การดึงดูดให้ผู้ชมยังนั่งอยู่ไม่ลุกหนีไปไหนในโรงภาพยนตร์คือวิธีการอันชาญฉลาดที่ค่ายหนังยักษ์ใหญ่หลายเจ้าเลือกใช้ แม้ทันทีที่หนังจบลงแต่ผู้คนก็ยังคงนั่งเฝ้ารอการมาของเกร็ดหรือซีนสำคัญที่เป็นการปูทางสู่ภาคถัดไปที่ผู้กำกับมักใส่มาในช่วงท้ายสุดของภาพยนตร์เสมอ
สิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่ผู้ชมมักเข้าใจผิดมาโดยตลอด เพราะคนส่วนใหญ่จะเรียกสิ่งนี้ว่า EndCredit แต่แท้จริงแล้วคำนี้หมายถึงรายชื่อผู้เกี่ยวข้องที่ขึ้นหลังหนังจบ ซึ่งก็คือเหล่าทีมงานทุกคนนั่นเอง ส่วนฉากสำคัญที่ถูกสอดแทรกมาในช่วงท้ายเรื่องเรียกว่า Post Credit Scene หรือ After Credit Scene
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญในเรื่องนี้ เพราะเรื่องที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือวิธีการแบบนี้นอกจากจะเป็นการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะให้คนจดจำ ยังทำให้องค์กรนั้นมีฐานที่แข็งแรงและมั่นคงจนก้าวขึ้นสู่เบอร์ต้น ๆ ในอุตสาหกรรมแขนงเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย
สาเหตุเพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะการใส่ใจในรายละเอียดที่หลายคนมองข้าม อาจเรียกได้ว่านี่คือคุณสมบัติขององค์กรหรือบริษัทที่ประสบความสำเร็จเลยก็ว่าได้
ลองคิดดูว่าหากภาพยนตร์สักเรื่องคิดจะดึงจุดขายของตัวเองมาใช้โดยการใส่ฉากสำคัญท้ายเรื่อง นั่นหมายความว่าผู้ชมก็ต้องเฝ้ารอถึงช่วงสุดท้ายจริง ๆ แล้วเวลาระหว่างที่หนังจบไปจนถึงฉากเด็ดท้ายเรื่องคนดูจะทำอะไรล่ะ…ถูกต้องแล้ว ต้องนั่งดูรายชื่อทีมงานนักแสดงต่าง ๆ ไป
นี่จึงเป็นสิ่งที่ค่ายหนังยักษ์ใหญ่คิดมาไว้ทั้งหมดแล้ว คือการให้ผู้ชมได้เห็นรายชื่อของคนสำคัญ นอกจากผู้กำกับและนักแสดง ไม่ว่าจะเป็นตากล้อง ฝ่ายศิลป์ ฝ่ายเทคนิค ช่างไม้ คนถือไมค์บูม เจ้าหน้าที่ทั่วไป และทุกตำแหน่งที่เกี่ยวข้องก็คือส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ในเรื่องนี้ทั้งสิ้น
ทีนี้ถามว่า จริงอยู่ที่ความตั้งใจของค่ายหนังต้องการให้เกียรติกับทุกตำแหน่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งกับภาพยนตร์เรื่องนั้น แต่สังเกตได้ว่ารายชื่อใน EndCredit ยาวเป็นหางว่าวสุดท้ายใครจะไปจดจำได้หมด ส่วนใหญ่ก็จำแค่นักแสดงและผู้กำกับอยู่ดี
ก็อาจจะจริงนะ แต่ใครสนที่ไหนกัน ขอแค่ทุกคนมีชื่ออยู่ในจอก็เพียงพอแล้ว รู้ไหมความสนุกก่อนหนังจะออกฉายสู่สายตาคนทั่วโลกคือการที่เหล่าทีมงานจะคอยนั่งหาชื่อตัวเองใน EndCredit จากนั้นพวกเขาจะเก็บไว้ในความทรงจำของตัวเอง แล้วมันจะอยู่เช่นนั้นตลอดไป
นอกจากนี้สิ่งที่เหนือการคาดเดายังไม่หมดเพียงเท่านั้น ลองสมมุติดูว่าคุณมี เพื่อน พี่ น้อง หรือญาติสนิททั้งหลายเป็นส่วนหนึ่งกับตรงนี้ แล้วพบว่าชื่อคนเหล่านั้นอยู่บนจอขนาดใหญ่ที่มีผู้ชมมหาศาล คุณจะรู้สึกภูมิใจในตัวพวกเขามากแค่ไหน แล้วถ้าพวกเขารู้ว่าคนรอบข้างได้เห็นผลลัพธ์ในสิ่งที่เขาทำ ต่อให้จะเป็นหน้าที่เล็กน้อยเพียงใด ก็จะยิ่งใหญ่ในสายตาพวกเขาเสมอ
แม้ไม่รู้ว่านี่คือสิ่งที่ค่ายหนังตั้งใจหรือแค่เรื่องบังเอิญ แต่เชื่อได้เลยว่ายิ่งส่งผลดีต่อองค์กรอย่างชนิดที่ต่อให้ขึ้นเงินเดือนอีกกี่เท่าก็หาความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
และทำให้เห็นว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการประสบความสำเร็จ ไม่ใช่การหาเอกลักษณ์เฉพาะตัวเสมอไป แต่เป็นการใส่ใจในเรื่องเล็กน้อย ยิ่งเรื่องนั้นส่งผลต่อผู้คนมหาศาล ย่อมทำให้เป็นการสร้างความสำเร็จระยะยาวได้อย่างมั่นคงและแข็งแรงโดยที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนสักนิดเดียว
อาจเหมือนกับความแตกต่างของบริษัทที่ผลิตสินค้าประเภทเดียวกัน แต่มีกระแสตอบรับที่ไม่เหมือนกัน จุดต่างที่เด่นชัดที่สุด คือการใส่ใจรายละเอียดของลูกค้าที่ไม่เท่ากัน
อย่างเช่น มีสองบริษัทที่ผลิตผงซักฟอกเหมือนกัน บริษัทแรกใช้วัตถุดิบอย่างดี มีสรรพคุณให้ความขาว หอม และสะอาดหมดจด ตามหน้าที่ที่ผงซักฟอกควรจะเป็นอย่างไม่บกพร่อง
ส่วนบริษัทที่สอง ไม่ได้ใช้ส่วนประกอบที่ดีเท่ากับบริษัทแรก เพื่อลดต้นทุนให้ลูกค้าเข้าถึงราคาได้ง่ายขึ้น และสรรพคุณก็ไม่ได้ขาว หอม เหมือนกับบริษัทแรก ยอมลดคุณภาพลงมาแต่ก็ไม่ถึงกับต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ของเขามีสรรพคุณซักในที่มืดก็ไม่มีกลิ่นอับ และการันตีว่าคงความหอมนาน 12 ชั่วโมง หากไม่เป็นดังนั้นยินดีคืนเงินทันที
ส่วนใหญ่ก็คงเลือกในแบบที่สองมากกว่า ทั้งที่ไม่ใช่วัตถุดิบที่ดีที่สุด แต่ว่าดูจะเข้าใจและตอบโจทย์ลูกค้าได้มากที่สุด แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจ อย่างสรรพคุณซักในที่มืดโดยไม่มีกลิ่นอับ เพราะกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพนักงานที่ทำงานตลอดวัน เวลาว่างก็คงเหลือแค่ตอนเลิกงาน ก็สามารถซักผ้าในเวลาเลิกงานได้อย่างไม่มีปัญหารบกวน
นี่คือคุณสมบัติเบื้องต้นของคนที่จะประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงส่วนใหญ่มักมีติดตัวต่างจากคนทั่วไป จะเรียกว่าเคล็ดลับความสำเร็จก็อาจได้ไม่เต็มปาก เพราะเรื่องแบบนี้สอนกันไม่ได้แต่สามารถฝึกฝนกันได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจริงจังมากพอหรือไม่
ในเหตุการณ์เดียวกัน ถ้าหากว่าใครที่ยังทำอะไรก็ตามด้วยนิสัยสั่งแต่ทำไปที ทำแบบผักชีโรยหน้า ต่อให้พยายามกลบเกลื่อนความจริงใจได้ดีแค่ไหน ก็ยังมีส่วนที่แสดงออกมาให้ผู้อื่นได้เห็นอยู่ดี สุดท้ายสิ่งที่สร้างมาก็จะยังอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนสักที
เรื่องนี้สามารถใช้ได้กับทุกเรื่องไม่จำเป็นต้องการงานอย่างเดียว การรักษาความสัมพันธ์ให้ยาวนานก็จำเป็นต้องใส่ใจในรายละเอียดเช่นกัน เพราะถ้าเรารู้จักกับใครแล้วถูกชะตาคนนั้นก็คงไม่อยากยุติความสัมพันธ์จนกลายเป็นแค่คนรู้จักกัน จริงไหม?
ในเมื่อเราก็ประทับใจหากใครจดจำรายละเอียดของเราได้ แสดงว่าเขาคนนั้นก็ให้ความสำคัญกับเรา ฉะนั้น ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เราจะไม่ทำแบบนี้กับคนอื่นบ้าง หากอยากจะเริ่มต้นก้าวแรกสู่ความสำเร็จ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี อยากให้ลองเริ่มใส่ใจรายละเอียดผู้คนและสิ่งรอบตัวดู ทำจนเป็นนิสัยให้ติดตัว จากนั้นก็รอดูผลลัพธ์อันน่าทึ่งของมันได้เลย
…
เรียบเรียงโดย : กฤตเมธ อันสมัคร
กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels