1,167,715,133 ตัวเลขดังกล่าวคือจำนวนเว็บไซต์ที่มีอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ตของเรานับจนถึงสิ้นสุดเดือนมกราคม 2022
แต่ที่น่าแปลกก็คือในบรรดาเว็บกว่าพันล้านเหล่านี้ มีเว็บที่ยังมีการเคลื่อนไหวอยู่แค่ 2 ร้อยล้านเท่านั้น
เว็บไซต์ก็ไม่ต่างอะไรจากโซเชียลมีเดียเพราะในแต่ละวันมีเว็บไซต์ใหม่ๆ เกิดขึ้นมามากมาย แม้แต่ในขณะที่คุณอ่านบทความนี้อยู่ก็ยังมีเว็บใหม่ถูกตั้งขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ
ความยากอย่างหนึ่งในการตั้งเว็บขึ้นมาคือ การคิดชื่อเว็บ เพราะในโลกอินเทอร์เน็ตที่มีเว็บอยู่มากมายจึงเป็นเรื่องยากที่คุณจะตั้งชื่อให้ไม่ซ้ำกับใคร อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีคีย์เวิร์ดที่บอกผู้ใช้งานว่าเป็นเว็บอะไร
Google เสิร์ชเอนจินเบอร์หนึ่งของโลกเคยถูกเรียกว่า “BankRub” (แบงก์รับ) ในช่วงที่สองผู้ก่อตั้ง แลร์รี เพจ กับ เซอร์เกย์ บริน เริ่มพัฒนาอัลกอริธึมเพื่อค้นหาข้อมูล
Facebook ที่เรารู้จักกัน เคยใช้ชื่อว่า “FaceMash” (เฟซแมช) เป็นชื่อแรกเมื่อตอนก่อตั้งในปี 2003
แน่นอนว่าในช่วงทศวรรษที่ 1990-2000 มีเว็บไซต์ที่เกิดขึ้นมาใหม่ไม่ต่างจากปัจจุบัน หลายคนมองว่ามันคือโอกาสของอนาคต เช่นเดียวกับการขายของที่เริ่มมีการคิดนำสินค้าขึ้นไปให้ผู้สนใจเลือกซื้อได้จากหน้าเว็บโดยตรง
ความคิดนี้ได้รับความนิยมจนทำให้ผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันคนหนึ่งยอมลาออกจากงานเงินเดือนสูงกลับไปที่บ้านเกิดแล้วคิดหาวิธีนำสินค้าขึ้นไปขายบนอินเทอร์เน็ต เขาเขียนรายชื่อสินค้าเอาไว้ 20 รายการ ก่อนที่จะตัดออกเหลือแค่ 5 รายการ ได้แก่ แผ่นซีดี, ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์, ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์, ม้วนวิดีโอ และหนังสือ
สุดท้ายชายคนนี้เลือกที่จะขายหนังสือเพราะเขามองว่ามันเป็นสินค้าที่คนทั่วโลกใช้งานได้ หนำซ้ำการขายแบบนี้ยังช่วยลดราคาหนังสือลงได้อีก
เขาเลือกสินค้าได้แล้ว ขั้นต่อมาคือ การเลือกชื่อเว็บไซต์ เขามีชื่อในใจอยู่หลายชื่อทั้ง Awake.com, Browse.com, Bookmall.com และ Relentless.com แต่มันก็ยังไม่ถูกใจเท่าไหร่
แล้วเขาจะไปขอให้ใครช่วยคิดล่ะ
.
คำตอบคือ ดิกชันนารี นั่นแหละครับ
เขาเปิดดิกไปไม่กี่หน้าก็ไปสะดุดใจกับคำว่า “amazon” ซึ่งเป็นชื่อของแม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลก เขาคิดว่าในเมื่ออเมซอนคือแม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลก ทำไมเราจะเอามันมาตั้งเป็นชื่อของร้านขายหนังสือออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกไม่ได้ล่ะ
นี่จึงเป็นที่มาของชื่อเว็บที่ เจฟฟ์ เบโซส์ ต้องการให้เป็น ผู้อ่านไม่จำเป็นต้องออกไปเดินเลือกซื้อหนังสือตามร้านเพียงแค่เข้ามาที่เว็บไซต์ของเขาก็จะมีหนังสือให้เลือกซื้อมากมาย และยังพร้อมที่จะส่งไปให้คุณทุกประเทศทั่วโลกอีกด้วย
ความคิดแปลกใหม่ทำให้ amazon.com กลายเป็นเว็ยที่มียอดเข้าชมสูงลิ่ว เพียงสี่เดือนหลังเปิดให้บริการ ตัวเว็บขึ้นอันดับ 1 เว็บที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับหนังสือ
จากเดิมที่เบโซส์มีหนังสือขายบนเว็บไซต์ราว 2,000 เล่ม แต่ด้วยความนิยมดังกล่าวทำให้เบโซส์ต้องขยายโกดังเก็บหนังสือออกไปอยู่ตามเมืองอื่นเพื่อรองรับความต้องการนี้
แต่ความคิดของเบโซส์ยังไม่หมดแค่นั้น
.
เพราะเขาคิดว่าในเมื่อเราขายหนังสือออนไลน์ได้แล้ว ทำไมไม่ทำให้หนังสืออ่านออนไลน์ได้ด้วยล่ะ?
ผู้อ่านไม่จำเป็นต้องพกหนังสือเป็นเล่มติดตัวตลอด ยิ่งเล่มหนาก็จะหนักเข้าไปอีก แต่ถ้ามีสื่อตัวกลางที่คอยช่วยให้ผู้อ่านนำหนังสือกี่เล่มก็ได้มาเก็บไว้บนเครื่องในรูปแบบของไฟล์และสามารถเปิดอ่านได้ทุกที่ทุกเวลาคงจะเป็นเรื่องที่ดี
เบโซส์ปฏิวัติวงการหนังสืออีกครั้งด้วยการเปิดตัว Amazon Kindle แท็บเล็ตที่ถูกสร้างขึ้นเพื่ออ่านหนังสือโดยเฉพาะและกลายมาเป็นจุดเริ่มของ E-book ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม การอ่านหนังสือแบบเป็นเล่มยังคงถูกมองว่ามีข้อดีมากกว่าการอ่านแบบออนไลน์อยู่ แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความคิดของเขามีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงวิธีที่เราเข้าถึงหนังสือเล่มโปรด
หากจะพูดว่าเขารู้วิธีใช้อินเทอร์เน็ตให้เป็นประโยชน์ก็คงพูดได้เต็มปากจริงๆ นั่นแหละ
.
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก : Pexels