คุณรู้จักชาวยิวหรือไม่?
ชาวยิวเป็นกลุ่มคนเชื้อชาติหนึ่งที่มีอิทธิพลในด้านธุรกิจของโลก ไม่ว่าจะเป็น จอห์น ร็อกเกอร์เฟลเลอร์ ราชาน้ำมันผู้ยิ่งใหญ่ (John เจ.พี.มอร์แกน (J.P. Morgan) นักการเงินและนายธนาคารผู้ยิ่งใหญ่ อาร์มานด์ แฮมเมอร์ (Armand Hammer) นักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerburg) ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก
แล้วอะไรที่ทำให้ชาวยิวประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้
มีนิทานยิวเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นที่แพร่หลายอย่างมาก
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชายหนุ่มสองคนชื่อ Gross และ Erlich พวกเขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันและเป็นเพื่อนสนิทกัน เนื่องจากพวกเขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชนบทที่อยู่ห่างไกล ทำให้การดำรงชีพเป็นเรื่องที่ยากลำบาก พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะอพยพไปอยู่ที่อื่น ชายหนุ่มทั้งสองคนตัดสินใจขายบ้าน ที่ดิน และทรัพย์สินทุกอย่าง ยกเว้นลาตัวหนึ่งที่พวกเขาจะพามันไปด้วย
สถานที่แรกที่พวกเขาไปถึงคือโรงงานผลิตผ้าลินิน Erlich ได้บอกกับ Gross ว่า “เมืองของเรา ผ้าลินินมีค่ามาก ถ้าเรานำเงินไปแลกกับผ้าลินิน แล้วนำกลับไปขายที่เมืองของเรา เราก็จะได้กําไรแน่นอน” Gross เห็นด้วย ชายหนุ่มทั้งสองจึงนำเงินไปแลกกับผ้าลินินแล้วนำไปผูกไว้บนหลังลา
สถานที่ต่อไป พวกเขาผ่านโรงงานผลิตหนัง ที่นี่ขาดแคลนผ้าลินิน Erlich จึงพูดกับ Gross ว่า “เมืองของเราหนังมีค่ามาก เราควรนำผ้าลินินไปแลกกับหนัง เราก็จะได้กำไรมากกว่า!”
แล้ว Gross ก็พูดว่า “ไม่จำเป็นหรอก ฉันผูกผ้าลินินบนหลังลาไว้ดีแล้ว ฉันไม่อยากแกะเชือกผูกออก!”
Erlich จึงนำผ้าลินินในส่วนของเขาไปแลกเปลี่ยนเป็นหนังและยังได้เงินเพิ่มอีก ส่วน Gross ยังมีแค่ลาตัวเดียวกับผ้าลินินที่ผูกไว้บนหลังของมัน
พวกเขาทั้งสองเดินทางผ่านไปยังแหล่งสมุนไพร ที่นี่อากาศค่อนข้างแปรปรวน ทั้งยังขาดแคลนหนังและผ้าลินิน Erlich พูดกับ Gross ว่า “เมืองของเรา สมุนไพรมีค่ามาก นายนำผ้าลินินไปแลกกับสมุนไพรสิ ส่วนฉันจะเอาหนังไปแลกกับสมุนไพร ถ้าเรานำสมุนไพรไปขายที่เมืองของเรา เราก็จะได้เงินมากมายแน่นอน”
Gross ใช้มือตบกองผ้าลินินบนหลังลาเบา ๆ พลางกล่าวว่า “ฉันผูกผ้าลินินไว้บนลาแล้ว ยิ่งกว่านั้นเราก็เดินมาไกลมากแล้ว ถ้าแกะเชือกผูกออกต้องเกิดปัญหาแน่ๆ ” Erlich จึงนำหนังของเขาไปแลกกับสมุนไพรและยังได้เงินมาอีกจำนวนหนึ่ง ส่วน Gross ก็ยังมีแค่กองผ้าลินินและลาตัวเดียว
จากนั้นพวกเขาเดินทางผ่านแหล่งผลิตทองคำ ที่นี่ขาดแคลนทั้งผ้าลินินและสมุนไพร Erlich บอกกับ Gross ว่า “ราคาผ้าลินินและสมุนไพรที่นี่แพงมากแต่ทองคำมีราคาถูก ส่วนทองคำที่เมืองของเราแพงมาก เราน่าจะนำผ้าและสมุนไพรไปแลกเปลี่ยนเป็นทองคำ ชีวิตของเราก็จะไม่ลำบากอีกต่อไป”
Gross ปฏิเสธอีกครั้ง “ไม่เอาน่า ฉันผูกผ้าลินินไว้บนหลังลาแล้ว ฉันไม่อยากแกะมันออก” Erlich จึงนำสมุนไพรไปแลกเปลี่ยนเป็นทองคำอีกครั้งและได้เงินมาอีก ส่วน Gross ก็มีแต่ลากับผ้าลินิน
ในที่สุดพวกเขาสองคนก็กลับมาถึงเมืองของพวกเขา Gross นำผ้าลินินไปขายและได้กำไรมาเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับความยากลำบากที่ Gross เสียไปนั้นไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย ส่วน Erlich นอกจากจะนำเงินกลับมาได้เป็นจำนวนมาก แต่ยังนำทองคำไปขายจนกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมือง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ไม่ควรดื้อดึง ปิดกั้นตัวเอง ยอมรับการเปลี่ยนแปลงและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าคุณเป็นคนกระตือรือร้นและยอมรับการเปลี่ยนแปลง คุณจะสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างที่คุณต้องเผชิญได้อย่างลุล่วง เพียงแค่เปลี่ยนมุมมองคุณจะสามารถเก็บเกี่ยวสิ่งต่างๆ ให้กับชีวิตของคุณได้
นี่แสดงให้เห็นว่าชาวยิวได้รับการปลูกฝังทัศนคติในเรื่อการเงิน การหาเงิน และการทำธุรกิจค้าขายมานานแล้ว ชาวยิวถึงให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้ราวกับเป็นศาสนาหนึ่งของพวกเขา จนกลายพวกเขากลายเป็นกลุ่มเชื้อชาติหนึ่งที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก
นอกจากนิทานแล้ว ชาวยิวยังมีแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องเงิน ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 7 แนวคิดกับ 38 วิธี ที่คุณสามารถเรียนรู้และนำไปใช้ได้
แนวคิดที่ 1: โลกคือตลาด เงินคือศาสดา
1. ความโหดร้ายในการแข่งขันทางการตลาดเป็นสิ่งแรกที่คุณต้องเจอ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีความใฝ่ฝันที่จะร่ำรวย คุณต้องยอมรับให้ได้ ไม่ใช่ยอมรับว่ามันโหดร้าย แต่เป็นสิ่งที่คุณต้องเอาชนะให้ได้
2. ถ้าคุณอยากหาเงินและอยากร่ำรวย ไม่ว่าจะคุณจะจนแค่ไหน จงอยู่ในท่ามกลางคนรวยจะดีที่สุด
3. ควบคุมอารมณ์ให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเจอกับอารมณ์โกรธ ใจเย็นๆ และนึกถึงเงินเข้าไว้
4. เวลาเป็นสินค้าประเภทหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนเงินได้
5. การใช้ประโยชน์ทางจิตวิทยาการและการเอาชนะใจเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการค้าขาย
แนวคิดที่ 2: มุ่งเน้นการคิดเชิงกลยุทธ์ แต่อย่ายึดติดกับมัน
6. การทำธุรกิจ หากคุณฉลาดคุณก็จะมีรายได้เพียงเล็กน้อย แต่ถ้าลองเปลี่ยนความฉลาดให้เป็นสติปัญญา คุณจะสามารถหาเงินได้มากกว่า
7. รู้จักคำนวณเงินเพื่อที่จะได้รู้ว่าจะหาเงินอย่างไร
8. รู้จักพลิกแพลง ใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ๆ
9. ในวิกฤตย่อมมีโอกาสอยู่เสมอ
10. ปัญญาคือ “ขุมสมบัติ” ของผู้ประกอบการ ความคิดที่ฉลาดๆ เท่านั้นที่จะเปลี่ยน “สิ่งของธรรมดา” ให้เป็นกลายเป็น “สินค้า” ได้
แนวคิดที่ 3: ก่อนทําธุรกิจ ควรมีความเป็นมนุษย์ และในความเป็นมนุษย์คุณต้องมีปัญญา
11. ธุรกิจเริ่มต้นจากการส่งเสริมตัวเอง การสร้างแบรนด์ที่สมบูรณ์แบบ และเงินได้มาไม่ยากนัก
12. การทำธุรกิจที่ยึดมั่นในหลักการของความเป็นมนุษย์จะไม่ทำให้เกิดความผิดพลาด
13. การทำธุรกิจโดยปราศจากความอดทนนั้นยากที่จะหาเงินได้
14. คนโลภมีแน่นอน
15. ปฏิบัติต่อลูกค้าต้องสุภาพเหมือนปฏิบัติต่อผู้หญิง
16. ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในการทำธุรกิจคือลักษณะพิเศษเฉพาะตัวไม่ใช่ความเก่ง
17. สิ่งที่ทำให้การทำธุรกิจล้มเหลวคือความไม่เชื่อใจกัน
แนวคิดที่ 4: ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแต่ตนเองเพียงอย่างเดียว แต่ต้องรู้จักใช้กำลังสมองของคนอื่นด้วย
18. เงินของคนอื่นคือกุญแจสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้คุณสร้างกำไรได้
19. ใช้คนเก่ง ๆ ยืมมันสมองอันชาญฉลาดของคนอื่นเพื่อหาเงิน
20. สิ่งสำคัญที่สุดคือการรู้จักใช้เงินน้อยๆ แต่ก็ยังสามารถทำให้ธุรกิจเจริญเติบโตได้
21. พยายามอยู่ใกล้คนที่ชอบแสวงหาผลประโยชน์ แล้วคุณก็จะได้รับผลประโยชน์นั้นเช่นกัน
22. เพื่อประโยชน์ในการทำธุรกิจของคุณ เมื่อถึงเวลาจ่ายก็ควรจ่าย แล้วคุณจะได้รับกลับคืนมาภายหลัง
แนวคิดที่ 5: เงินต่อเงิน คนยิ่งต่อเงิน
23. ทำให้เงินในธนาคารมีการเคลื่อนไหวอยู่เสมอ
24. หาเงินจาก “คนรวย” ง่ายกว่า
25. เงินจากผู้หญิงและเงินจากปากต่อปาก เป็นการหาเงินสองวิธีที่ไม่มีวันตาย
26. “คนหาเงิน” ไม่เหมือน “เงินต่อเงิน” อยากทำธุรกิจใหญ่ๆ ได้เงินมากๆ แต่ไม่เข้าใจวิธีการดำเนินธุรกิจย่อมเป็นเรื่องยาก
27. ความพยายามส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำธุรกิจและใช้เงินอย่างคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์
แนวคิดที่ 6: ตระหนักรู้ในความเสี่ยงเสมอ
28. รู้จักตระหนักถึงความเสี่ยง ป้องกันจุดอ่อนและความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างมั่นคง
29. กล้าที่จะเสี่ยง ยิ่งเสี่ยงมากยิ่งได้กำไรมาก
30. นักธุรกิจที่ “รู้ตัวเลข” ไม่ใช่สิ่งจำเป็น
31. เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหลอกลวง งานบางอย่างควรใช้เงินจ้างผู้เชี่ยวชาญจึงจะเป็นการใช้เงินที่คุ้มค่า
32. การลงทุนต้องรู้จักป้องกันความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น
33. สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการทำธุรกิจคือการไม่รู้ว่าเราผิดตรงไหน
แนวคิดที่ 7: ธุรกิจต้องดูเวลาที่ทำ
34. เวลาที่ไม่ดีไม่ได้หมายความว่าจะทำธุรกิจได้ไม่ดีเสมอไป บางครั้งในทางกลับกันเวลาที่ไม่ดียิ่งหาเงินได้ง่ายขึ้น
35. จริงจังกับการรวบรวมข้อมูล
36. ติดตามการเคลื่อนไหวของเวลาตลอดเวลา และดูแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
37. คนที่กล้าออกนอกกรอบคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด
38. ค่อยๆ ก้าวทีละก้าวเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียเงิน
. . .
แค่ 7 แนวคิด 38 วิธี คุณก็สามารถรวยได้ไม่ยาก อาจทำทีละก้าว ทีละก้าว แต่คุณจะคว้าเส้นชัยได้ในที่สุด ถ้าคุณมีความพยายามมากพอ
อ้างอิง: https://www.facebook.com/1430480313652629/posts/4306889339345031/
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
แปลบทความโดย: ปิ่นแก้ว ศิริวัฒน์
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
. . .
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels และ freepik