“บ้านเพื่อสิ่งแวดล้อม ความจริงแล้วทำไปเพื่อใครกันแน่?”
นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วกับคำว่า “บ้านเพื่อสิ่งแวดล้อม” สิ่งปลูกสร้างที่เป็นมิตรกับธรรมชาติไม่ว่าจะมองในแง่ไหนก็เห็นผลดีมากกว่าผลเสีย แม้จะถูกยกขึ้นมาพูดคุยกันในวงกว้างกันอย่างแพร่หลายแต่นั่นกลับไม่ได้เป็นบ่งชี้ว่าแนวคิดนี้จะถูกยกขึ้นมาปรับใช้กันจริง ๆ เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ถูกปล่อยให้เป็นแค่แนวคิดในอุดมคติของนักลงทุนเพียงเพราะหาคำตอบไม่ได้ว่าหลังจากการก่อสร้างขึ้นมาอย่างเป็นรูปเป็นร่างแล้วผลลัพธ์จะขึ้นกับทางไหนมากที่สุด
เพื่อสิ่งแวดล้อม…
เพื่อผู้อยู่อาศัย…
หรือเพื่อการเติบโตของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
เมื่อเริ่มต้นทศวรรษใหม่เทรนด์บ้านเพื่อสิ่งแวดล้อมได้กลับมาอีกครั้งในช่วงที่ผู้คนเริ่มหันมาตระหนักถึงปัญหาของธรรมชาติที่ถูกทำลายจนส่งผลกระทบมาถึงวิถีชีวิต ซึ่งการกลับมาในครั้งนี้อยู่ภายใต้ชื่อ “บ้านสีเขียว” หรือ Green Home พร้อมแนวคิดใหม่ ๆ ที่จะเข้ามามีอิทธิพลกับแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากกว่าครั้งก่อน ๆ ที่ไม่ได้สร้างแนวคิดแบบฝังหัวว่าจะต้องทำเพื่อสิ่งแวดล้อมเป็นหลักแต่เป็นการมุ่งเน้นไปที่คุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยก่อนโดยที่นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นคนส่งต่อสิ่งปลูกสร้างเหล่านั้นยังคงได้รับผลประโยชน์มากกว่าค่าความเสียหายและอยู่ภายใต้การดำเนินงานที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากเท่ากับการก่อสร้างรูปแบบเดิม ๆ
Asset Based Lending, LLC ผู้ดำเนินงานด้านการจัดการกองทุนด้านอสังหาริมทรัพย์จากรัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการสร้างบ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไว้ว่าสิ่งที่เห็นได้ชัดในช่วงที่ผู้คนเริ่มหันมาใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้นนั้นคือการเพิ่มโอกาสให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จะปรับใช้กลยุทธ์นี้เพื่อผลักดันบ้านที่มีคุณภาพออกสู่ตลาด และการหันมาใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยังมีส่วนช่วยในการลดต้นทุนวัสดุก่อสร้างจากเดิมอยู่หลายเท่าตัว
นอกจากนี้ยังมีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับใช้วัสดุก่อสร้างแบบใหม่ที่ไม่ได้เป็นมิตรแค่กับสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นมิตรกับทั้งตัวนักพัฒนาฯ และกลุ่มลูกค้าในอนาคต ตามหัวข้อดังต่อไปนี้
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
ผลตอบรับที่ดีจากมุมมองของนักลงทุน
เมื่อคนทั่วไปเริ่มหันมาใส่ใจปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น คนที่จุดประกายแนวคิดนั้นขึ้นมาให้เป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้เป็นอันดับแรก ๆ จะได้รับมากกว่าคำว่าภาพลักษณ์จากการเป็นส่วนหนึ่งของคนที่ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแต่ยังรวมถึงความน่าเชื่อถือที่จะได้รับจากกลุ่มผู้อยู่อาศัยด้วย และที่มากไปกว่านั้นจะเห็นได้ว่าหากนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีจุดขายคือการหันมาทำการก่อสร้างอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมักจะถูกจับตามองจากกลุ่มนักลงทุนมมากเป็นพิเศษเพราะพวกเขาต่างก็เล็งเห็นว่าในอนาคตความต้องการของกลุ่มลูกค้าต่อบ้านสีเขียวนี้จะมีมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ทำให้การลงทุนหรือการดำเนินงานของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีเสถียรภาพและเพิ่มโอกาสความคล่องตัวด้านการเงินด้วย
ค่าใช้จ่ายและต้นทุนที่ถูกลง
สิ่งที่เห็นได้ชัดและสามารถประเมินออกมาเป็นสถิติคงไม่พ้นเรื่องต้นทุน ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายคนที่ได้เข้ามาทำบ้านสีเขียวนั้นต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าค่าใช้จ่ายในด้านการก่อสร้างนั้นถูกลงเพราะโครงสร้างส่วนใหญ่ทั้งภายนอกและภายในทำมาจากวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและทำงานร่วมกับพลังงานสะอาดซึ่งจะมีราคาต้นทุนถูกกว่าวัสดุทั่วไปที่ทำมาจากทรัพยากรที่ต้องใช้พลังงานสิ้นเปลืองมาเป็นองค์ประกอบ อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะอายุการใช้งานที่เทียบเท่ากันหรือมากกว่าด้วย
สิทธิประโยชน์ด้านภาษี
อีกหนึ่งผลลัพธ์ทางการเงินที่มีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้นก็คือเรื่องของภาษีที่รัฐบาลได้ทำการจัดเก็บจากผู้ประกอบการหรือนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ การทำบ้านที่มีโครงสร้างมาจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในเรื่องของภาษีโดยแนวคิดนี้ได้มาจากการสนับสนุนของภาครัฐที่อยากส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเริ่มหันมาเป็นต้นแบบในการกระตุ้นการใช้ทรัพยากรที่ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติน้อยที่สุด ซึ่งการปรับใช้กับการก่อสร้างที่เห็นได้ชัดมากที่สุดและมีความนิยมกันอย่างแพร่หลายคือการต่อเติมอาคารด้วยโซลาร์เซลล์ที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นหลักแทนการใช้พลังงานไฟฟ้า
เป็นมิตรกับสุขภาพของผู้พักอาศัย
จากการศึกษาและวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพพบว่าเจ้าของบ้านหรือคนที่อาศัยอยู่ในบ้านนั้นมีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีขึ้น และจากผลทดสอบวัสดุก่อสร้างและส่วนต่อเติมภายในบ้านพบว่ามีผลเสียต่อร่างกายน้อยโดยเฉพาะสีที่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนที่มีโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจหรือแม้กระทั่งคนทั่วไปที่ต้องอาศัยอยู่ในบ้านที่เพิ่งสร้างเสร็จ แต่บ้านสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อมกลับพบปัญหาเหล่านี้น้อยมากหรือมีโอกาสที่จะไม่เกิดขึ้นเลยเช่นกัน
ทั้งที่มีข้อดีมากกว่าที่คิดแต่หลายคนอาจจะยังสงสัยว่าแล้วทำไมนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีกหลายคนถึงยังไม่เปลี่ยนมาใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืนกว่า เหตุผลคงจะเป็นเพราะว่ายังมีความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่ยังไม่มีความแน่นอนและนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมในแต่ละพื้นที่นั้นมีความแตกต่างกัน แต่อีกมุมหนึ่งหากมองในฐานะผู้ประกอบการ การมองหาโอกาสใหม่ ๆ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่วัสดุก่อสร้างทั่วโลกกำลังดีดขึ้นราคา การหันมาใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแถยังมีราคาถูกกว่าก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลยไม่ใช่หรือ?
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
อ้างอิง:
11 Green Building Materials For Sustainable Property Investors จาก https://www.fortunebuilders.com/green-building-materials/
“บ้านรักษ์โลก” สร้างบ้านสวยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จาก https://blog.ghbank.co.th/eco-house/
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
เรียบเรียงโดย: ศุภธิดา รัสพันธ์
คอนเทนต์ครีเอเตอร์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Freepik