คนทุกคนเกิดมาโดยที่ไม่รู้ว่าชีวิตของเราจะเป็นอย่างไร บางคนเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่มีความสมบูรณ์ครบ 32 ทำให้มีโอกาสใช้ชีวิตได้อย่างปกติทั่วไป บางคนเกิดมาพร้อมกับความไม่สมบูรณ์ของร่างกายทำให้ผู้เขาต้องสู้ชีวิตยิ่งกว่าหลายเท่า
ใครๆ ก็ล้วนแต่อยากเกิดมาพร้อมชีวิตที่สามารถทำอะไรได้เหมือนคนปกติทั้งนั้นแหละ แต่ธรรมชาติกลับเป็นคนเลือกให้เราเองว่าจะเกิดมาแบบไหนจะพร้อมหรือไม่พร้อมทำให้สิ่งที่รอเราอยู่ตรงหน้าอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราอยากเผชิญ
เช่นเดียวกับ รูบี้ รอสซี เด็กสาววัย 17 ที่เกิดมาพร้อมอวัยวะครบทั้ง 32 ในครอบครัวชาวประมง แม้ว่าเธอจะเรียนอยู่เกรด 12 แต่กลับต้องมาเป็นเสาหลักตั้งแต่จำความได้เพราะสมาชิกครอบครัวที่เหลืออีก 3 คน ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และพี่ชาย เกิดมาเป็น “คนหูหนวก” จึงทำให้เธอถูกเรียกว่า “บุตรที่มีบุพการีหูหนวก” หรือ CODA (ย่อมาจาก Child of Deaf Adult) และกลายเป็นตัวแทนของครอบครัวสื่อสารกับโลกภายนอกที่ไม่มีวันเป็นใจให้เธอเลย
รูบี้ต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อออกเรือไปหาปลากับครอบครัวแล้วกลับเข้าฝั่งนำมาปลาที่จับได้มาขายให้นายหน้าเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัวจากนั้นถึงขี่จักรยานไปโรงเรียน
แน่นอนว่าการออกไปจับปลาก็ใช้แรงเยอะ ทำให้เธอเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องนั่งหลับในห้องเรียนด้วยความเหนื่อย หนำซ้ำเมื่อเธอขี่จักรยานมาโรงเรียนกลิ่นคาวปลาที่ติดเสื้อยังทำให้เธอถูกล้อเลียนอยู่เรื่อยแถมยังถูก
จนวันหนึ่งโรงเรียนเปิดโอกาสให้นักเรียนเลือกชมรมและเธอก็เลือกอยู่ชมรมร้องประสานเสียงเพราะความชอบร้องเพลงบนเรือระหว่างจับปลา ที่ชมรมนี้ทำให้เธอได้พบกับแบร์นาโด บิยาโลโบส ครูสอนร้องประสานเสียงที่เห็นศักยภาพในตัวรูบี้และช่วยให้เธอเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนดนตรีที่เธอไม่เคยคิดถึง
CODA ให้ข้อคิดกับเราไว้มากอย่างเช่น 3 ข้อคิดนี้
- อย่าอายในสิ่งที่เป็นตราบใดที่มันไม่ผิด
รูบี้ต้องตื่นเช้าเป็นชาวประมงออกไปหาปลากับครอบครัวแล้วกลับมาเป็นนักเรียนในโรงเรียน วิถีชีวิตของรูบี้ก็เหมือนกับคนอีกมากที่จะต้องทำถึง 2 หน้าที่ในคนๆ เดียว และไม่ใช่เรื่องแปลกที่เกือบทุกคนก็อยากให้คนอื่นเห็นแต่ด้านที่ดูดีที่สุดของเราและเก็บชีวิตอีกมุมเอาไว้แค่เราคนเดียว
แต่ในความจริงเราไม่จำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้นเพราะถ้าเรายิ่งเก็บมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทุกข์มากเท่านั้นแล้วก็ไม่มีใครจะเก็บสิ่งนี้ออกไปได้หมด เราอาจจะใช้วีธีค่อยๆ เผยอีกด้านของชีวิตออกมา เช่นเดียวกับรูบี้ที่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าที่เธอชอบหลับในห้องเรียนเป็นเพราะต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดออกไปหาปลาในขณะที่คนอื่นยังหลับอยู่รวมถึงการมีพ่อแม่เป็นคนหูหนวก
- ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเสียก่อน
“ฉันทำหน้าที่ของฉันไม่ได้ถ้าเธอไม่ทำหน้าที่เธอ” นี่คือประโยคที่ครูแบร์นาโดบอกกับรูบี้เพราะมาซ้อมสายโดยที่ไม่รู้ว่าสาเหตุที่เธอมาช้าเป็นเพราะเธอพึ่งจะทำหน้าที่ “ลูก” คอยเป็นล่ามให้ครอบครัว
ในชีวิตการทำงานเช่นกัน หากเรายังไม่ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์เสียก่อนก็จะเป็นเรื่องยากที่จะบอกให้คนอื่นทำหน้าที่ของเขาให้ดี เพราะถ้าผลงานของเราออกมาไม่ดีก็ไม่มีทางบอกให้ใครมาแก้ไขให้แทนได้นอกจากตัวเราเอง ดังนั้นจงทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก่อนแล้วคนอื่นจะทำหน้าที่ของเขาเอง
- เราเป็นคนอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นตัวของเราเอง
หลังจากที่ไมล์สได้ไปบ้านของรูบี้เพื่อซ้อมร้องเพลง เขาเจอกับพ่อและแม่ของรูบี้ที่บังเอิญอยู่ในห้องด้วยกันสองคนในสภาพที่รูบี้ไม่ต้องการ ต่อมาไมล์สกลับอิจฉารูบี้ที่พ่อแม่ของเธอคุยกันดี ทำงานด้วยกัน ต่างจากพ่อแม่ของเขาที่ไม่ได้ใกล้ชิดกันแบบรูบี้
นี่คือตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้เรามักจะอยากเป็นคนอื่นเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการเพียงเพราะเห็นว่าเขามีชีวิตที่ดี ได้ทำในสิ่งที่ชอบ แต่เราไม่มีทางรู้เลยว่ากว่าเขาจะมีโอกาสเป็นในสิ่งที่เราเห็น เขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง
ดังนั้น วิธีเดียวที่เราจะเป็นแบบเขาได้นั่นคือ การสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเราเองเพราะถ้าเราไม่สร้างมันด้วยมือของเราเองแล้วใครล่ะจะมาทำให้
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: impawards