“หยุดหนี้”
สัญญาณเตือนภัยที่ส่งถึงเจ้าหนี้ว่าลูกหนี้กำลังมีปัญหาด้านการเงิน
“หยุดหนี้”
อาจจะเสียเครดิตบ้าง แต่มันจะช่วยให้ภาระหนี้คุณเบาลงในช่วงหนึ่ง
อาจจะถูกฟ้องร้อง แต่อย่างน้อยยังมีเวลาตั้งตัวอีก 12-18 เดือน
“หยุดหนี้”
มันอาจจะมีข้ออ้างหลายอย่าง ที่ทำให้คุณ “กลัว” ที่จะหยุดส่งหนี้
การหยุด ไม่ใช่การหาย แต่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการเจรจาของคนที่ไม่มีเงินจะจ่ายหนี้
บทความนี้จะช่วยลดความกลัว แล้วเพิ่มกล้าที่จะหยุดหนี้ หันไปต่อรองกับเจ้าหนี้แทน
เราหยุดจ่ายหนี้ทำไม หยุดจ่ายเพื่ออะไร?
01 เพื่อต่อรอง
ในระหว่างที่หยุดส่งหนี้ 3 – 6 เดือน คุณต้องขอดำเนินการปรับปรุงหนี้ทุกธนาคารที่มีอยู่ เพื่อลดค่าใช้จ่ายรายเดือน และในระหว่างนั้นก็ทำบัญชีรายรับ – รายจ่าย เพื่อดูว่าตอนนี้คุณมีภาระหนี้อยู่เท่าไหร่ จะได้วางแผนการเงินได้ง่ายขึ้น
และปกติแล้วการขอปรับปรุบโครงสร้างหนี้ มักได้ดอกเบี้ยใหม่ที่ต่ำกว่าเดิม
*ข้อควรระวัง*
ยอดปรับลดการส่ง กับ ยอดปรับปรุง ไม่เหมือนกัน
ยอดปรับลดการส่ง จะได้ดอกเดิม แต่เสียดอกเต็มและลดเงินต้น หรืออาจจะพักจ่ายเงินต้น เสียแต่ดอกอย่างเดียว แต่ถ้าได้อย่างกรณีหลังปฏิเสธไปเลย แล้วรอต่อรองใหม่ เพราะจ่ายแต่ดอกให้ตาย ต้นไม่ลดแล้วเมื่อไหนหนี้จะหมด
02 เพื่อเก็บเงิน
ในช่วงที่หยุดจ่ายหนี้ ถ้าเก็บเงินส่วนนั้นดี ๆ คุณจะมีเงินเหลือเก็บสำรองก้อนหนึ่งไว้ใช้สำหรับโปะหนี้ครั้งต่อไป เพราะระหว่างหยุดส่งหนี้ 3 – 6 เดือน ในขั้นตอนที่ธนาคารทำเรื่องขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้เร็วที่สุด คือ ขาดส่ง 4 เดือน บวกกับนัดเซ็นสัญญาอีก 1 เดือน
นั้นหมายความว่าคุณสามารถยื้อเวลาจ่ายหนี้ไปได้ถึง 5 เดือน เพื่อที่จะทราบว่าธนาคารจะอนุมัติปรับปรุงหนี้หรือเปล่า และขั้นนี้สำคัญมาก เพราะคุณจะคำนวณได้ว่าคุณจะสามารถจ่ายหนี้ไหวไหม
03 เพื่อเลือกปิดหนี้ทีละก้อน
เอาเงินเก็บที่ได้จากการหยุดจ่ายหนี้ ไปโปะ
มีมากจ่ายมากกว่ายอดขั้นต่ำ จ่ายเป็นก้อน ๆ ให้หมดไป
มีน้อยจ่ายเท่าขั้นต่ำจะได้ไม่เดือดร้อนรานจ่ายต่อเดือน
*ทริคเล็ก ๆ สำหรับการโปะหนี้*
หนี้ไหนดอกแพง จ่ายอันนั้นก่อน เพื่อลดดอกงวดถัดไป
ยิ่งถ้าเงินต้นลดลง ดอกก็จะลดลงตาม หนี้ก็หมดเร็ว
จ่ายช้า แต่จ่ายจริง
เจ้าหนี้เขาไม่ได้ต้องการทรัพย์สินของเราเท่าเงินของเขาคืนหรอก ดั้งนั้นการหยุดจ่ายนี้จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ใช้ต่อรองการจ่ายหนี้เวลาเราไม่มีจ่าย
เราได้พักหายใจ เจ้าหนี้ก็ได้เงินคืนทั้งดอกและเงินต้นถึงจะช้าหน่อยก็ตาม เป็นวิธีที่ WIN – WIN กันทั้งสองฝ่ายจริงไหม
บทความโดย: รัตติยา นาเมืองรักษ์
กองบรรณาธิการ สำนักพิมพ์ 7D Book & Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels