลขึ้นในทุกวัน ทำให้อาชีพไหนที่สามารถใช้เครื่องจักรทำแทนได้ก็ย่อมมีค่าตอบแทนที่น้อย แต่ถ้าอาชีพไหนที่เครื่องจักรทดแทนไม่ได้ก็ย่อมรายได้สูงเป็นธรรมดา
ยกตัวอย่างเช่น พนักงานรักษาความปลอดภัย หน้าที่ของเขาคือตรวจเช็คความเรียบร้อยในพื้นที่นั้น ๆ แต่เมื่อกล้องวงจรปิดเริ่มเป็นที่นิยม ก็ทำให้หลายที่เลือกใช้พนักงานน้อยลง จนต้องลดค่าจ้าง สุดท้ายก็ทำให้ค่าตอบแทนของอาชีพนี้อาจไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น
และในทางคู่ขนานเดียวกัน สำหรับอาชีพที่ต้องใช้ความสามารถทักษะเฉพาะด้านมากขึ้น เทคโนโลยีทำหน้าที่แค่ส่วนประกอบแต่ไม่สามารถจัดการเองได้ทั้งหมด ก็มักจำได้ค่าตอบแทนที่สูงเป็นธรรมดา เพราะว่ากลุ่มอาชีพเหล่านี้ใช้ทักษะในด้านของการตัดสินใจ ความคิด การบริหาร เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของผลลัพธ์ที่ออกมาในงาน และเป็นจุดเด่นสำคัญของมนุษย์อีกด้วย
กลุ่มผู้บริหารองค์กรทั้งหลาย แพทย์ พยาบาล นักกฎหมาย ผู้พิพากษา และอีกมากมาย จึงเป็นอาชีพที่ได้ผลตอบแทนที่ดีจนเป็นที่ใฝ่ฝันหาของเด็กหลายคนในช่วงตัดสินใจ
แต่ถ้าพูดแบบนี้แสดงว่าอาชีพที่ค่าจ้างน้อย ๆ จะต้องทนทุกข์ทรมานกับชีวิตเช่นนี้ไปตลอดเลยหรือ ก็อาจไม่ใช่ เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้รายได้ที่น้อย แต่โชคชะตาก็ไม่ได้ปฏิเสธให้เขามีความสุขสักหน่อย เขายังคงกินอิ่ม นอนหลับ อยู่กับคนที่รัก ได้เสมอถ้าต้องการ
มีเรื่องเล่าของชายคนหนึ่งที่ออกเดินทางไปตามความฝันในประเทศยุโรป จนวันหนึ่งระหว่างทางเดินเขาพบชายคนหนึ่งทำแปรงหล่นลงพื้น ด้วยความใจดีเขาจึงก้มเก็บแล้วคืนชายคนดังกล่าว เมื่อเป็นเช่นนั้นชายคนนั้นรับพร้อมกับขอบคุณยกใหญ่ก่อนที่สุดท้ายจะบอกให้ชายคนนั้นยกเท้าขึ้นมา จึงรับรู้ได้ทันทีว่าเขาคือ ช่างขัดรองเท้าคนหนึ่ง
ด้วยความเร่งรีบชายคนนั้นปฏิเสธทันที จนสุดท้ายโดนคะยั้นคะยอจนอ่อนใจ ด้วยความคิดว่าช่างขัดรองเท้าคงอยากตอบแทนความน้ำใจงามของตัวเอง จึงยื่นให้เขาขัดอย่างเต็มใจ ทันทีที่คว้ารองเท้ามาได้ช่างคนนั้นขัดอย่างพิถีพิถัน สลับกับเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองให้ชายคนนี้ได้ฟัง
ระหว่างที่เล่าก็สรุปใจความได้ว่า ช่างขัดรองเท้าคนนี้เป็นชาวอิตาลี เขาออกเดินทางทำอาชีพนี้ตั้งแต่อายุ 14 ปี จนปัจจุบันอายุ 28 ปี ด้วยความที่ฐานะที่บ้านค่อนข้างยากจน ภรรยาก็ไม่มี เขาจึงต้องทำงานหาเงินไปเลี้ยงดูคุณแม่ที่แก่ลงทุกวัน
ก่อนที่คุณพ่อเขาจะทิ้งไปก็เคยเป็นช่างขัดรองเท้ามาก่อน เขาจึงเห็นและรู้จักดีมาตั้งแต่ยังเด็ก เขาใช้เวลาว่างจากเรียนหนังสือมาศึกษาการขัดรองเท้าอย่างจริงจังให้เงางามที่สุด
ในแต่ละวันเขาพบปะผู้คนมากมายไม่ซ้ำหน้า จนมีอยู่วันหนึ่งเขาได้มีโอกาสขัดรองเท้าให้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงอิตาลี ด้วยความคุยสนุก เจ้าหน้าที่คนนั้นชวนชายคนนี้ให้ไปขัดรองเท้าให้กับเพื่อน ๆ ในงานเลี้ยงวันเกิดของเขา เชื่อว่าทุกคนต้องชอบเหมือนกัน
แต่เรื่องที่น่าตกใจก็เกิดขึ้น เมื่อสถานที่งานนั้นไม่ใช่อิตาลี แต่เป็นเมืองมอสโก ประเทศรัสเซีย เขาตัดสินใจตบปากรับคำทันที เพราะในหัวคิดเพียงว่าเพื่อค่าตอบแทนที่สูงลิ่ว
หลังจากงานนั้น ช่างขัดรองเท้าก็ได้ตระเวนไปอีกหลายที่จากคำแนะนำของแขกในงานวันเกิดที่มีแต่ผู้ใหญ่ระดับสูงทั้งนั้น ทั้งปารีส ,เบอร์ลิน ,ลอนดอน หรือแม้แต่อัมสเตอร์ดัมก็ไปมาหมดแล้วทั้งนั้น
จนสุดท้ายชายคนนี้ถามช่างขัดรองเท้าว่า “ถ้าเลือกได้คุณอยากทำอะไรในชีวิต”
ช่างคนนี้ตอบอย่างรวดเร็วว่า “ผมอยากเป็นนักเดินทางรอบโลก แต่สิ่งที่ทำทุกวันนี้ก็เหมือนฝันของผมแล้วแหละ ไม่สิ่ ดีกว่าฝันเสียอีกเพราะมันสร้างรายได้ให้ผมได้ด้วย”
ก่อนที่ช่างคนนี้จะขัดรองเท้าจนเสร็จ แล้วหันกลับมาพร้อมกับแจ้งราคาให้ชายคนนี้ทราบ
เมื่อได้ยินก็ต้องตกใจ เพราะเข้าใจว่าฟรีมาโดยตลอด แต่ชายคนนั้นก็ให้เงินตามที่ช่างขัดรองเท้าต้องการ ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายจากกันไปหลงเหลือไว้เพียงความประทับใจ
เรื่องราวของชายผู้ขัดรองเท้าคนนี้ ให้อะไรมากมายกว่าประสบการณ์ท่องเที่ยวสุดแปลกประหลาด เป็นการเดินทางที่เร้าใจ เริ่มต้นด้วยความหวังดี และเหมือนจะไปได้สวยเพราะระหว่างทาง ก่อนที่จบอย่างน่าประหลาดใจ แต่สุดท้ายก็ครบรสชาติ
สุดท้ายแล้ว ชีวิตล้วนตามหาสิ่งที่ต้องการเสมอ แต่หากเส้นทางที่ตามหามันยากจะค้นเจอ ลองให้เส้นทางปัจจุบันเป็นตัวพัดพาเราไปในทิศทางใหม่ ๆ ดูบ้าง เพราะสิ่งที่ไม่คาดฝันว่าจะเจอ มันอาจเป็นสิ่งที่เราตามหามาตลอดทั้งชีวิตก็ได้
..
เรียบเรียงโดย: กฤตเมธ อันสมัคร
กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: Pexels