จงใช้เวลา 5 ชั่วโมงของทุก ๆ สัปดาห์เพื่อการเรียนรู้
กฎ 5 ชั่วโมง หมายถึง การจัดสรรเวลา 5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์หรือ 1 ชั่วโมงต่อวัน ตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์เพื่อมุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้
ซึ่งหมายความว่าคุณต้องมีสมาธิอย่างเต็มที่และจริงจังในช่วงเวลานั้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ไม่ใช่การใช้เวลาครึ่งชั่วโมงไปกับการท่องโซเชียลมีเดียหรือทำตัวตามสบายเหมือนสมัยที่คุณยังเป็นนักเรียน เพราะอย่างไรเสียคุณก็ยังมีวันหยุดถึง 2 วันสำหรับการพักผ่อน

ภาพถ่ายโดย cottonbro จาก Pexels
แล้วเราจะใช้เวลาในการเรียนรู้วันละ 1 ชั่วโมงได้อย่างไร?
1. อ่าน
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่การอ่านหนังสือเป็นนิสัยอันดับต้น ๆ ที่ช่วยทำให้คนประสบความสำเร็จ เพราะการอ่านเป็นวิธีที่เรียนรู้ได้ง่ายที่สุด
คุณควรมีหนังสือพกติดตัวในกระเป๋าหรือวางหนังสือไว้ที่ข้างเตียง เมื่อคุณอ่านหนังสือ อย่าบังคับตัวเองให้อ่านหนังสือทั้งเล่มภายในสองหรือสามวัน แต่ให้แบ่งทีละบทในแต่ละวันอย่างง่ายๆ แทน และอย่าลืมตั้งเป้าหมายในการอ่านรายเดือน ราย 3 เดือน หรือรายปี
หากคุณไม่ชอบหนังสือที่เป็นกระดาษ ให้ลองอ่าน E-book ดูสิ และคุณสามารถพกพามันไปได้ทุกที่ทุกเวลาด้วย

Warren Buffett (elceo.com/)
วอร์เร็น บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) นักลงทุนชื่อดังระดับโลก ได้ประมาณการว่า เขาใช้เวลา 80% ของวันทำงานไปกับการอ่านและการคิด เขาเคยกล่าวว่า “ผมมักจะนั่งในที่ทำงานและอ่านหนังสือเกือบทุกวัน” บัฟเฟตต์ใช้เวลา 5-6 ชั่วโมงต่อวันในการอ่านหนังสือพิมพ์ 5 ฉบับและข่าวธุรกิจประมาณ 500 หน้า
โอปราห์ วินฟรีย์ (Oprah Winfrey) ราชินีแห่งสื่อ เริ่มอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กและเธอยังคงอ่านอยู่จนถึงทุกวันนี้ เธอกล่าวว่า “ฉันคุ้นเคยกับหนังสือตั้งแต่อายุ 3 ขวบ และในที่สุดฉันก็ค้นพบว่าโลกในหนังสืออยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง มันกว้างไกลเกินกว่าฟาร์มของครอบครัวฉันในมิสซิสซิปปีเสียอีก”

Bill Gates (www.weforum.org)
บิล เกตส์ (Bill Gates) ผู้ก่อตั้ง Microsoft ก็เป็นหนอนหนังสือตัวยง เขาอ่านหนังสือ 50 เล่มต่อปี และเขายังมีห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่หลายพันตารางเมตรเพื่อเก็บรักษาหนังสือและงานศิลปะที่มีค่า เขากล่าวว่า “ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ผมมีความฝันมากมาย และหลาย ๆ ความฝันก็เป็นจริงได้ เพราะผมมีโอกาสได้อ่านหนังสือมากมาย”

ภาพถ่ายโดย Karolina Grabowska จาก Pexels
นอกจากนี้ มหาเศรษฐีและเจ้าของธุรกิจรายอื่น ๆ ก็ใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือมากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น มาร์ค คิวบาน (Mark Cuban) มหาเศรษฐีพันล้านและเจ้าของทีมบาสเกตบอล NBA Dallas Mavericks อ่านหนังสือมากกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน
อาเธอร์ แบลงค์ (Arthur Blank) ผู้ร่วมก่อตั้ง Home Depot อ่านหนังสือวันละ 2 ชั่วโมง เดวิด รูเบนสไตน์ (David Rubenstein) นักธุรกิจและมหาเศรษฐี อ่านหนังสือ 6 เล่มต่อสัปดาห์ แดน กิลเบิร์ต (Dan Gilbert) มหาเศรษฐีที่สร้างตัวเองและเจ้าของ Cleveland Cavaliers อ่านหนังสือวันละ 1-2 ชั่วโมง มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ผู้ก่อตั้ง Facebook อ่านหนังสืออย่างน้อยหนึ่งเล่มทุก ๆ สองสัปดาห์

ภาพถ่ายโดย Vlada Karpovich จาก Pexels
2. คิด
พวกคุณบางคนจะตอบว่า ในเมื่อคิดไม่ออกแล้วจะเสียเวลาคิดไปทำไม? แต่คุณเคยใช้เวลาเงียบ ๆ อยู่คนเดียวและคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างวันและเรียนรู้จากมันหรือไม่ นอกจากนี้การคิดยังเป็นนิสัยอย่างหนึ่งที่คุณควรทำเพื่อศึกษาและเรียนรู้ด้วยตนเอง
ทิม อาร์มสตรอง (Tim Armstrong) ซีอีโอของ AOL ขอให้ทีมผู้บริหารระดับสูงใช้เวลาสี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์เพื่อการคิด
แจ็ค ดอร์ซีย์ (Jack Dorsey) ซีอีโอของ Twitter เป็นคนที่ชอบครุ่นคิดอยู่บ่อยครั้ง
เจฟฟ์ ไวน์เนอร์ (Jeff Weiner) ซีอีโอของ LinkedIn ใช้เวลา 2 ชั่วโมงต่อวันในการคิด

ภาพถ่ายโดย Ron Lach จาก Pexels
ไบรอัน สคูดามอร์ (Brian Scudamore) ผู้ก่อตั้ง O2E Brands ซึ่งมีมูลค่าถึง 250 ล้านดอลลาร์ ใช้เวลา 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ไปกับการคิด
ซาร่า เบลคลี (Sara Blakely) มหาเศรษฐีหญิง ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าว เธอเล่าว่าเธอมีสมุดบันทึกมากกว่า 20 เล่มเพื่อบันทึกสิ่งร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นและบทเรียนที่เธอได้เรียนรู้จากมัน
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ของความสำคัญของการคิดและวิธีการคิดของเหล่าคนดังทั้งหลาย คุณลองทำตามดูสิ เชื่อว่าแค่เพียงพรุ่งนี้ คุณก็จะมีมารยาทที่ดีขึ้น มีวิธีคิดที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และมีทางเลือกที่ดีขึ้น
3. ลงมือทำ
การลงมือทำเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดเพื่อให้คุณได้ประยุกต์ใช้ความรู้จากสิ่งที่คุณได้เรียนรู้มาในหนังสือหรือความรู้ที่ได้จากการคิดทบทวนตนเอง
จำเรื่องของนักประดิษฐ์อัจฉริยะอย่างโธมัส เอดิสัน (Thomas Edison) ได้หรือไม่?
เขามักจะลงมือประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ ด้วยวิธีที่เป็นพื้นฐานที่สุด กล่าวคือ เขาจะคิดวิธีแก้ปัญหาที่มีความเป็นไปได้ทั้งหมด จากนั้นจึงทดสอบแต่ละวิธีอย่างเป็นระบบ

Thomas Edison (www.diversity.net.nz)
เขาใช้วิธีนี้อย่างสุดโต่งจนคู่แข่งของเขา นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) กล่าวถึงวิธีการลองผิดลองถูกของเขาว่า “ถ้าเอดิสันต้องหาเข็มในสนามหญ้า เขาจะไม่ยอมหยุด เขาจะครุ่นคิดว่าเข็มจะอยู่ที่ใดแทน และเขาจะค้นใบหญ้าทีละใบจนกว่าจะหาพบ”
การลงมือทำทำให้คุณรู้ว่า ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรียนรู้ในชีวิตจะเป็นเรื่องง่าย และไม่ใช่ทั้งหมดที่จะเป็นความจริงได้ ถ้าคุณไม่พยายาม ถ้าคุณไม่ฝึกฝน ถ้าคุณไม่ลงมือทำ การเรียนรู้จากการอ่านและการคิดที่กล่าวมาข้างต้นก็จะไม่มีความหมาย

ภาพถ่ายโดย cottonbro จาก Pexels
แล้วกฎ 5 ชั่วโมงนี้จะช่วยเปลี่ยนชีวิตคุณได้อย่างไร?
(1) เน้นประสิทธิภาพไม่ใช่แค่ผลลัพธ์
คุณไม่จำเป็นต้องทำงานหนัก สิ่งที่คุณได้เรียนรู้และฝึกฝนมาข้างต้นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้คุณได้ และไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเท่านั้น แต่สามารถช่วยปรับปรุงคุณภาพงานของคุณให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องได้อีกด้วย

ภาพถ่ายโดย Samson Katt จาก Pexels
(2) อย่าสับสนระหว่างการทำงานกับการเรียนรู้
เราใช้เวลาทำงานอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน และบางครั้งก็ทำให้เราคิดว่าการทำงานเป็นสิ่งที่ทำให้เราพยายามที่จะเติบโตขึ้น แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ ถ้าคุณลองใช้เวลา 1 ชั่วโมงต่อวันในการโหลดความรู้ใหม่ ๆ เข้าสู่สมอง คุณจะเข้าใจว่าการทำงานและการเรียนรู้เป็นสองสิ่งที่ควรทำควบคู่กันไปทุกวัน
. . .
จะรอช้าไปทำไม แค่แบ่งเวลาวันละ 1 ชั่วโมงตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ไปกับการอ่านหนังสือ การคิดไตร่ตรอง และการลงมือทำ คุณก็จะกลายเป็นคนยิ่งใหญ่ได้ไม่ยาก
อ้างอิง: HBR Business School
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=543305460356281&id=107103310643167
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
แปลบทความโดย: ปิ่นแก้ว ศิริวัฒน์
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels