ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ในตัวเมืองหรือพื้นที่ห่างไกลต่างก็ต้องการที่จะให้พื้นที่ที่อยู่อาศัยของตนเองนั้นได้เข้าถึงความเจริญและการพัฒนาที่เท่าเทียมกับการเป็นสังคมเมืองทั้งระบบสาธารณูปโภคหรือการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะเข้ามาทำให้การใช้ชีวิตนั้นง่ายขึ้น ทั้งทางด่วน รถไฟฟ้า หรือแม้แต่การสร้างสถาบันหน่วยงานของภาครัฐเองก็ตาม แต่ในขณะเดียวกันการเข้าถึงของสิ่งเหล่านั้นก็มีบางอย่างที่ต้องแลก อาจจะเป็นแหล่งทำมาหากินที่อยู่ในเขตของแผนงาน หรือบ้านสักหลังที่เป็นของใครสักคน ซึ่งการดำเนินงานเหล่านี้หลายคงคุ้นเคยเป็นอย่างดีภายใต้ชื่อเรียกว่า “การเวนคืนที่ดิน”
อย่างไรก็ตามการเวนคืนที่ดินก็มีจุดประสงค์ที่ชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องการพื้นที่ส่วนหนึ่งที่อยู่ในการครอบครองของบุคคลทั่วไปให้กลับไปอยู่ในการครอบครองของรัฐเพื่อนำไปสร้างสาธารณประโยชน์ให้กลับมาในรูปแบบของสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับคนในพื้นที่ และการเวนคืนในแต่ละครั้งก็ไม่ใช่เพียงแค่การไล่ที่ปากเปล่าแต่ยังมีการจ่ายค่าทดแทนให้กับผู้ที่ได้ผลกระทบด้วย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นปัญหาของคนที่ถูกเวนคืนที่ดินก็ไม่ได้จบอยู่แค่เรื่องของการต้องหาที่อยู่อาศัยใหม่เพราะค่าทดแทนที่ได้รับมาจากการที่ต้องเสียบ้านสักหลังหรือที่ดินสักแปลงนั้นอยู่ในรูปแบบของเงินได้ หากอ้างอิงกันตามกฎหมายเมื่อเกิดรายได้สิ่งที่จะตามมาอย่างแน่นอนก็คือภาษีไม่ว่าเจ้าของอสังหาริมทรัพย์จะอยู่ในนามของบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ตาม
เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความกดดันคงจะมีสักแวบหนึ่งที่เกิดคำถามแล่นเข้ามาในหัวว่า “เสียบ้านแล้วยังต้องเสียภาษีอีกเหรอ?” อีกทั้งค่าทดแทนนั้นสำหรับบางคนก็ไม่ได้รับมาด้วยความเต็มใจด้วยซ้ำจึงทำให้ต้องกลับมาย้อนดูที่ข้อกฎหมายว่าด้วยเรื่องของค่าทดแทนจากการเวนคืนที่ดินนั้นจะถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งในการจัดเก็บภาษีเงินได้ของภาครัฐอีกหรือไม่
บุคคลธรรมดาถูกเวนคืนที่ดินและได้รับค่าทดแทนจะต้องเสียภาษีอะไรบ้าง?
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
เมื่อเจ้าของอสังหาริมทรัพย์หรือที่ดินที่อยู่ในบริเวณที่ถูกเวนคืนได้รับค่าทดแทนจากทางภาครัฐจากการถูกเวนคืนที่ดิน ค่าทดแทนที่ได้มานั้นจะถือว่าเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(8) แห่งประมวลรัษฎากร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 42(17) แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 2(29) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 126 (พ.ศ.2509) ฉะนั้นเมื่อได้รับงดทดแทนส่วนนี้มาเจ้าหน้าที่กรมที่ดินจึงไม่สามารถเรียกเก็บภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายได้ตามมาตรา และนำส่ง ตามมาตรา 52 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร
ภาษีธุรกิจเฉพาะ
ค่าทดแทนที่ได้รับตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์หรือที่ดิน หากอยู่ในนามของบุคคลธรรมดาจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะเนื่องจากไม่เข้าลักษณะของการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าหรือแสวงหาผลกำไรตามมาตรา 3(6) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นการค้าหรือหากำไร (ฉบับที่ 244) พ.ศ. 2534 สำหรับการโอนก่อนวันที่ 1 มกราคม 2542 หรือตามมาตรา 4(6) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 342) พ.ศ. 2541 สำหรับการโอนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2542 เป็นต้นไป ดังนั้นพนักงานเจ้าหน้าที่กรมที่ดินจึงไม่มีหน้าที่ต้องเรียกเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะเพื่อนำส่งให้กับกรมสรรพากรตามมาตรา
อากรแสตมป์
หลักฐานการรับเงินค่าทดแทนจากการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์จะเข้าลักษณะเป็นใบรับสำหรับการโอนอสังหาริมทรัพย์ เมื่อมีการทำนิติกรรมและจดทะเบียนตามกฎหมายจะต้องมีการปิดแสตมป์เพื่อให้การดำเนินการตามกฎหมายนั้นมีความสมบูรณ์ แต่ในกรณีของการทำนิติกรรมนี้จะได้รับการยกเว้นค่าอากรแสตมป์ ตามมาตรา 11 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 เพราะเป็นใบรับจากการตกลงซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเวนคืนจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
นิติบุคคลถูกเวนคืนที่ดินและได้รับค่าทดแทนจะต้องเสียภาษีอะไรบ้าง?
ภาษีเงินได้นิติบุคคล
กรณีที่องค์กรจ่ายค่าทดแทนจากการเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์จากนิติบุคคล จำเป็นที่จะต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 1 ของจำนวนเงินค่าทดแทนตามมาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากรเท่านั้น แต่ไม่สามารถหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายและนำส่งในอัตราร้อยละ 1 ในขณะที่มีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามมาตรา 69 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร
ภาษีธุรกิจเฉพาะ
หากนิติบุคคลได้รับค่าทดแทนจากการเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะเนื่องจากเข้าลักษณะเป็นการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้ขายที่อยู่ในนามของนิติบุคคลตามมาตรา 77/1 แห่งประมวลรัษฎากร มีอสังหาริมทรัพย์หรือที่ดินไว้เพื่อประกอบกิจการตามมาตรา 3(5) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ ว่าด้วยการขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทางค้าหรือหากำไร เจ้าหน้าที่กรมที่ดินจึงมีหน้าที่เรียกเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะเพื่อนำส่งแก่กรมสรรพากรในขณะที่มีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในอัตราร้อยละ 3.3 ของจำนวนเงินค่าทดแทนตามมาตรา 91/6(3) และมาตรา 91/10 วรรคหก แห่งประมวลรัษฎากร
อากรแสตมป์
สำหรับหลักฐานแสดงการรับเงินค่าทดแทนจากการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์จากรัฐจะถือว่าเข้าลักษณะเป็นใบรับสำหรับการโอนอสังหาริมทรัพย์ เมื่อมีการทำนิติกรรมและจดทะเบียนตามกฎหมายจะต้องมีการปิดแสตมป์เพื่อให้การดำเนินการตามกฎหมายนั้นมีความสมบูรณ์ แต่ในกรณีของการทำนิติกรรมนี้จะได้รับการยกเว้นค่าอากรแสตมป์เช่นเดียวกับการดำเนินการภายในนามของบุคคลธรรมดา ตามมาตรา 11 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2530 เพราะถือว่าเป็นใบรับจากการตกลงซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเวนคืนจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นใบรับที่ผู้รับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
อย่างที่ทราบกันดีว่าการชำระค่าภาษีกลับคืนให้กับภาครัฐนั้นขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์จากที่ดินและอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้นด้วย บุคคลธรรมดาอาจจะไม่ต้องเสียภาษีคืนในกรณีที่ได้รับค่าทดแทนมาจากการถูกเวนคืนที่ดินเพราะไม่ได้มีอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในครอบครองไว้เพื่อการค้าและแสวงหาผลกำไรซึ่งจะแตกต่างจากการดำเนินงานของนิติบุคคลที่เป็นองค์กรธุรกิจ แต่อย่างไรก็ตามอัตราค่าภาษีที่ระบุไว้ในกฎหมายก็ยังเป็นข้อกำหนดที่คำนึงถึงสิทธิประโยชน์ที่ผู้ถูกเวนคืนที่ดินพึงจะได้รับตามความเหมาะสมอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลว่าจะถูกถล่มซ้ำจากการคิดค่าภาษีอย่างแน่นอน
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
อ้างอิง:
ค่าทดแทนจากการถูกเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ กรมสรรพากร จาก https://www.rd.go.th/24161.html
เรียบเรียงโดย: ศุภธิดา รัสพันธ์
คอนเทนต์ครีเอเตอร์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Freepik