ทันทีที่ขบวนรถไฟกำลังจะออกจากชานชาลา ไม่เพียงแต่คนขับเท่านั้นที่กำลังทำหน้าที่สำคัญของตัวเอง ยังมีอีกหลายคนก็กำลังรับผิดชอบทำหน้าที่ของตัวเองอยู่เช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็น นายสถานี ,พนักงานห้ามล้อ ,พนักงานกั้นถนน หรือ พนักงานคุมประแจฯ คนเหล่านี้ก็ต้องใช้ทักษะในการทำอาชีพ และที่สำคัญไม่ว่าจะหน้าที่ไหนก็สำคัญด้วยกันทั้งนั้น
กว่าจะถึงที่หมายในแต่ละจุดทุกคนก็ต้องมีการประสานงาน ติดต่อสื่อสารกัน เพื่อให้หน้าที่ที่ได้รับผิดชอบมีข้อบกพร่องน้อยที่สุด แล้วเมื่อเป็นเช่นนั้น ผลลัพธ์ในงานก็จะลุล่วงอย่างที่ตั้งใจ
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆของการให้ความสำคัญกับทุกหน้าที่ ไม่มีใครบรรลุเป้าหมายได้โดยปราศจากคนรอบข้างที่ดี นอกจากจะเป็นผู้ช่วยแล้วยังเป็นกำลังใจชั้นยอดได้ดีอีกด้วย
ทุกวันนี้ส่วนประกอบของการทำธุรกิจ นอกจากแนวคิดที่สดใหม่ กลยุทธ์ที่ชาญฉลาด จำเป็นต้องมีกำลังสนับสนุน เพื่อให้งานสำเร็จไปได้ด้วยดี
เคยได้ยินไหม “ผู้นำเก่ง ยังพาองค์กรไปได้ไกลไม่เท่า ทุกคนในทีมแกร่ง” นี่คือประโยคที่ไม่ต้องตีความอะไรมากมาย เพราะการมีผู้นำที่ดี ไม่ได้แปลว่าผลลัพธ์จะเป็นที่น่าพอใจเสมอ
ความเก่งกาจสามารถฝึกฝนกันได้ และถึงต่อให้คนหนึ่งคนจะมีความสามารถมากเท่าไหร่ ก็ไม่อาจทำทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว เพราะฉะนั้นการที่จะรักษาผลให้ดีเช่นเดิม แต่ไม่ต้องเหนื่อยเท่าเดิม ก็มีอยู่หนึ่งวิธี คือการถ่ายทอด
การถ่ายทอดเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุดในการจะแบ่งปันความรู้ ความเข้าใจให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจไปในทางเดียวกัน เพื่อมีเจตนารมณ์และเดินเข้าหาเป้าหมายด้วยวิธีเดียวกัน
ปัญหาหลักของการทำธุรกิจคือการจัดการกับความคิดคน หลายธุรกิจมีทุกอย่างที่ดีพร้อมในการต่อยอดได้ แต่กลับไปไม่ถึงไหนสักที ปีแล้วปีเล่าก็ยังคงทำได้แค่ประคองตัว
ส่วนใหญ่มาจากการมีลูกทีมที่ยังไม่ใช่ คนในองค์กรยังไม่พร้อม ร้ายแรงที่สุดคือทัศนคติไม่ตรงกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ยากที่จะสานต่อให้แนวคิดไปในทางเดียวกันอีกต่อไป
ถามว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้ในทีมของเราพร้อมหรือยัง?
เริ่มต้นจากการหายใจเข้าลึกๆ แล้วลองสำรวจแนวความคิดและการแสดงออกว่าคนในทีมมีคุณสมบัติข้อเหล่านี้หรือไม่ ถ้ามีก็อาจต้องพูดคุยหารือกันอีกครั้ง เพื่อย้ำแนวทางที่ชัดเจน
อย่างแรกคือการไม่ยอมรับในตัวเอง นี่คือลิสต์ปัญหาที่เจอบ่อยที่สุดข้อหนึ่งในทุกธุรกิจ แน่นอนว่าทุกคนย่อมมีความคิดเป็นของตัวเอง และไม่มีใครจะเก่งไปเสียทุกเรื่อง
ในธุรกิจร้านอาหาร ความสามารถที่อาจต้องมีมากกว่าธุรกิจอื่นคือการปรับตัวกับหน้าที่อยู่เสมอ บางวันอาจไปทำแคชเชียร์ บางทีก็ต้องเก็บจาน หรือบางคราวอาจต้องดูแลความเรียบร้อย
ซึ่งคงมีทั้งดีและไม่ดี การยอมรับว่าตัวเองถนัดอะไร ไม่ถนัดอะไร ก็ทำให้รู้ว่าต้องจัดวางแบบไหน ยิ่งผู้ประกอบการเองก็จะได้หาตำแหน่งที่ลงตัวของคนในทีมได้ และเมื่อนั้นศักยภาพที่ถนัดก็จะถูกรีดออกมามากที่สุด ผลดีก็จะไปไหนเสีย
อีกอย่างคือการกลัวความขัดแย้ง เมื่อถึงเวลาต้องประชุมประเมินผลเพื่อหาข้อเสีย แล้วในที่ประชุมเต็มไปด้วยความเงียบ ไม่กล้าเสนอ ก็จะทำให้ไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง แล้วเมื่อไม่มีการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาก็จะถูกลืมไปในที่สุด
สิ่งที่น่ากลัวในการทำธุรกิจคือการหยุดพัฒนานี่แหละ เพราะจะทำให้ไม่รู้เลยว่าที่ผ่านมามันดีพอจริงๆ หรือแค่เพราะว่าบุคคลในองค์กรเกรงใจ ต่อให้เป็นญาติพี่น้องกัน ก็อาจมีความเกรงใจได้ ไม่กล้าพูดตรงๆ ไม่อยากทำร้ายน้ำใจ และผลเสียก็จะค่อยๆ ขยายตัวอย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน
ทางที่ดีเจ้าของธุรกิจควรมีวิธีลูกล่อลูกชนเพื่อจะได้คำตอบที่มาจากใจ เพราะบางทีพ่อครัวรู้ดีว่าวัตถุดิบยังดีไม่พอ และไม่ได้คุณภาพ แต่ก็เลือกที่จะมองข้าม ผลสุดท้ายอาหารออกมาก็จะลดประสิทธิภาพลงไปด้วย
แต่ถ้ามีการพูดคุยกันเสมอ ทบทวนและตรวจเช็คมาตรฐานบ่อยครั้ง นานเข้าก็จะกลายเป็นนิสัย เมื่อเจ้าของธุรกิจทำได้แล้วก็ต่อยอดไปสร้างนิสัยที่ดีให้กับบุคลากรตำแหน่งอื่น แล้วในวันหนึ่งจากความฝันที่จะทำให้ธุรกิจเต็มไปด้วยคนที่มีความเข้าใจในทางเดียวกัน ก็จะกลายเป็นความจริงขึ้นมาในสักวัน
เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ข้อบังคับ แต่เป็นระเบียบทั่วไปที่อยู่ร่วมกันในสังคม ยิ่งสำหรับธุรกิจก็เหมือนการพาคนหลายคนมาอยู่ที่เดียวกัน ดังนั้น เป้าหมายจำเป็นต้องไปในทางเดียวกัน เพื่อสุดท้ายแล้วผลที่ได้ก็จะส่งผลต่อทั้งธุรกิจและสังคมในนั้นด้วย
ใครว่าเรื่องรายละเอียดไม่จำเป็นสำหรับธุรกิจร้านอาหาร ยิ่งใส่ใจเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ ก็จะทำให้ผลของงานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ร้านอาหารชื่อดังยังใส่ใจ ทั้งชุดยูนิฟอร์ม คำกล่าวต้อนรับลูกค้า หรือ ตำแหน่งของพนักงาน
ทุกสิ่งรายล้อมกลายมาเป็นคำว่ามาตรฐาน การจัดบริหารธุรกิจต่อให้จะเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่เลยที่จะง่ายสักครั้ง บางคนเริ่มต้นคนเดียว บางคนทำกันเป็นทีม ก็จะเจอกับอุปสรรคที่แตกต่างกัน
หรือบางคนจะทำธุรกิจเพื่อความร่ำรวย ในขณะที่บางคนทำธุรกิจเพื่อแค่ต้องการพยุงรายได้และประคองภาระได้ดีขึ้น การเข้าสู่วงการ Cloud Kitchen ก็ถือเป็นโอกาสครั้งใหม่ ไม่ใช่แค่โอกาสทางธุรกิจ แต่หมายถึงโอกาสในการทำความเข้าใจผู้คนมากยิ่งขึ้น และยอมรับในความสามารถที่แตกต่างกัน
สิ่งที่จะทำให้ความฝันของทุกคนเดินเข้าใกล้ความเป็นจริง ย่อมมาจากความตั้งใจ วินัย ความสามารถ และจะลืมไปไม่ได้คือการใส่ใจคนรอบข้าง ทรัพยากรที่แข็งแรงที่สุดไม่ใช่เงินทุนที่หนา ทำเลที่ใหญ่โต แต่เป็นผู้คนที่เต็มไปด้วยคุณภาพ
แล้วในวันนี้ ไม่ว่าตัวคุณจะอยู่ในทีมของใคร และใครจะอยู่ในทีมของคุณ แสดงศักยภาพของตัวเองออกมาให้มากที่สุด และขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสยอมรับในความสามารถผู้อื่น
อย่าพยายามกดดันและเพิ่มภาระหน้าที่ของตัวเองให้มันเกินตัว ค่อยๆ ทำทีละอย่างด้วยความใจเย็น รอบคอบมากที่สุด ให้หลังจากนี้ทุกอย่างที่ออกมาจากเราเต็มไปคุณภาพ
เหมือนกับคำเปรียบเปรยที่ความหมายลึกซึ้งที่ว่า
“ข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง”
…
ภาพประกอบจาก : Pexels
ที่มาจาก Fanpage : CEO Restaurant