ชวนนักลงทุนส่องทิศทางการตลาดคนสร้างบ้านในยุคสังคมผู้สูงอายุ

ภาพรวมของจำนวนประชากรในปัจจุบันพบว่าแนวโน้มการมีบุตรของคนไทยมีอัตราน้อยลงสวนทางกับจำนวนประชากรผู้สูงวัยที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากจนเรียกได้ว่าเป็นการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อคนกลุ่มนี้กลายเป็นสังคมกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้และมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคตหลายองค์กรธุรกิจจึงเริ่มหันมาพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะเพิ่มมากขึ้น

โอกาสเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในสังคมผู้สูงวัยมีมากน้อยแค่ไหน?

ช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไปของคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยคือช่วงที่เตรียมบอกลางานประจำที่ทำงานแล้วกว่าครึ่งชีวิต หรือจะเรียกอีกอย่างว่าเป็นช่วงของการวางแผนความมั่นคงในบั้นปลายของชีวิต ดังนั้นสิ่งที่คนกลุ่มนี้จะให้ความสำคัญก็คือการใช้ชีวิตในช่วงหลังเกษียณอายุ บ้านคือตัวเลือกแรกและตัวเลือกหลักที่จำเป็นจะต้องมีเพราะเมื่อเข้าสู่วัยชราพื้นที่ของการใช้ชีวิตก็ไม่ได้กว้างเหมือนช่วงวัยรุ่นหรือวัยกลางคนแล้ว ฉะนั้นบ้านดี ๆ สักหลังจึงกลายเป็นความต้องการหลักของคนในช่วงวัยนี้

เมื่อจำนวนผู้สูงวัยในอนาคตมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นจึงมีผลสำรวจออกมาว่าคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไปมักจะมองหาบ้านหลังใหม่มากกว่าการอยู่ร่วมกับลูกหลานเพื่อเป็นครอบครัวใหญ่เพราะต้องการความเป็นส่วนตัวและต้องการออกมาจากสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ที่อยู่มาทั้งชีวิต โดยคิดเป็นอัตราประมาณ 44% ของผลสำรวจทั้งหมด ซึ่งถือเป็นสถิติที่น่าสนใจมากทีเดียวสำหรับนักลงทุนหรือผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังวางแผนในการเจาะกลุ่มตลาดนี้และแน่นอนว่าจะต้องสร้างความแตกต่างและมีความละเอียดอ่อนกว่าการสร้างบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างทั่วไป

สร้างบ้านจากความต้องการของผู้อยู่อาศัย

ผู้สูงอายุส่วนใหญ่มักจะใช้เวลาอยู่กับบ้านมากกว่าการพาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมภายนอกเพราะด้วยอายุที่มากขึ้นกลายมาเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้การใช้ชีวิตไม่เอื้ออำนวยเหมือนเมื่อก่อน ดังนั้นนักลงทุนจึงต้องกลับมาทำการบ้านว่าสิ่งที่คนสูงวัยอยากให้มีในบ้านคืออะไรบ้าง

1. บ้านที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ

สิ่งแรกที่คนซื้อบ้านทุกคนต่างก็มีความคาดหวังไม่ต่างกันนั่นก็คือบ้านที่มีความปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีอายุมากขึ้นและความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองนั้นลดลง จากผลสำรวจพบว่าจุดที่ผู้สูงอายุประสบอุบัติเหตุบ่อยที่สุดก็คือ ห้องน้ำ และบันได ฉะนั้นประเด็นสำคัญที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการเจาะกลุ่มตลาดบ้านผู้สูงอายุจะต้องใส่ใจในรายละเอียดเป็นพิเศษนั่นก็คือวัสดุที่ใช้ ยกตัวอย่างเช่น พื้นกระเบื้องที่ไม่มีลื่นเงา หรือบันไดที่ไม่ลาดชันหรือสูงเกินไปเพื่อลดโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น

คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ

2. พื้นที่ใช้สอยน้อย ๆ และใช้งานง่าย

สำหรับยุคสมัยใหม่ความต้องการบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเยอะคือความต้องการหลัก หรือแม้แต่พื้นที่เล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในบ้านก็ต้องต่อเติมให้สามารถใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด แต่สำหรับคนสูงอายุกลับต้องการเพียงแค่บ้านที่มีพื้นที่โล่งและมีอุปกรณ์สำหรับการหยิบใช้สอยได้ง่ายโดยไม่จำเป็นต้องออกแรงเยอะ

3. การออกแบบให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน

การออกแบบควรคำนึงถึงผู้ที่จะเข้าไปอยู่อาศัยเป็นอันดับแรก บ้านที่ตอบโจทย์คนสูงอายุโดยเฉพาะครอบครัวเล็ก ๆ คือบ้านชั้นเดียวเพื่อลดความลำบากในการเดินขึ้นลงบันได หรือหากต้องเป็นบ้านสองชั้นอาจจะเพิ่มราวจับเพื่ออำนวยความสะดวกและมีความปลอดภัยมากขึ้น เพราะเมื่ออายุมากขึ้นข้อจำกัดก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นไม่ว่าจะเป็นความอ่อนล้าหรือกล้ามเนื้อที่ไม่แข็งแรง รวมถึงความสามารถในการมองเห็นด้วย

4. บริเวณรอบ ๆ บ้านคือพื้นที่ของการใช้ชีวิต

เมื่ออายุกลายมาเป็นปัจจัยที่ทำให้ความสามารถในการออกไปอยู่สภาพแวดล้อมภายนอกลดลง พื้นที่ที่คนสูงอายุจะอยู่ก็คงเป็นบ้าน หากลองสังเกตจะพบว่าคนสูงอายุส่วนใหญ่ที่อยู่บ้านจะไม่ยอมอยู่บ้านเฉย ๆ แต่จะพยายามหางานเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้หรือจัดส่วนหย่อม เพราะไม่ว่าใครก็ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ในบ้านสี่เหลี่ยมไปตลอด ดังนั้นสิ่งที่ต้องการมากไปกว่าบ้านที่ดีก็คือพื้นที่นอกบ้านที่จะเข้ามาเพิ่มสีสันชีวิตหลังช่วงวัยเกษียณนั่นเอง

ดังนั้นจะเห็นได้ว่ากลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้สูงวัยมักจะมองหาบ้านที่มีความสะดวกสบายมากขึ้นภายใต้ความทันสมัย นวัตกรรมที่มีความปลอดภัยและตอบโจทย์การใช้ชีวิต ในช่วงวัยที่ความสนุกสนานเริ่มน้อยลง สังคมเริ่มเล็กลง บ้านดี ๆ สักหลังท่ามกลางสภาพแวดล้อมดี ๆ ก็น่าจะอยู่ในใจใครหลาย ๆ คนแล้วเหมือนกัน