เมื่อความเหลื่อมล้ำ ทำให้ต้นทุนของคนเรามีไม่เท่ากัน และคำว่า ‘พยายาม’ เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อความสำเร็จ
‘ความพยายาม’ เป็นเพียงส่วนประกอบเล็ก ๆ ของความสำเร็จ
ทุกคนอาจเคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น’ กันบ่อย ๆ และคงรู้สึกฮึกเหิมทุกครั้งที่ได้ฟังมัน
แต่เคยสงสัยกันไหมว่า ความพยายามแค่อย่างเดียว ทำให้เราสำเร็จได้จริง ๆ หรือ ?
ทำไมคนประสบความสำเร็จถึงมีจำนวนน้อยมาก เมื่อเทียบกับอัตราส่วนของคนทั้งหมด
ลองคิดเล่น ๆ ว่า…
ประชากรโลก มีไม่ต่ำกว่า 7,300 ล้านคน แต่เรารู้จักคนสำเร็จระดับโลกแบบนับหัวได้
ประชากรในประเทศไทย มีราว ๆ 66.5 ล้านคน แต่คนสำเร็จจนเข้าขั้นระดับตำนาน มีไม่กี่สิบคนเท่านั้น
เพราะอะไร ?
เป็นเพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีความพยายาม…?
หรือเพราะจริง ๆ แล้วคนส่วนใหญ่มีความพยายามมากเกินไป จนเข้าขั้นตะบี้ตะบันทำ โดยไม่มีเทคนิค ไม่มีวิธีคิดที่แตกต่าง หรือจับจุดหาทางไปสู่ความสำเร็จไม่ถูกกันแน่ ?
ทีนี้…ลองย้อนกลับมาที่สาเหตุหลัก ๆ ที่เป็นอุปสรรคของความสำเร็จกัน
สิ่งแรกที่นึกถึง คงหนีไม่พ้น ‘ต้นทุน‘ ใช่ไหม เพราะถึงแม้เราจะเรียกร้องความเท่าเทียมกันมากี่ยุคกี่สมัย สุดท้ายแล้วความเหลื่อมล้ำและระยะห่างในสังคมก็ยังมีมากอยู่ เพราะ ‘ต้นทุนชีวิต’ เป็นสิ่งที่เราเลือกไม่ได้
ยิ่งเกิดมาจน ความสำเร็จก็ยิ่งห่างไกลมากเท่านั้น ถึงแม้ว่าเราจะใช้ความพยายามอย่างมากแล้วก็ตาม
‘ถ้าต้นทุน + ความพยายาม’ ยังไม่พอ
แล้วอะไรคือสิ่งที่ต้องทำถ้าอยากประสบความสำเร็จ ?
. . .
ดร.หนุ่ย หรือพันเอก ดร.อรรถสิทธิ์ หัสถีธรรม
เป็นมนุษย์พันธุ์ติดลบตั้งแต่เด็ก ต้นทุนต่ำมาก จนต้องลาออกจากโรงเรียนไปใช้แรงงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร แต่กลับดิ้นรน จนกระทั่งกลายเป็น พันเอก ด็อกเตอร์ ที่สร้าง 15 ล้านแรกได้ในปัจจุบัน ได้ตอบคำถามข้อนี้กับเราว่า…
“ถ้าอยากสำเร็จ ต้องมี 3 สิ่งที่มากกว่าความพยายาม ได้แก่…
หนึ่ง คุณต้องมีความเชื่อ
สอง คุณต้องค้นหาโอกาส
และสาม เมื่อเจอโอกาสแล้ว ต้องเพิ่มความเป็นไปได้ให้กับมัน”
ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกัยบ ดร.หนุ่ย กันสักนิด
เรื่องราวความยากลำบากทั้งหมดมันเริ่มขึ้นตอนที่สูญเสียคุณพ่อไปในตอนที่ยังเด็กมาก ทั้งครอบครัวจึงเหลือแค่ตัวดร.หนุ่ยเอง กับแม่และน้องสาว
เมื่อเสาหลักของครอบครัวจากไป ความยากจนที่กัดกินชีวิตจึงทำให้ ดร.หนุ่ย ต้องตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนตอนอายุ 14 ปี เพื่อหางานทำ หาเงินมาจุนเจือปากท้องในครอบครัว
ตอนนั้นเรียกได้ว่าทำงานทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่สนตำแหน่ง ไม่สนจำนวนเงิน จึงเริ่มจากการเป็นบ๋อย หรือพนักงานเสิร์ฟอาหารตามภัตตาคารห้างร้านต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นบาร์เทนเดอร์ผสมเหล้าด้วย
จากนั้นจึงเก็บเงินไปเรียนศึกษาผู้ใหญ่ภาค
แต่ ดร.หนุ่ย ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น…
เพราะเขาตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้
สุดท้าย เมื่อดิ้นรนไปเรื่อย ๆ ปัจจุบัน ดร.หนุ่ยได้ผันตัวมาเป็นผู้ประกอบการเต็มตัว และสร้างรายได้ 15 ล้านแรกจากการทำธุรกิจ
ทั้งหมดที่กล่าวมา แค่อยากจะบอกว่า เขาพลิกชีวิตด้วย 3 ขั้นตอน ดังนี้
หนึ่ง…เชื่อ
ดร.หนุ่ย กล่าวเอาไว้ในหนังสือ จากมนุษย์พันธุ์ติดลบ กลับมาสร้าง 15 ล้าน ใน 3 ขั้นตอน ที่ตนเรียบเรียงเอาไว้ว่า “ทุกคนสามารถเป็นอะไรก็ได้ หาก ‘เชื่อ’ ว่าเป็นได้”
และยิ่งความเชื่อยิ่งใหญ่เท่าใด เราก็จะเห็นโอกาสที่ใหญ่ขึ้นเท่านั้นด้วย
ยกตัวอย่าง…ความเชื่อของกลุ่มเด็กหนุ่มนักศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ Mark Zuckerberg ที่เชื่อว่าเทคโนโลยีดิจิทัล สามารถนำมาช่วยตอบสนองความพื้นฐานของมนุษย์นั่นคือการเชื่อมโยง นำไปสู่การเห็นโอกาสในการสร้าง Online Community เมื่อความเชื่อมันเป็นความเชื่อที่บิ๊กบึ้ม โอกาสที่เห็นมันก็จะบิ๊กบึ้ม….เฉกเช่นปราฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากการอุบัติขึ้นมาของ Facebook นั่นเอง
สอง…ค้นหาโอกาส
“โอกาส” ในความหมายของ ดร.หนุ่ย ก็คือความเป็นไปได้ที่จะเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง ณ เวลาหนึ่ง ๆ และการเกิดขึ้นนั้น มันดีมันเจ๋ง มันเกื้อกูลต่อเรา ซึ่งตรงกันข้ามกับอุปสรรค หรือ ความเป็นไปได้ ที่จะเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง ณ เวลาหนึ่ง ๆ แต่มันดัน ไม่ดีไม่เจ๋ง และไม่เกื้อกูลต่อเรา
เหตุผลที่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็นโอกาส มีแค่ไม่กี่ข้อ คือ…
- หนึ่ง ไม่มั่นใจในตนเอง
- สอง ไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้
- สาม ลังเลสงสัย
- สี่ เหตุผลต่าง ๆ นานา ที่ยกมาเป็นข้ออ้างได้ตลอด
ทางแก้นั้นง่ายมาก ดร.หนุ่ยเสนอไว้สั้น ๆ แค่สองข้อ คือ…
- หนึ่ง มีความมั่นใจในตัวเอง
- สอง เชื่อว่าความสำเร็จที่คิดฝันนั้นเป็นไปได้
สาม…เพิ่มความเป็นไปได้ให้กับโอกาส
เมื่อเห็นโอกาสแล้ว มันจะยังไม่สำเร็จหรอก เราต้องเพิ่มความเป็นไปได้ให้โอกาสซะก่อน
เช่น คุณอาจมองทุกอย่างให้กว้างขึ้น ด้วยการการปรับเปลี่ยนสิ่งที่มีอยู่เดิม ให้เป็นสิ่งใหม่ หรืออาจมองหาสิ่งที่คนต้องการ แต่ไม่อยากทำเอง และเปลี่ยนมันเป็นธุรกิจที่สร้างความสุขและเม็ดเงินมหาศาล
แต่อย่างไรก็ตาม สรุปให้สั้น ๆ ว่า แม้จะเห็นโอกาสแล้ว แต่ถ้าไม่ริเริ่ม ไม่คิดทำ มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
จำไว้ว่า ทุกความสำเร็จในโลกเริ่มต้นด้วยการ “ลงมือทำ” และ “ทำด้วยความรัก ความหลงใหล” เท่านั้นเอง
. . .
และนี่คือพื้นฐานความคิดง่าย ๆ ที่คนมักหลงลืมกัน
จนใช้แรงกายและความพยายามไปอย่างสิ้นเปลือง โดยไม่มีผลลัพธ์แห่งความสำเร็จเกิดขึ้นเสียที
อ้างอิง : ข้อมูลจากหนังสือ จากมนุษย์พันธุ์ติดลบ กลับมาสร้าง 15 ล้าน ใน 3 ขั้นตอน (เรียบเรียงโดย พันเอก ดร.อรรถสิทธิ์ หัสถีธรรม )
บทความโดย : กองบรรณาธิการ สำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
ขอบคุณรูปภาพจาก : เว็บไซต์ Pexel และเพจ Strategic Man