ธนาคารลดหนี้ได้….แต่ไม่เคยบอกลูกหนี้
ครั้งสุดท้ายที่คุณนั่งคิดถึงสารพัดวิธีหาเงินก้อนโตเพื่อนำมาใช้หนี้ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยที่ติดค้างอยู่กับธนาคารคือเมื่อไหร่?
แน่นอนว่าคงผ่านไปไม่นาน หรือความคิดนั้นอาจวนเวียนอยู่ในหัวสมองของคุณตลอดเวลา จนแทบไม่มีวินาทีไหนที่ทำให้รู้สึกโล่งใจได้บ้างเลย
เพราะชีวิตการเป็นลูกหนี้มันไม่ง่าย…
แน่นอนว่าหลังสิ้นสุดการเจรจาขอกู้เงินและดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ กับทางธนาคารจนกระทั่งเรากลายเป็น “ลูกหนี้” โดยสมบูรณ์แบบ
แม้ในมือจะมีเงินก้อนหนึ่งสำหรับการต่อยอดธุรกิจหรือต่อลมหายใจให้กับคนในครอบครัว แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความอึดอัดคับข้องใจ เพราะคุณไม่รู้เลยว่าจะหาเงินที่ไหนมาจ่ายทั้งต้นและดอกได้ทันเวลา
แต่ในระหว่างที่พวกเราชาวลูกหนี้กำลังนั่งกุมขมับเคร่งเรียดกันอยู่นั้น จะมีสักกี่คนที่หยุดกดดันตัวเองสักพัก แล้วหาวิธีเอาตัวรอดจากหนี้ ด้วยการคิดว่าธนาคารยังมีความลับอะไรซ่อนอยู่ และลูกหนี้อย่างเราไม่เคยรู้เลยบ้าง ?
และคุณรู้ไหมว่าจริง ๆ แล้ว
“ธนาคารลดหนี้ให้กับลูกหนี้ได้ แล้วแต่ว่าลูกหนี้กล้าที่จะเจรจาไหม”
การลดหนี้ เป็นสิ่งที่ธนาคารสามารถทำให้เราได้สบาย ๆ แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้น มันต้องเริ่มจากการเจรจากันก่อน
“การเจรจา” ฟังดูเหมือนง่าย เรื่องแค่นี้ใคร ๆ ก็ทำได้ป่ะ ?
แต่นั่นแหละที่เป็นปัญหา เพราะจริง ๆ แล้วคนส่วนใหญ่เมื่อเห็นว่าต้องเข้าไปเจรจากับธนาคารโดยตรง ก็ไม่กล้าซะอย่างนั้น กลัวเจรจาไม่สำเร็จ กลัวจะเป็นปัญหาหนักกว่าเดิม และที่สำคัญคือ คนเป็นลูกหนี้ส่วนใหญ่จะอาย อายจนถึงขั้นใช้คำว่าไม่กล้าบากหน้าเข้าไปคุย อย่างที่เขาว่า…
“เรื่องเงิน ต่อรองได้ทุกบาททุกสตางค์ แต่ที่ยากที่สุด คือ ลูกหนี้ไม่กล้าต่อรอง”
ผู้เขียนขอขีดเส้นใต้ เน้นตัวโต ๆ เอาไว้ที่คำว่า “ลูกหนี้ไม่กล้าต่อรอง”
ไม่เจรจา ไม่ต่อรองก็ย่อมได้ ไม่มีใครบังคับคุณ แต่…เมื่อไม่ต่อรอง ก็ต้องยอมเสียผลประโยชน์และหนทางรอดของคุณไปนะ
สิ่งที่ผู้เขียนอยากบอกก็คือ “เมื่อเป็นหนี้ อย่าหน้าบาง”
เราไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้ก่ออาชญากรรม ไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน เพราะเราไม่มีเงิน จึงต้องกู้ และที่สำคัญคือ ‘เรากู้เงิน เราไม่ได้ขอเงินนั้นมาใช้ฟรี ๆ’ และการเจรจาครั้งนี้ก็เป็นไปเพื่อความอยู่รอด ไม่ได้วิ่งหนีหนี้หรือชักดาบแต่อย่างใด ไม่ต้องรู้สึกผิด
เมื่อรวบรวมความกล้าและเข้าไปเจรจาต่อรองกับธนาคารแล้ว คุณจะรู้ว่าการลดหนี้นั้นมีหลายกรณีมาก อย่างที่หมอหนี้เคยเล่าให้ฟังในหนังสือ 100 วิธีเอาตัวรอดจากหนี้ว่า…
- บางธนาคารได้ส่วนลด ถ้ามีการปิดบัญชีก่อน
- บางธนาคารมีส่วนลดดอกเบี้ยสำหรับลูกค้าที่ผ่อนดี
- บางธนาคารลดเงินต้นให้ด้วย
- แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า ธนาคารก็ลดเงินต้นและดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้แย่ ๆ ด้วย”
อย่างที่ได้บอกไป ว่าเรื่องเงินนั้นมีหนทางต่อรองได้
แต่การเจรจานั้นต้องดำเนินไปอย่างมีเหตุมีผลและมีเงื่อนไขอื่น ๆ ประกอบด้วย ไม่ใช่ทุกกรณีที่สามารถขอลดหนี้ได้
และไม่ใช่ว่าทุกคนจะขอเลื่อนจ่ายหรือขอลดหนี้ ด้วยเหตุผลสั้น ๆ แค่ “ก็ผมไม่อยากจ่ายอ่ะ” แถมยังปิดโทรศัพท์หนีทุกครั้งที่ถูกโทรตาม ถ้าทำแบบนั้นทางธนาคารคงไม่เข้าใจเหตุผลของคุณแน่
และถ้าจะให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนระหว่างกำลังเจรจาหรือเกิดความเข้าใจผิดเมื่อต้องไปนั่งอยู่ต่อหน้านายธนาคาร ทุกคนต้องรู้ก่อนว่าโดยปกติแล้วธนาคารจะลดหนี้ให้ใครบ้าง
เมื่อเจรจาขอลดหนี้ได้ แล้วธนาคารจะลดหนี้ให้ใครบ้าง ?
1. ลูกหนี้ที่ปิดบัญชี (ใช้หนี้แบบปิดบัญชี)
2. หนี้ที่กำลังจะหมดอายุความ
3. ลูกหนี้ที่เป็น NPL และกล้าที่จะต่อรอง
4. ลูกหนี้ที่ขึ้นศาลและพิพากษา ที่กล้าต่อรอง
5. ยอดหนี้น้อยเกินไป อาจจะขายทิ้งไปเลย ไม่ฟ้อง เพราะฟ้องไม่คุ้ม
ยกตัวอย่างในกรณีของท่านที่มี “หนี้เสีย” หรือที่เราเรียกกันว่า NPL (หนี้ที่ค้างชำระเกิน 90 วัน)
ซึ่งเป็นหนี้ที่ต้องได้รับการติดตามและดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งในเรื่องของการใช้หนี้ ปัญหาของลูกหนี้ เหตุผลที่ค้างชำระ และอื่น ๆ
ในกรณีนี้จะมีการเจรจาเกิดขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องรายงานปัญหาของลูกหนี้ ต้องชี้แจงเรื่องเหตุผลที่ขาดชำระ และรายงานการติดตามหนี้แก่ธนาคาร เพื่อเป็นการกำจัดภาระหนี้เสียที่ต้องรายงานชี้แจงงบดุลแก่ธนาคารและผู้ถือหุ้นใหญ่
ดังนั้น จึงมีกระบวนการหลายอย่างตามมาอย่างต่อเนื่องเมื่อพบว่ามีหนี้เสียเกิดขึ้นแล้ว เช่น ธนาคารอาจติดตามเองสักระยะ ในระยะนี้มักประนอมหนี้ หรือปรับปรุงโครงสร้าง และต่อรองได้
หรือในอีกกรณีหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ คือ อาจมีการขายหนี้ต่อให้กับบริษัทจัดการหนี้สินที่ตองการซื้อหนี้แล้วทวงหนี้เอง (เพราะฟ้องไปแล้วไม่คุ้ม) ในระยะนี้มักซื้อหนี้เราในราคาต่ำมาก ๆ ซึ่งอาจทำให้เราต่อรองได้มากกว่า 60% ด้วยซ้ำ
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าไปคุยรายละเอียดกับทางธนาคารแล้ว ทุกคนจะได้ข้อมูลที่กระจ่างขึ้น และเข้าใจว่าในกรณีของตัวเองนั้นควรดำเนินการต่อไปอย่างไร สามารถเจรจาต่อรองอะไรได้บ้าง แล้วจะมีผลกระทบตามมาไหม
เพราะฉะนั้น เลิกกลัวซะ…กล้า ๆ เข้าไว้ แล้วจะเอาตัวรอดได้ เหมือนที่หมอหนี้เคยบอกไว้
“วัดใจกับลูกหนี้ กำขี้ดีกว่ากำตด กำได้ต้นมาบางส่วนก็พอแล้ว”
อ้างอิง : ข้อมูลจากหนังสือ 100 วิธีเอาตัวรอดจากหนี้
บทความโดย : กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book& Digital
ขอบคุณรูปภาพจาก : เว็บไซต์ Freepik