สิ้นเสียงนกหวีด ช่วงเวลาออกสตาร์ทได้เริ่มต้นนับแต่นั้น ผู้เข้าแข่งขันต่างทุ่มเทและใส่สิ่งที่มีอย่างไม่ยั้ง ก็การเริ่มต้นดี จะนำไปสู่เส้นทางที่ดี ไม่ใช่เหรอ ใครๆ ก็พูดแบบนี้กันทั้งนั้น
บางคนนำโด่งด้วยสปีดที่จัดว่ายอดเยี่ยม ทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่น บางคนทิ้งท้าย เพียงแค่มองเห็นระยะห่างจากผู้นำ ก็ถอดใจจนก้าวขาแทบไม่ออก
แต่ไม่ใช่กับ ยูเซน โบลต์
เจ้าพ่อลมกรดแห่งสายฟ้า เจ้าของรางวัลมากมายแบบนับไม่ถ้วน ที่บ้านตู้โชว์ของเขาคงไม่ต่างอะไรกับพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม จนเป็นสัญลักษณ์ของความเร็วไปโดยปริยาย
สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก ความจริงเขาคือนักวิ่งคนหนึ่ง แล้วมันน่าสนใจตรงไหน? ใช่แล้วมันจะไม่น่าสนใจเลย ถ้าเขาไม่ได้เป็นนักวิ่งเจ้าของ 8 เหรียญทองในกีฬาโอลิมปิก และดูเหมือนว่า 6 เหรียญในนั้น จะมาจากการแข่งวิ่ง 100 และ 200 เมตร ใน 3 สมัยติดต่อกัน
จนได้รับการขนานนามให้เป็นนักวิ่งตลอดกาลของโลกใบนี้
อ้าว แล้วไหนบอกว่าเป็นแค่นักวิ่งธรรมดา การันตีด้วยแชมป์มากมายขนาดนี้ จะให้ธรรมดาอยู่ได้อย่างไร ซึ่งในมุมของ โบลต์ เขายังมองตัวเองเป็นคนธรรมดา กินข้าวร้านริมทาง พาครอบครัวไปช้อปปิ้งตามห้างสรรพสินค้า และนอนหลับดั่งคนทั่วไปในทุกราตรี
ภาพจำของเขาจากลู่วิ่งในสนามแข่งขัน คือนักกรีฑาผิวสี รูปร่างเก้งก้าง แขนขายืดยาวดั่งนกกระยาง และบุคลิกที่ดูน่ารัก ขี้เล่นแบบสุดๆ บางครั้งแทบมองไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ อยากเอาชนะคู่แข่งจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้
นั่นแหละคือความลับของชายชาวจาไมกาคนนี้ ภายนอกที่ดูสบาย เป็นกันเอง และไม่เครียดอะไรนัก แต่ภายในใจตรงกันข้ามสิ้นเชิง เขาต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น วางแผนในการซ้อมอย่างพิถีพัน ละเอียดและรอบคอบ เพื่อที่จะให้ภาษากายออกมาดูสบายแต่เปี่ยมด้วยคุณภาพคับแก้ว
อย่างแรกที่ต้องทำเลยหากจะปฏิบัติได้เช่นนี้ จะต้องรวบรวมสมาธิให้อยู่กับเกมในทุกเสี้ยววินาที เพราะถ้าแสดงออกด้วยความสบายแล้วเผลอปล่อยใจแม้แต่นิดเดียว หลุดเสียสติได้ง่ายๆ รู้ตัวอีกทีก็คงกลายเป็นท้ายแถวไปเสียแล้ว
ที่มาแนวคิดสุดเจ๋งเริ่มมาจากเขามองภาพตัวเองเป็นคนสนุก มันคือความเป็นตัวตนของเขา และอยากให้ผู้ชมมองภาพในมุมมองเดียวกัน ทุกครั้งที่ลงสนามสิ่งที่นักกีฬาควรจะคำนึงถึงคือการตั้งสมาธิ และมุ่งไปที่เป้าหมาย แต่ โบลต์ เลือกที่จะคิดอะไรเรื่อยเปื่อย แล้ววิ่งอย่างดีที่สุด
“เพราะถึงตรงนั้น ไม่มีอะไรจะต้องคิดแล้ว แค่เร่งความเร็วไปให้สุดก็พอ” ครั้งหนึ่งเจ้าพ่อลมกรดคนนี้เคยกล่าวไว้ มันจึงทำให้เขาประสบความสำเร็จเรื่อยมา
ถึงแม้ว่าการวางแผนอย่างแยบยลจะทำให้เขานำมาปรับใช้กับอาชีพได้อย่างลงตัว แต่ก็ไม่ทุกครั้งไป เพราะสุดท้ายเมื่อวันหนึ่งร่างกายอ่อนล้ามากๆ สมองขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ สิ่งที่เตรียมพร้อมก็ไม่ถูกเอามาใช้ในทุกครั้ง สาเหตุก็เพราะความอ่อนเพลีย
นั่นทำให้สมาธิคือเรื่องที่สำคัญ ไม่ว่าจะ โบลต์ หรือนักกีฬาระดับโลกอีกหลายคน ก็ต้องฝึกฝนสมาธิ ควบคุมจิตใจให้อยู่กับตัวเองให้มากที่สุด จัดการกับอารมณ์ได้อย่างนิ่มนวล
ไม่ใช่สิ่ ต้องบอกว่าคนสำเร็จระดับโลกทุกคนก็อาศัยการฝึกฝนสมาธิเป็นหลักด้วย เพราะในแต่ละวันเจอเรื่องให้ปวดหัวไม่เว้น ต่อให้สมองอัจฉริยะขนาดไหน ก็มีรวนกันบ้าง
การจัดลำดับความสำคัญ ทุกคนพูดอยู่เสมอว่าคือสิ่งจำเป็นที่สุดในการจะดูแลหรือบริหารชีวิตให้ดีรอบด้าน ต่อด้วยการวางแผนดำเนินงานในแต่ละขั้นตอน ยิ่งสองสิ่งนี้จับคู่กันได้เมื่อไหร่ ประสิทธิภาพจะน่ากลัวมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เมื่อหกล้มครั้งแรก ต่อไปเราก็จะระวังการเดินมากขึ้น และเมื่อหกล้มครั้งที่สอง ก็จะยิ่งระวังมากขึ้นไปอีก กระทั่งหกล้มครั้งที่สาม คราวนี้จะไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นอีก และจะเป็นอย่างนี้เรื่อยไป
จุดเด่นของสิ่งมีชีวิต คือเมื่อผิดพลาด สัญชาติญาณจะถูกหยิบออกมาใช้งานเป็นดั่งโล่กำบังไม่ให้รุนแรงเท่ากับครั้งที่ผ่านมา เรียนรู้จนเป็นประสบการณ์ที่ติดตัวเข้ามาไม่รู้ตัว
กุนซือระดับโลก คือแม่ทัพหัวใจชั้นดีในการบริหารทีมของเขา หลายคนมองว่าโค้ชนั้นจะไปสำคัญอะไร ในเมื่อคนที่อยู่ในสนามต่างหากคือคนเปลี่ยนแปลงผลของเกม ต่อให้โค้ชเก่งแค่ไหน แต่ผู้เล่นยังธรรมดาอยู่ผลการแข่งขันก็ออกมาในแบบธรรมดที่ควรจะเป็น
ก็เพราะเหตุนี้ไง การมีโค้ชจึงสำคัญ และหน้าที่ลำดับที่หนึ่งไม่ใช่หาวิธีเอาชนะคู่แข่ง แต่เป็นการปลุกระดมคนในทีมให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ดึงศักยภาพของคนนั้นออกมาใช้ให้มากที่สุด เพียงเท่านี้ก็สามารถพลิกเกมได้โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยให้มากด้วย
ซึ่งใช้ได้กับทุกสถานการณ์ ในสังคมออฟฟิศเองถ้าที่ไหนมีแต่คนเก่งก็จะเสมอตัว แต่ถ้าที่ไหนมีแต่คนไม่เก่ง และทำให้คนเหล่านี้กลายเป็นคนเก่งขึ้นมาได้ นี่คือแจ็คพอตยิ่งกว่าถูกรางวัลเสียอีก
ต้องยกความดีความชอบให้กับผู้นำทีม หากใครมีเจ้านายแบบนั้นจงเก็บรักษาความสัมพันธ์เหล่านี้ให้ดี ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ แต่เพื่อแนวทางการเติบโตอย่างสมบูรณ์ เพราะด้วยการวางแผนให้แต่ละคนดำเนินงานที่ถนัดเพื่อผลงานอย่างเต็มที่ บางทีเกินเป้าหมายไว้ด้วยซ้ำ
ทุกคนสามารถเปลี่ยนความล้มเหลวที่เจออยู่ได้ง่ายนิดเดียว ไม่จำเป็นต้องมีชื่อเสียง ไม่ต้องผ่านการอบรมจากสถาบันชั้นนำ ไม่ต้องรับบทเป็นเจ้านายเท่านั้น เพียงแต่ เริ่มเรียนรู้กับการวางแผนที่ดีหรือยัง อาจเริ่มต้นจากแค่เมื่อตื่นนอนวันนี้จะทำสิ่งใดบ้าง สิ่งไหนสำคัญกว่า
จากนั้นค่อยเพิ่มความเข้มข้น ขยายความลึกลงในรายละเอียด พัฒนาตัวเองอย่างละนิด ต่อให้อะไรที่พลาดไปก็เริ่มใหม่ได้ถ้าพื้นที่ในหัวใจคุณกว้างเกินพอ
แล้วเจอกันใหม่
…
เรียบเรียงโดย : กฤตเมธ อันสมัคร
กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: Pexel