เชื่อหรือเปล่า ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ มักมีคุณค่าและประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น ไม่มีใครหรือสิ่งใดที่เกิดขึ้นแล้วไม่มีค่า อยู่ที่ว่าจะค้นเจอเมื่อไหร่ว่าสิ่งนั้นมีดีอย่างไร
ถ้ายังไม่เชื่อลองพาตัวเองออกมาจากมุมมองเดิม ๆ แล้วกวาดสายตาไปรอบตัวดูสิ เห็นไหมว่าอะไรที่เห็นกันจนคุ้นตา เหล่านี้ก็มีประโยชน์ในมุมของตัวเองทั้งสิ้น
สิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ต้นไม้ ดอกไม้ ก็มีหน้าที่สังเคราะห์แสง ให้ร่มเงาแก่ผู้คนที่เดินผ่านไปมา แถมบางชนิดยังส่งกลิ่นหอมและความสวยงามให้อบอวลอยู่เสมอ
ไม่เว้นแม้แต่สัตว์ ที่ถึงแม้รูปร่างหน้าตาจะต่างกันตามลักษณะทางพันธุกรรม แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีคือความได้เปรียบและพรสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดอย่างไม่รู้ตัวมาก่อน
หนึ่งเรื่องที่หลายคนยังไม่ค่อยรู้มาก่อนคือ สัตว์แต่ละชนิดมักมีความสามารถพิเศษที่แตกต่างกัน แล้วแต่ละตัวพวกเขาทำสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปอย่างเราทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
“มด” รู้ไหมว่าเขาเป็นสัตว์ที่ไม่เคยนอนหลับเลย มีเพียงแค่งีบเล็กน้อยเท่านั้น ที่เหลือก็ยังคงทำงานหนักอย่างไม่หยุด
“แมงกะพรุนไฟ” เป็นสัตว์ที่มีชีวิตยืนยาวเป็นอมตะ เพราะเขาสามารถกลับไปเป็นตัวอ่อน หรือวัยเจริญเติบโตอยู่ตลอด
“หมีกริซลี” หนึ่งในหมีที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากรูปลักษณ์ที่น่าเอ็นดู เขายังสามารถรับรู้กลิ่นต่างๆได้ไกลถึง 18 ไมล์ทีเดียว
หรือ “เมียร์แคต” พวกเขาก็สามารถสร้างม่านกันแดดที่ดวงตา ด้วยขนที่อยู่รอบดวงตา ทำให้ดูดรับแสงได้ เพื่อให้สายตามองไปได้ไกล ดังนั้นการมองศัตรูจนสุดสายตา เป็นเรื่องสบายมาก
ย้อนกลับมาที่มนุษย์สักหนึ่งคน ความสามารถพิเศษมีอย่างมากมายตั้งแต่เราเกิด การมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ หรือการมีประสาทในการรับรู้ เหล่านี้ก็เป็นสิ่งวิเศษมากอย่างหนึ่ง
ศาสตราจารย์โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด มีแนวคิดเกี่ยวกับทฤษฎีความฉลาดของมนุษย์ โดยการวิจัยพบว่าแบ่งได้ด้วยกัน 8 ด้านสำคัญที่พบเจอ
ประกอบไปด้วย ด้านภาษา ,ด้านมิติสัมพันธ์ ,ด้านตรรกะ ,ด้านมนุษยสัมพันธ์ ,ด้านดนตรี ,ด้านเข้าใจตนเอง ,ด้านร่างกาย และสุดท้ายคือ ด้านธรรมชาติ
ซึ่งในเด็กทุกคนมีความสามารถในด้านต่างๆผสมกันอยู่ทั้งสิ้น ไม่มีใครที่มีแค่ด้านเดียว และก็ไม่มีใครที่ไม่มีเลยสักด้าน
แต่ปัจจัยที่จะทำให้ด้านใดด้านหนึ่งเด่นชัดขึ้น มาจากหลายองค์ประกอบทั้ง การเลี้ยงดู สิ่งแวดล้อม อาจรวมไปถึง สังคม
โดยที่ความสามารถเหล่านี้ หรือที่หลายคนเรียกกันว่า “พรสวรรค์” มันอยู่กับทุกคนมาโดยตลอด เพียงแต่อย่างที่บอกไป ปัจจัยรอบข้างทั้งหลายทำให้ทุกคนต่างมีจุดเด่นที่ต่างกัน
เพราะบางพรสวรรค์ไม่สามารถปลุกได้ด้วยตัวเอง ต้องอาศัยแรงขับเคลื่อนบางอย่างในการกระตุ้น ไม่อย่างนั้นหากไม่มีการคอยย้ำเตือน สิ่งที่เคยมีก็จะหลับอยู่ในส่วนลึกของตัวเราเสมอ
ด้วยเหตุนี้ ในวัยเด็กผู้ปกครองหลายคนจึงมักส่งลูกหลานไปทำกิจกรรมต่างๆ แล้วมักได้ยินคำว่า “ให้ค้นหาตัวเอง” อยู่บ่อยๆ เพราะนั่นจะทำให้ได้รู้ว่าสิ่งที่ถนัดคืออะไร แล้วพุ่งไปหาทันที
ทุกคนมีบางอย่างที่ซ่อนอยู่ กระบวนการสำคัญคือการค้นหาตัวเอง พูดง่ายแต่หลายครั้งก็ทำไม่เคยได้ ถ้าปราศจากการสังเกตตัวเอง บางทีอาจต้องลองนั่งวิเคราะห์ตัวเองดูว่า ภายในเราเป็นคนแบบไหนอย่างไม่มีอคติ ตรงไปตรงมา แล้วจึงค่อยหาวิธีค้นหาพรสวรรค์ของตัวเอง ไม่นานจะเข้าใกล้สิ่งที่ตามหา
ในสังคมการทำงานก็เช่นกัน ทุกคนต่างมีความถนัดกันคนละแบบ จะให้ฝ่ายบัญชีไปทำการตลาด หรือจะให้ฝ่ายการตลาดไปเป็นฝ่ายขาย ก็คงจะไม่ถนัดสักเท่าไหร่
เพราะแต่ละคนถูกเรียนรู้มาแตกต่างกัน พื้นฐานทักษะวิชาที่ใช้ก็ย่อมคนละตำรากันเป็นของธรรมดา
สังเกตว่าองค์กรใหญ่ๆ จะมีการจัดแบ่งแยกแผนกไว้อย่างชัดเจน เพื่อความรวดเร็วในการทำงาน และสำคัญที่สุดเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในงานนั้นๆ อีกด้วย
ความแตกต่างของแต่ละองค์กร อยู่ที่การวางแผนอย่างเป็นระเบียบ รู้ว่าใครทำอะไรได้ดี ก็ให้มีส่วนรับผิดชอบในหน้าที่นั้น
ในมุมเจ้านาย อาจอยากได้คนที่ทำงานหลายฟังก์ชั่น เพื่อความยืดหยุ่นในการทำงานที่คุ้มค่า และประหยัดเวลา แต่คงจะดีกว่าถ้าให้เขาทำงานในแบบที่ถนัด เพื่อการโฟกัสอย่างตรงจุด
และเช่นเดียวกัน ในยุคนี้มุมของคนทำงานเอง ก็อยากจะพัฒนาความสามารถอยู่เสมอ เพื่อโอกาสที่เปิดรับมากขึ้น แน่นอนใครก็อยากจะเก่งขึ้นด้วยกันทั้งนั้น อันนี้ไม่มีผิด
คือถ้าหากว่ารู้ตัวแล้วว่าตัวเองชำนาญอะไร ถนัดสิ่งใด แล้วมองว่าอยากพัฒนาด้านอื่นบ้าง อันนี้น่าชื่นชม กำลังมาถูกทาง
แต่ปัญหาคือ หลายคนยังไม่รู้เลยว่าชอบอะไร ทำสิ่งหนึ่งได้ยังไม่ชำนาญก็อยากจะลองทำสิ่งอื่นดู บางครั้งมันก็คงจะเหมาะถ้าคุณอยากมีความรู้รอบตัวที่มากเข้าไว้
กุญแจของการประสบความสำเร็จ ขอแค่คุณรู้แค่เรื่องเดียวก็พอ เพียงแต่ต้องรู้และเข้าใจมันอย่างแท้จริง เท่านั้นเพียงพอแล้ว
สุดท้าย เป็นอีกครั้งที่ต้องยกประโยคคลาสสิกที่ใช้ได้จริงเสมอ
“Put the right man on the right job”
…
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ภาพประกอบจาก : Pexel