ถ้าผมกำลังบอกว่า คุณมีความสามารถพิเศษในการมองเห็นอนาคตได้ คุณเชื่อหรือไม่ ?
นี่คือเรื่องจริงที่หลายคนยังไม่รู้ มนุษย์เราสามารถหยั่งรู้ในเรื่องราวที่จะเกิดได้ในอนาคต แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะค้นเจอความสามารถนี้ได้ทันที เพราะความเป็นจริง มันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
หลายคนอาจเลื่อนผ่าน เมื่อเห็นคำโปรยในบทความนี้ไปแล้ว บ้างก็อาจกำลังคิดในใจว่านี่คือโฆษณาชวนเชื่อ หลอกลวง ขายของ ขายฝัน อีกตามเคย แต่ไม่ว่าคุณที่ยังอ่านอยู่ตรงนี้จะเป็นใครก็ตาม ผมอยากใช้ความน่าเชื่อถือทั้งหมดของนักเขียนตัวน้อยที่มีในเวลานี้ ยืนยันได้ ว่านี่คือเรื่องจริง!
และหลังจากคุณได้รู้เรื่องราวต่อจากนี้ มั่นใจได้เลย ทันทีที่อ่านจบ สิ่งที่ถูกเรียกว่า พลังวิเศษ เช่นนี้ จะแทรกซึมเข้าไปในตัวคุณ อย่างที่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลย
เช้าวันหนึ่ง ในสถานการณ์วุ่นวาย ช่วงเวลาราว 1 โมง (หรือ 7 โมงเช้า) ชายคนหนึ่งที่กำลังยืนรอรถประจำทาง เพื่อเดินทางไปทำงานให้ทันในเวลา 9 โมงตรง เขาหันมองนาฬิกาด้วยความเร่งรีบ เพราะเขารู้ดีว่าในทุกวัน เขาใช้เวลาเดินทางจากบ้านไปที่ทำงานอยู่ที่ประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง (ไม่รวมรถติด)
เวลาล่วงเลยจนถึง 7 โมงครึ่ง รถก็ไม่มีวี่แววจะมาสักที แม้ว่าอากาศตอนเช้าในวันนั้นจะเย็นสบายแค่ไหน แต่กลับไม่ทำให้ชายคนนี้อารมณ์เย็นขึ้นมาได้เลย เพราะในใจของเขาตอนนี้ มีเป้าหมายอยู่อย่างเดียวคือการจะทำอย่างไร ให้ไปทำงานในเวลาไม่สาย!
จนแล้วจนรอดเวลาของเขาก็มาถึง รถประจำทางมาจอดเทียบท่า ชายคนนี้กระโดดขึ้นรถอย่างรวดเร็ว เมื่อนั่งลงได้ สิ่งแรกที่เขาทำคือ ยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาเกือบ 8 โมงแล้ว ยิ่งทำให้เขาตาตื่น จนหลังไม่ติดพนักพิงเลยทีเดียว
ตลอดทางนอกจากมองข้างทางอย่างไม่ละสายตา ตอนนี้ในหัวของเขากำลังใช้ความคิดว่าจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไรให้ดีที่สุด
เมื่อถึงป้าย เขาเดินลงจากรถมาด้วยหน้าตาตื่น พร้อมกับเป็นเวลา 8.50 น. ตอนนี้ทุกคนคงคิดว่า ก็แสดงว่าไม่สายนะ แถมเหลือเวลาอีก 10 นาทีด้วยซ้ำ แต่เข้าใจผิดแล้ว เพราะป้ายนี้ยังไม่ใช่ที่ทำงานยังไงล่ะ
ปกติแล้ว เขาจะใช้เวลาเดินจากจุดลงรถ ไปถึงตึกทำงานด้วย เวลา 30 นาที พร้อมกับซื้อกาแฟร้านโปรด ติดมือมาด้วยเสมอ แต่วันนี้ไม่เหมือนเดิม เขาใช้เวลาน้อยนิดที่มีอยู่ เดินตรงไปที่วินมอเตอร์ไซค์ เพื่อแลกกับการเดินไปทำงานแทน โดยไม่หันไปมองกาแฟแม้แต่น้อย ทั้งที่ส่วนตัวเขาติดกาแฟยิ่งกว่าอะไร
ทันทีที่ลงมอเตอร์ไซค์จอด เขารวบรวมแรงที่มีทั้งหมด วิ่งไปแสกนนิ้วอย่างไม่สนใจสิ่งใดในโลกทั้งสิ้น พร้อมกับค่อยๆดูเวลาที่เครื่องแสกน ปรากฏว่า เป็นเวลา….. 9 โมงตรงแบบพอดิบพอดี
ความรู้สึกของเขาตอนนี้ เป็นอะไรที่ไม่สามารถอธิบายได้ ทั้งดีใจ ภูมิใจ มากมายเต็มไปหมด ซึ่งที่เขารู้สึกดีได้ขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะว่ามาทันเวลาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะการตัดสินใจและประสบการณ์ ทำให้เขาจัดการกับมันได้ตามเป้าหมายที่กำหนด
ถึงแม้ว่าเช้าวันนั้น ชายคนนี้จะไม่ได้ดื่มกาแฟสักจิบเดียว (ซึ่งคนที่ติดกาแฟจะรู้ดีว่า การไม่ได้ดื่มกาแฟในตอนเช้า มันจะทรมานแค่ไหน ) แต่ไม่รู้ทำไมกลับกลายเป็นวันที่เขามีความสุขมากที่สุดวันหนึ่งในรอบหลายเดือนที่มาทำงานเลย
เรื่องราวของชายคนนี้ กำลังจะบอกอะไรเราบ้าง ?
จะบอกว่าให้ตื่นเช้ากว่าเดิม เพื่อไปทำงานให้ทันอย่างนั้นเหรอ? หรือ เราควรตัดเรื่องไร้สาระบางอย่างออกไปจากชีวิต? ไม่ใช่เลยต่างหาก เพราะความจริงรายละเอียดมีมากกว่านั้นอีก
ถอดรหัสลับจากชายนิรนามที่จะพาคุณเรียนรู้วิธีทำนายอนาคตตัวเอง ให้แม่นยิ่งกว่าหมอดูชื่อดัง
- เมื่อเจอสิ่งที่รัก เรียนรู้ที่จะ “กล้าหาญ”
ในชีวิต ถ้าไม่มีความรัก จะเรียกว่าชีวิตได้อย่างไร คนที่ถูกทิ้งด้วยความรัก ต่อให้มีเงินมากแค่ไหน ก็ไม่มีความสุข ผู้คนที่ไม่กล้าไล่ตามความรัก จะประสบความสำเร็จมากแค่ไหน ก็เป็นคนขี้ขลาดอยู่ดี
เรื่องราวนี้ก็เช่นกัน ถามว่าเกี่ยวกับความรักตรงไหน ?
มันคือการรักในงานและเคารพในความรับผิดชอบของตัวเองต่างหาก เชื่อว่าหากเหตุการณ์เกิดขึ้นกับคนอื่น ต้องมีหลายคนที่ไม่ตัดสินใจทำแบบเดียวกับที่ชายคนนี้ทำแน่นอน บางคนอาจจะถอดใจตั้งแต่ออกจากบ้านแล้วก็ได้ อาจจะใช้ทางออกโดยการยอมรับกับตัวเองว่า “สายก็สาย” เพราะมันใช่ความผิดเราที่ไหน โทษปัจจัยอื่นรอบข้างที่ผิดพลาด และปล่อยทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นให้ช้าขึ้นไปอีก
หรือเต็มที่ก็อาจจะแจ้งไปบอกกับที่ทำงานว่าจะไปสายในวันนี้ ทั้งที่ยังไม่พยายามเลย นั่นคือ การยอมรับในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เหมือนการยอมแพ้ทั้งที่ยังไม่ลงแข่งด้วยซ้ำ
การรักในความรับผิดชอบของตัวเอง ถึงแม้ว่าสุดท้ายทุกคนอาจไม่โชคดีเหมือนชายคนนี้ แทนที่จะทุกข์ใจ กลับตรงกันข้าม จะสบายใจมากขึ้น ที่ได้ลองเชื่อในตัวเอง สุดท้ายเจ้านายจะต่อว่าหรือตัดเงินเดือน ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ตอนนั้นก็จะรู้ว่า ถ้าไม่ลองแก้ไขดู คงจะเสียดาย เพราะความเสียดายมันไม่มีทางรักษาได้
- ตระหนักถึงโอกาส ใช้ความกล้าหาญที่จะท้าทายมัน
ในชีวิตนี้ โอกาสไม่มีที่สิ้นสุด สิ่งสำคัญคือ รู้วิธีคว้ามันไว้หรือไม่ ถ้าเอาแต่เฝ้าดูผู้อื่น แล้วเมื่อไหร่จะเป็นเราบ้างที่ประสบความสำเร็จ ?
คนที่ประสบความสำเร็จ เป็นคนที่เคยลำบากนับไม่ถ้วน เมื่อโอกาสมาถึง พวกเขาจะไม่ลังเลที่จะคว้ามันไว้ แล้วมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ผู้แพ้ ต่อให้โอกาสผ่านไปต่อหน้าต่อตา ก็จากไปโดยไม่ลงมือทำอะไรเลย กลัวความล้มเหลว กลัวความสามารถไม่พอ หาเหตุผลสารพัด
คิดว่านี่คือครั้งแรกที่ชายคนนี้เจอกับสถานการณ์แบบนี้เหรอ คือครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ต้องเจอ แต่สิ่งที่ต่างไปในวันนี้คือรู้จักปรับตัวเข้าหามันมากกว่าเดิม
โอกาสมีอยู่ทุกที่ แต่มีไว้สำหรับคนที่ “ใหญ่” ไม่ได้มีสำหรับคน “ตัวเล็ก” แม้แต่คนขายผักในตลาด ถ้าใจใหญ่มากพอ เพียงพูดไม่กี่คํา ทำให้ผักยังขายแพงพอๆกับกุ้งสดได้ทันที
แล้วจะรู้ได้ไงว่าสำเร็จ ถ้าไม่ลองทำ กล้าจะท้าทาย อาจไม่ประสบความสำเร็จ แต่หลายครั้งที่พยายามก็จะสำเร็จอยู่ดี
- มีน้อยคน ที่จะประเมินว่าเรากล้าหาญและยิ่งใหญ่
ถ้าซื่อสัตย์มากไป มักจะโดนคนอื่นเอาเปรียบ ชีวิตนี้ไม่ง่ายที่จะเชิดหน้าชูตาในสังคม เหมือนกับถ้าชายคนนี้รู้ว่าไปทำงานไม่ทันแล้ว ก็ยอมรับในโชคชะตา โทษว่าเป็นความผิดตัวเอง ความพยายามของคุณก็ไม่ต่างอะไรกับให้เพื่อนบ้านทิ้งขยะไว้หน้าประตู คุณไม่กล้าที่จะบอก แต่ทุกข์ทรมานตลอดวัน สุดท้ายเหยื่อก็มีแค่คุณ
คนกล้าที่แท้จริง ต้องรู้จักการเอาชนะ แม้ว่าสิ่งนั้นคือโชคชะตาหรืออะไรก็ตามแต่ คุณปฏิบัติแค่ครั้งเดียว มุมมองก็จะเปลี่ยนไป อย่างน้อยก็ในสายตัวเอง สมองและจิตวิญญาณจะจดจำได้ว่าตัวคุณเองไม่ยอมแพ้ และทุกครั้งที่เจอเรื่องราวบีบคั้น ก็จะถูกเสียงในหัวบอกอยู่เสมอว่า “เราทำได้”
- อยากเป็นคน “ใจใหญ่” จงพัฒนาความกล้าหาญเสียก่อน
เป็นคน “ใหญ่” มันไม่มีอะไรผิด แต่ต้องมี พรสวรรค์และความกล้าสามารถไปด้วยกัน คนมีเงิน โอกาสในการลงทุนก็มากขึ้น แต่คนที่มีการศึกษาสามารถค้นพบโอกาสในขณะที่เข้าใจสิ่งต่างๆได้ง่ายขึ้น
ก่อนจะ “กล้า” ลองพัฒนาตัวเองให้ดี เพื่อให้คนอื่นชื่นชม ต้องศึกษาจุดแข็งของผู้อื่น เรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จ ค้นพบจุดสว่างของพวกเขา มันคือ “ไฟ” สำหรับเส้นทางพัฒนาการ
ถ้าต้นมีทุนน้อย ก็พยายามให้มากขึ้น โลกนี้ไม่มีคนโง่ มีแต่คนที่ไม่ยอมใช้สมอง ถ้าคุณไม่สามารถเก่งในหลายๆเรื่องได้ ก็จงโฟกัสสิ่งดีที่สุดสำหรับคุณ ยิ่งคุณตั้งใจมากเท่าไหร่ ยิ่งสำเร็จง่ายขึ้น
ในชีวิตของทุกคน ต้องเผชิญกับความยากลําบาก เหมือนยืนอยู่บนเส้นด้าย ถ้าคุณถอยหลัง จะล้มลง แต่ถ้าคุณกล้าหาญ จงใช้ปัญญาบินสู่ดวงอาทิตย์ แล้วชีวิตของพบสิ่งใหม่
การทำนายอนาคต ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพียงเรียนรู้กับสิ่งที่ผิดพลาดของตัวเองอย่างถี่ถ้วน รวบรวมความกล้า พัฒนาในสิ่งที่ที่อยู่ตรงหน้า มุ่งมั่นแบบสุดขีดความสามารถในสิ่งที่ต้องการ ถ้าคุณทุ่มเทกับสิ่งนี้มากพอแล้ว ลองหลับตาลง คุณก็จะเห็นอนาคตแบบที่คาดไม่ถึงอยู่ตรงหน้า
สุดท้าย อนาคตจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับการกระทำในวันนี้ว่า เราพร้อมที่จะรับมือและแก้ไขกับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นตรงหน้ามากพอแค่ไหน ถ้าหากว่ายัง ต้องพยายามกันต่อไป จนกว่าวันหนึ่ง ทุกอย่างลงตัว คุณแข็งแรงมากพอ ถึงเวลานั้น อนาคตคุณกำหนดมันได้เลย ..
อ้างอิง:
เรียบเรียงโดย : กฤตเมธ อันสมัคร
กองบรรณาธิการ สำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก : Pexels