เมื่อวิกฤติมา ฉันคิดและทำอย่างไรเพื่อให้โรงแรม ลูกน้อง และฉันรอด
ขอย้อนเรื่องราวสักนิดนะคะ
เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์…
พวกเรา และพนักงานทุกคน ยังเตรียมการสำหรับกรุ๊ปสัมมนา ที่มีจองเข้ามาเรื่อยๆ ในเดือนมีนาคม ถึงแม้ตอนนั้นจะมีข่าวโควิด มีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีลูกค้าที่จองและขอเข้ามาดูสถานที่อยู่ตลอดเวลา รวมถึงมีบางส่วนที่วางเงินมัดจำเลย เพราะใกล้วันเต็มที
เป็นเวลาที่ทุกคนกำลังวุ่นวาย ขอกำลังคนเพิ่ม เพื่อเสริมในเดือนมีนาคม
แต่ในเวลาอันสั้น สิ่งที่พวกเราไม่คาดคิดคือ Covid-19 แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
จากสิ่งที่เราคิดว่ามันไกลตัว และไม่น่ากระทบเป็นวงกว้าง เพราะลูกค้าก็ยังมีจอง มีชำระเงินเข้ามาเรื่อย ๆ กลายเป็นสิ่งที่ผู้คน เริ่มตระหนักมากขึ้น รวมถึงพวกเราด้วย
ลูกค้ากรุ๊ป เริ่มทยอยยกเลิกกรุ๊ป
ลูกค้าทั่วไป เริ่มโทรเข้ามาสอบถามถึงสถานการณ์ ว่าเป็นอย่างไร ยังสามารถเข้าพักได้ไหม หรือเลื่อนได้ไหม ยกเลิกได้ไหม
เรียกได้ว่า เป็นช่วงที่เราต้องติดตามสถานการณ์กันวันต่อวัน ก่อนที่จะให้ข้อมูลลูกค้า และเพื่อจัดการกับการจองของลูกค้าที่มีค้างในระบบ
“จากที่มีบุ๊คกิ้งในมือ กลับกลายเป็น บุ๊คกิ้งค่อย ๆ หายจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว เพราะลูกค้าไม่กล้าเดินทางมา และเราจำเป็นต้องให้ลูกค้ายกเลิกได้”
ในวันที่รู้สึกว่าวิกฤติที่แท้จริงเริ่มมาแล้ว
สิ่งแรกที่คิดคือ การพูดคุยกับพนักงานถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว และแนวทางในการดำเนินการต่อจากนี้ ที่ต้องทำทันทีโดยให้ข้อมูลที่แท้จริง ทั้งในส่วนของบริษัท และข้อมูลการช่วยเหลือจากประกันสังคม ว่าสิ่งที่พนักงานจะได้เจอต่อจากนี้คืออะไรให้ร่วมกันตัดสินใจ ถึงแนวทาง รวมถึงให้ความรู้เกี่ยวกับโรคโควิด และเหตุผล รวมถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ว่าทำไม่เราต้องหยุดและสลับกันมาทำงาน
โดยในเบื้องต้น ให้ทุกคนอ่านเอกสารที่เป็นข้อมูลต่าง ๆ ร่วมกัน และสอบถามให้เข้าใจ ก่อนรับทราบทุกคน
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาความเข้าใจผิดในภายภาคหน้าแต่หลังจากทำความเข้าใจกันเสร็จ ก็เป็นจังหวะที่ผู้ว่าสั่งปิดโรงแรม พอดี
เมื่อไม่มีรายได้ แล้วภาระที่มีคืออะไรบ้าง?
ทำยังไงให้เราเก็บเงินสดไว้ได้มากสุด เนื่องจากเรายังไม่รู้ว่าสถานการณ์นี้จะยาวไกลและกระทบเราอีกนานแค่ไหน ลิสต์ดูมีคร่าว ๆ คือ
1. หนี้ผ่อนชำระแบงค์ ที่ยังต้องผ่อนทุกเดือน
ความจริงคุยก่อนที่จะเกิดวิกฤติ เพราะวางแผนเรื่องการชำระและขอลดดอกเบี้ยก่อนหน้านี้
แต่เมื่อเกิดวิกฤติ สถานการณ์เปลี่ยนไปก็ได้คุยบ่อยขึ้น เพื่อหาข้อมุลที่เป็นประโยชน์ที่สุดกับวางแผนใหม่ ในเรื่องการผ่อนชำระ โดยคำนึงถึงการเก็บเงินสดสำรอง เผื่อในอนาคตแทน
2. ค่าดูแลตึก (รปภ) ค่าจ้างพนักงาน ค่าน้ำไฟ
ส่วนนี้คือยังต้องมี แต่วางแผนการใช้ ให้ประหยัดสุดและถือเป็นโอกาสที่จะปรับปรุง ซ่อมแซมส่วนที่เสียหายที่ในเวลาปกติ ทำได้ไม่สะดวกเนื่องจากมีลูกค้าพัก
ค่าน้ำไฟ วางแผนการใช้ เพื่อประหยัด และตรวจสอบว่าส่วนไหนขอคืนเงินประกันได้ จัดการให้ได้เงินสดคืนเข้ามาให้ได้มากสุดจากทุกช่องทาง และขอชำระช้าสุดเท่าที่จะทำได้
3. ค่า Software – ทีใช้ในการดำเนินงาน
ขอลดราคา หรือตัดบางตัวออกชั่วคราว เนื่องจากโรงแรมปิด ไม่จำเป็นต้องใช้ หรือขอขยายระยะเวลาการใช้ออกไปโดยจ่ายเท่าเดิม เนื่องจากเหตุผลข้างต้น
4. ค่าโฆษณา ทั้งในส่วนที่ทำเอง และจ้างบริษัทนอกทำ
ขอยกเลิกการทำโฆษณารายเดือนชั่วคราว และขอเปลี่ยนเป็นจ่ายค่าคอมมิชชั่นเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดขายที่เกิดจากโฆษณานั้นๆแทน ส่วนที่ทำเอง ก็ลดงบประมาณลง แต่ยังมีอยู่ เพื่อทำขาย Voucher Online
ในส่วนของพนักงาน หลังจากที่ต้องหยุดงานเนื่องจากโรงแรมปิด
1. การหางานพิเศษให้ทำ
เพื่อให้มีรายได้มาเสริม โดยเลือกให้สลับกันไปทำ เพื่อเว้นระยะห่าง ป้องกันโควิด
2. สนับสนุนให้ขายสินค้าออนไลน์
ทำกันเองและขายเอง โดยเราให้คำแนะนำ และช่วยขายให้ฟรี
ทักษะนี้ เราได้เห็นพนักงานหลายคน กระตือรือร้นต่องานขายมากขึ้น และเมื่อเค้ามีรายได้มากขึ้น ก็มีกำลังใจมากขึ้น
3. ให้สลับกันเรียนรู้เรื่องงานระบบ
สำหรับคนที่ไม่เข้าใจ เพื่อปรับปรุงทักษะ ก่อนโรงแรมเปิดจริงอีกครั้ง
4. ให้พนักงานจัดทำคู่มือถามตอบออนไลน์
เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกคน เนื่องจากช่วงนี้ เรามีขาย Voucher online ด้วย
ดังนั้น การถามตอบและเข้าใจในโปรโมชั่นต่างๆ ในแต่ละช่องทาง เป็นสิ่งสำคัญ ถือเป็นการซ้อม สำหรับการเน้นขายแบบนี้จริงจังในอนาคตไปในตัว
ขอบคุณภาพประกอบบทความ : เว็บไซต์ Pixabay และ freepik
บทความโดย : คุณ Cha Shasha
เจ้าของที่พัก Costa Village Bangsaray
ติดต่อสั่งจองที่พักได้ที่เบอร์ 092-0199555
และ Costa Village Pool Villa (Jomtien)
ติดต่อสั่งจองที่พักได้ที่เบอร์ 088-0222992