ฉีกข้อจำกัดบนโลกของความเป็นจริงสู่การพัฒนาที่ไร้พรมแดนบนโลกเสมือนจริงด้วยการเชื่อมต่อผ่านเทคโนโลยีและอุปกรณ์ Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) ภายใต้นวัตกรรมที่มีชื่อว่า Metaverse
Metaverse คือการจำลองโลกเสมือนจริงที่รวบรวมไว้ทั้งสถานที่ ผู้คน และสิ่งของต่าง ๆ เข้ามาและทำกิจกรรมร่วมกันรวมถึงการดำเนินธุรกิจหรือการลงทุนต่าง ๆ เหมือนกับโลกจริง เรียกได้ว่าเป็นโลกใบที่สองที่สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดหลายอย่างที่โลกของความเป็นจริงยังทำไม่ได้ อย่างเช่น การจับจองพื้นที่เพื่อทำโครงการข้างทำเนียบขาว หรือการปรับเปลี่ยนผังเมือง และการเข้ามาเปลี่ยนแนวความคิดในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่อยู่เพียงแค่เอื้อมมือ ทำให้ Metaverse ได้กลายเป็นหนึ่งในกระแสที่มาแรงที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้
Metaverse จะมีผลกับธุรกิจอสังหาฯ อย่างไรบ้าง
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คือหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่ได้รับอิทธิพลจาก Metaverse เช่นกัน ปัจจุบันมีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งทั่วโลกเริ่มหันมาให้ความสนใจและมีการจับจองซื้อขายพื้นที่บนโลกเสมือนจริงเพราะเล็งเห็นถึงการเติบโตด้านการลงทุนบนโลกดิจิทัลในอนาคตที่ไม่ใช่เพียงแค่ภาพสามมิติแต่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการดำเนินธุรกิจแบบใหม่เพื่อให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
อะไรบ้างคือสิ่งที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดขึ้นบน Metaverse
1. สื่อสารการตลาดด้วยโลกเสมือนจริง
ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์สามารถสร้างเมืองหรือออกแบบโครงการเสมือนจริงโดยใช้แบบพิมพ์เขียวของโครงการจริงมาทำเป็นแบบจำลองสามมิติบน Metaverse โดยลูกค้าสามารถเข้าไปเยี่ยมชมโครงสร้างและองค์ประกอบต่าง ๆ ที่สมบูรณ์ของโครงการที่เสมือนจริงมากที่สุดทั้งความสูงของอาคารหรือรายละเอียดภายในห้องที่ลูกค้าสนใจ เปรียบเทียบทัศนวิสัยกับพื้นที่โดยรอบรวมถึงการทดลองอยู่อาศัย โครงการเสมือนจริงนี้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์สามารถเปิดให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมก่อนอาคารจริงจะแล้วเสร็จได้
นอกจากนี้ต้นทุนในการสร้างแบบจำลองของห้องหรือตัวอาคารในโลกเสมือนจริงจะถูกและมีความรวดเร็วกว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงก็สามารถทำได้ง่ายและทำได้ในทันที ด้วยเหตุนี้ Metaverse จึงน่าจะเป็นเครื่องมือในการสื่อสารการตลาดสำหรับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ดีทีเดียว
2. เชื่อมต่อธุรกิจกับโลกเสมือนจริง
Metaverse หรือโลกเสมือนจริงนี้สามารถอำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจที่พัก เช่น โรงแรม หรือรีสอร์ทได้ด้วยการเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเข้าไปทดลองใช้บริการแบบเสมือนจริง โดยลูกค้าจะเป็นผู้เลือกห้องและเลือกระดับความหรูหราได้ตามที่ต้องการในราคาที่ถูกกว่าการเข้าใช้บริการในโลกจริง เมื่อลูกค้าได้รับประสบการณ์เข้าพักจากโลกเสมือนจริงแล้วมีโอกาสที่จะมาใช้บริการในชีวิตจริง ซึ่งจุดนี้จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบเองสามารถสร้างรายได้จากทั้งสองทางไม่ว่าจะเป็นโลกเสมือนจริงหรือโลกของความเป็นจริง
มากไปกว่านั้นธุรกิจอื่นก็สามารถเข้ามาสร้างพื้นที่ของตนเองได้เช่นกัน อย่างเช่นศูนย์การค้าก็สามารถจำลองบนโลกเสมือนจริงแล้วเชิญชวนให้ร้านค้าเข้ามาเช่าพื้นที่และทำการค้าขายได้ และหาวิธีการในการดึงดูดลูกค้าที่เข้ามาในโลกเสมือนจริงนั้น ๆ ให้เข้าเดินในศูนย์การค้าและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกค้ากับร้านค้าจนเกิดการซื้อขายและให้บริการกันจริง และเชื่อมต่อไปถึงการส่งมอบสินค้าในโลกจริงเช่นเดียวกับการสั่งของบนช่องทางออนไลน์
3. การลงทุนพัฒนาโครงการบนโลกเสมือนจริง
ในโลกเสมือนจริงนั้นไม่ได้มีแค่โลกเดียว มีการสร้างอาณาจักรนับไม่ถ้วนเพื่อให้ผู้ใช้คนอื่น ๆ เข้าไปลงทุน โดยผู้สร้างอาณาจักรจะต้องลงทุนเพื่อพัฒนาระบบให้ดึงดูดและน่าสนใจ หากมีทุนในการสร้างเยอะก็จะได้อาณาจักรที่มีความเสมือนจริงมากขึ้นซึ่งไม่ต่างจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก หนึ่งในการลงทุนที่น่าสนใจคือการขายพื้นที่ให้นักลงทุนคนอื่น ๆ เข้าไปจับจองแล้วพัฒนาให้เป็นโครงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม บ้าน ศูนย์การค้า หรือคาสิโนต่าง ๆ เมื่อมีการเข้ามาใช้บริการจะใช้ตัวกลางในการแลกเปลี่ยนซื้อขายแทนเงิน นั่นก็คือ “สินทรัพย์ดิจิทัล” เจ้าของธุรกิจจะได้รับค่าตอบแทน ส่วนเจ้าของอาณาจักรก็จะได้ส่วนแบ่งซึ่งสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินในโลกจริงได้ สินทรัพย์ตัวกลางที่ใช้แลกเปลี่ยนก็คือสกุลเงินดิจิทัลที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั่นเอง
โครงสร้างสังคมบนโลกเสมือนจริงก็ไม่ต่างจากสังคมทุนนิยมที่เราคุ้นเคย มีกลุ่มนายทุนใหญ่ที่เข้าไปซื้อพื้นที่ขนาดใหญ่ พัฒนาโครงการ และให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กเข้ามาเช่าหรือแบ่งขายเพื่อประกอบธุรกิจขนาดเล็ก โดยเจ้าของอาณาจักรหรือผู้ดูแลระบบนั้น ๆ ก็เปรียบเหมือนรัฐบาลที่มีหน้าที่ในการเก็บส่วนแบ่งรายได้และนำไปใช้ในการพัฒนาโลกเสมือนจริงเพื่อดึงดูดคนเข้ามามากขึ้น โลกเสมือนจริงของผู้ประกอบการรายใดที่ทำได้ดีกว่าก็จะมีประชากรมากกว่า รายได้ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
4. การทำการทดลองหรือทดสอบ
นักวิจัยหรือนักลงทุนสามารถใช้ Metaverse เพื่อเข้าถึงวิถีชีวิตของลูกค้ารุ่นใหม่หรือการทดสอบเพื่อใช้ประโยชน์ในโลกจริง เช่น รูปแบบการให้บริการภายในโครงการหรือสโมสร การทดสอบโครงสร้างการป้องกันความเสียหายจากแผ่นดินไหวหรืออุทกภัย หรือการตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยในโครงการ เช่น ภาพจำลองการเลือกทาสีของอาคาร และการปรับปรุงพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งจุดนี้จะช่วยตอบโจทย์สำหรับโครงการที่ลูกค้าต้องการเลือกองค์ประกอบพื้นที่จัดสรรด้วยตนเอง เมื่อมีแบบจำลองและลูกค้าได้เห็นภาพเสมือนจริงจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขรูปแบบของแบบโครงสร้างในชีวิตจริงให้ยุ่งยาก
5. ใช้เป็นเครือข่ายความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ
ผู้ประกอบการและลูกค้าสามารถใช้บริการผ่านโลกเสมือนจริงได้ เช่น ฝ่ายขายใช้ในการตอบคำถามกับลูกค้าเกี่ยวกับการให้บริการหลังการขาย การสาธิตวิธีซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าประปาเบื้องต้น รวมถึงบริการสั่งและส่งอาหารที่โครงการทำงานร่วมกับร้านอาหารภายนอก ซึ่งตัวลูกค้าเองสามารถเข้าไปสั่งได้ผ่านโลกเสมือนจริงแต่อาหารจะนำมาส่งบนโลกจริง นอกจากนี้อาจรวมถึงการจัดประชุมแบบเสมือนจริงที่มีผู้เข้าร่วมประชุมอยู่ต่างสถานที่กัน หรืองานจัดเลี้ยงสังสรรค์ที่ผู้เข้าร่วมงานสร้างอวตารตัวเองเข้ามาในโลกเสมือนจริง
ครั้งหนึ่งผู้คนก็เคยสงสัยเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของอินเตอร์เน็ตและสื่อสังคมออนไลน์ก่อนจะกลายมาเป็นโลกดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน Metaverse เองก็เช่นกัน แม้จะยังไม่มีการปรับใช้อย่างเป็นรูปธรรมแต่ในอนาคตหากมีการพัฒนาระบบที่มีเสถียรภาพมากขึ้นโลกเสมือนจริงนี้คงเป็นจุดเปลี่ยนให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างมากและคงได้เห็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดดแบบที่เรียกได้ว่าไม่เคยเห็นในโลกของความเป็นจริงมาก่อนอย่างแน่นอน
อ้างอิง:
(Un)Real Estate in Metaverse: ศ. วิทวัส รุ่งเรืองผล จาก https://marketeeronline.co/archives/245199
Metaverse จะมาเกี่ยวข้องกับอสังหาฯ อย่างไรบ้างนะ จาก https://www.condonewb.com/talk/1793/Metaverse
What Is The Metaverse? Its Meaning And What You Should Know จาก https://bit.ly/3ozkt0W
หมายเหตุ: เป็นการเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
เรียบเรียงโดย: ศุภธิดา รัสพันธ์
คอนเทนต์ครีเอเตอร์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Freepik