มืดกี่ด้าน ก็ต้องผ่านมันให้ได้
ตื่นเช้าวันนี้…คุณแน่ใจหรือครับ ว่าคุณกำลังเดินไปถูกทาง
คุณกำลังดิ้นรนหาเงินจ่ายค่างวดรถงวดบ้านที่มันงวดเข้ามา หรือกำลังกังวลกับดอกเบี้ยทบต้นที่ค้างชำระเกินกำหนด
คุณกำลังเครียดกับลูกน้อง ที่คุณรู้สึกว่าเขากำลังเอาเปรียบคุณอยู่ คุณคิดกลับไปกลับมา ว่าหากไล่ออกแล้วคุณจะโดนฟ้องศาลคดีแรงงานหรือไม่
ขณะที่เครื่องจักรก็ชำรุด แต่ประกันก็ขาดอายุการคุ้มครอง ซ่อมเองก็ไม่คุ้ม จะซื้อใหม่ก็ขาดงบประมาณ
คุณไม่มีเวลาที่จะดูงบการเงิน คุณคอนโทรลทีมให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายไม่ได้ ขณะที่เครื่องจักรอุปกรณ์ก็ชำรุด ผลผลิตยิ่งลดลง
และตัวคุณเองก็สุขภาพเริ่มแย่ ความอบอุ่นในครอบครัวก็ห่างเหิน
คุณเริ่มปลีกตัวจากสังคม เครือข่ายธุรกิจ คอนเนคชั่นที่สร้างไว้ก็ไม่สามารถเติมต่อเพื่อสร้างช่องทางใหม่ ๆ ได้เลย
การจัดการทางอารมณ์ของคนที่มีปัญหาโถมทับมาก ๆ ยาชนิดเดียวที่รักษาได้เป็นยาของพระพุทธเจ้า — เป็นยาชื่อ สติ
คนต้องมีสติในการซ่อม จึงจะสามารถซ่อมแซมธุรกิจและชีวิตที่ทรุดโทรมได้
แต่…จะมีกี่คนที่ซ่อมแซมตนเองได้ ออกจากวิกฤติได้ นับร้อยนับล้านราย จมหายกับมหาวตภัยในสงคราม…ชีวิต
จะดีกว่าไหม หากคุณได้มีสติในตอนที่สร้าง แทนที่จะต้องหาฟางเส้นสุดท้ายที่ชื่อ สติ ในการซ่อม
คุณทรงพลเป็นข้าราชกาลระดับ ซี 8 ตั้งใจลาออกจากงานก่อนเกษียณ พยายามมองหาธุรกิจที่จะทำให้ชีวิตได้สุขสบายในบั้นปลาย ในที่สุดก็ได้พบร้านสเต็กที่โคราช
ร้านนั้นลูกค้าแน่นขนัด ของออกจากครัวแทบทุกนาที เสียงเครื่องแคชฯ เก็บเงินที่ดังอยู่ตลอดเวลามันทำให้คุณทรงพลคิด
ร้านมี 40 โต๊ะ หนึ่งโต๊ะนั่งได้ 4 คน หนึ่งช่วง มีคน 160 คน
ร้านเปิด 10 ชัวโมง ถัว ๆ แล้วน่าจะมีคนหมุนเวียนมาใช้บริการราว 4 รอบ
คร่าว ๆ ในใจ ร้านนี้น่าจะมีลูกค้วันละอย่างน้อย 500 คน
ลูกค้าจ่ายหัวละ น่าจะร่วม ๆ 400 บาท วันละสองแสน เดือนละ 6 ล้าน
หัวใจคุณทรงพลแทบปะทุออกมานอกอก
สามเดือนให้หลัง ร้านสเต็กทรงพลก็เกิดขึ้น
มันเกิดจากเงินออมทั้งชีวิตของเขา บวกกับค่าเออร์ลี่รีไทร์ที่เขาได้รับจากการลาออก บวกกับ นำบ้านเข้าไปทำรีไฟแนนซ์ใหม่
เจ็ดล้านห้าแสนบาทที่รวบรวบรวมมาลงทุน เหลือติดบัญชีไม่ถึงสองหมื่นบาทในวันเปิดร้าน
เดือนแรก ค้างจ่ายเงินเดือนพนักงาน
เดือนที่สาม ติดป้ายเซ้ง
เดือนที่หก เจ้าของที่ดินริบทรัพย์สินทั้งหมด เพราะคุณทรงพลผิดนัดค่าเช่าตามสัญญา
ในห้องหับที่มืดสนิท คุณทรงพลนั่งถือปืนบรรจุกระสุนเต็มโม่ ในบ้านที่ธนาคารทวงถามค่างวด และเขาไม่มีปัญญาจ่ายมัน
ชีวิตคุณทรงพล และคนอีกนับหมื่นนับแสนหายไปจากโลกใบนี้เพราะเหตุใด
การล้มละลาย การขาดสภาพคล่อง ภาระที่โถมทับบนบ่าไหล่
ชีวิตที่หวาดหวั่น เคร่งเครียด เกิดขึ้นเพราะเหตุใด
เกิดขึ้นเพราะผู้คนเหล่านั้นตื่นขึ้นมาแล้ว….หลับตาเดินในเส้นทางที่พวกเขาไม่ได้รับรู้ว่ามันเต็มไปด้วยขวากหนาม
คนที่จะสร้างทางเดินใหม่ เขาต้องรู้จักอุปกรณ์และความรู้ในการสร้างทาง
ความรู้มาจากการเรียนรู้ และรู้ว่าต้องเจอกับอะไรล่วงหน้า และมีความสามารถประเมินได้ว่า “เอาอยู่”
คุณทรงพลไม่มีความรู้เรื่องคัดคนและวางงานให้ตรงกับความสามารถ
คุณทรงพลไม่มีความรู้เรื่องการเงินการบัญชี จึงขาดสภาพคล่องและขาดกระแสเงินสด
อุปกรณ์วัสดุที่ใช้ วัตถุดิบที่จัดหา มีราคาต้นทุนตรงข้ามกับคุณภาพ การสั่งการมาจากใจกลางคนผู้เดียว นั่นก็คือคุณทรงพล
แม้ว่าคน เงิน วัสดุอุปกรณ์และการบริหารจัดการ จะเป็นหัวใจหลักในการสร้างธุรกิจ แต่วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้กล่าวไว้น่าคิดว่า
ธุรกิจไม่ได้หมายถึงสินค้าหรือบริการอีกต่อไป
ธุรกิจมันขึ้นอยู่กับความสามารถในการรองรับภาระกดดันของเจ้าของกิจการต่างหาก
การตลาดยุค 3.0 ทำให้เจ้าของธุรกิจไม่น้อยล้มหายตายจาก
เพราะเขายังผลิตตามความคิดตนเองแทนที่จะเสาะหาให้พบว่าลูกค้าต้องการอะไร
เขายังตั้งราคาตามต้นทุนแทนที่จะคำนึงถึงความสามารถในการจ่ายของลูกค้า
เขายังพึ่งพาทำเลและช่องทางการขายเก่า ๆ โดยไม่รู้ว่าดิจิทัลทดแทนและยึดครองไว้แทบทั้งหมด
พวกเขายังทำโฆษณาประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขายในสื่อเก่าที่ไม่ใช่สื่อหลักในศตวรรษที่ 21
พวกเขาล้าหลัง พวกเขาจึงสูญพันธ์
(และต้องไม่ลืมอีกข้อ ยุคนี้มันคือ MKT 4.0)
อ่านถึงตรงนี้ ในรู้สึกของคุณคิดว่า ผมที่เป็นผู้เขียน เขียนได้สมกับเป็นกูรู
เตือนไว้สักคำ อย่าเชื่อกูรู
เพราะเชื่อกูรูคุณจะได้แค่ความรู้….ความรู้ที่เอาไปทำเท่านั้นมันจะกลายเป็นปัญญา
ปัญญามาจากการทำซ้ำ ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ปัญญาจึงจะกลายเป็นอาวุธ ที่คุณสามารถนำไปสร้างทางเดินของชีวิตคุณ
ถ้าคุณจะเปิดร้านขนมจีน…คุณคิดถึงอะไร
คนที่ออกแนวอาร์ต ก็จะนึกถึงการตกแต่ง
คนที่รักหน้ารักศักดิ์ศรี ก็จะมีภาพร้านในหัวที่หรูหรา
คุณตอบได้ไหม…. หากตอบผิด…คุณจะเป็นทรงพลคนต่อไป
การทำธุรกิจเริ่มต้นที่เงินลงทุนครับ เพราะทุกธุรกิจต้องมีกำไรเป็นเป้าหมาย
เพื่อที่จะได้ประมาณการรับ การจ่าย
ต้องคำนวณให้ได้ว่าเงินที่ได้รับกลับจากการลงทุนเป็นกี่เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับระยะเวลา
ทฤษฎีขนมจีนของผมพูดภาษาคนแบบนี้ครับ
ถ้าเป้าหมายคุณต้องการกำไรสุทธิหลังหักค่าใช้จ่าย 30,000 บาทต่อเดือน
แปลว่าคุณต้องขายเดือนละ 150,000 บาทต่อเดือน (กำไรประมาณการที่ 20 %)
แปลต่อว่า คุณต้องขายวันละ 5,000 บาท
หากลูกค้ากินต่อหัว หัวละ 50 บาท แปลว่า คุณต้องมีลูกค้าวันละ 100 คน
100 คนต่อวัน คุณอาจใช้โต๊ะ เก้าอี้รวมแค่ 6 ชุด (24 ที่นั่ง) เพราะคนหมุนเวียน
คุณอาจใช้จานช้อนแค่ 150 ชุด นึกออกมั้ยครับ ใช้ห้องแถวห้องเดียวก็ได้ ทุนขนมจีนกี่เข่ง
ทำน้ำยากี่หม้อ ผัก ไข่ต้ม เครื่องปรุงเท่าไหร่ต่อวัน…. ณ จุดนี้มันคือบทสรุปของเรื่องเงินและวัตถุดิบวัสดุอุปกรณ์
คุณต้องจ้างคนมั้ยครับ….พอมองเห็นภาพนะครับว่าการหมุนเวียนระดับนี้ทำคนเดียวได้
และการบริหารจัดการทั่วไปรวมถึงบริหารจัดการเวลาของเจ้าของกิจการคนเดียว ตั้งแต่เช้าจรดเย็น เมื่อแตกภารกิจให้ละเอียด จะเห็นว่าเป็นอะไรที่ควบคุมได้
เมื่อขนมจีนอร่อยและบริการดี…มันจะเกิดคุณค่า
เมื่อราคาเหมาะสม…มันจะทำให้ลูกค้าจงรัก
เมื่อลูกค้าสะดวกสั่ง…ก็จะทำให้เขาประหยัดเวลา
ท้ายที่สุด ทุกความคุ้มค่าก็จะถูกบอกต่อ
แจ็ก เวลส์ บอกว่า
สิ่งที่ท้าทายเขามากที่สุดคือ
การวางเงินเดิมพันให้ถูกที่
และไม่เอาเงินไปใส่ผิดที่
และไม่ควรกระจายเงินไปทุกที่
ผมเห็นด้วยกับแจ็ก เวลส์
แต่อยากถามคุณสักคำ ตื่นเช้าวันนี้
แน่ใจหรือว่าคุณกำลังเดินไปถูกทาง
ผู้เขียน: วิชาอาแปะ สอนรวย
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels