หลายครั้งที่สิ่งสำคัญของกระบวนการสร้างผลลัพธ์ คือการมี “ผู้นำที่ดี” เพราะการมีแม่ทัพที่กล้าหาญและแข็งแรง ย่อมส่งผลถึงสภาพจิตใจของผู้ที่ตามหลังอยู่เสมอ
เราทุกคนสามารถเห็นหน้าเห็นหลังอนาคตได้ทันที ต่อเมื่อมีผู้นำที่ไว้ใจได้ มีความรู้ความสามารถ มีทักษะที่รอบด้าน และที่สำคัญต้องมีภาวะบางอย่างที่แสดงถึงความเป็นผู้นำที่ดี
ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้ ไม่สามารถตัดสินกันได้ด้วยตาเปล่า จำเป็นต้องรู้จักผ่านการพูดคุยหรือใกล้ชิดกันพอสมควร ถึงบอกได้ว่าสิ่งไหน คือคุณสมบัติอย่างที่ผู้นำที่ดีควรจะเป็น
ทำให้เวลาในแต่ละวันที่เราพบเจอใครต่างๆ มากมาย เราบอกไม่ได้เลยว่าคนเหล่านั้นเป็นอย่างไรทำให้บางทีเราอาจต้องมองอะไรที่มันใกล้ตัวกว่านั้น เพื่อจำกัดขอบเขตได้มากขึ้น
แล้วก็พบว่า การจะตามหาบุคคลที่มีความเป็นผู้นำได้ เริ่มง่ายๆจากในครอบครัวของเราก็ได้ แต่ละคนถึงจะมีหน้าที่ที่ต่างกัน แต่ความคิดการตัดสินใจก็น่าจะบ่งบอกได้ว่าใครเป็นอย่างไร
แต่ถ้าลองเอาแว่นขยายมาซูมดูรายละเอียด บางทีครอบครัวอาจจะมีผู้คนน้อยเกินไป คงต้องมองมาที่กลุ่มสังคมอื่นดูบ้าง จนมาจบที “สังคมของการทำงาน” ที่ตอบโจทย์ทุกอย่างได้ดี
การอยู่ร่วมกันของคนนับร้อยนับพันชีวิต ก็ไม่เคยใช่เรื่องง่าย เพราะต่างคนต่างเติบโตในวัฒนธรรมสังคมที่ไม่เหมือนกัน และสิ่งที่ว่ามาจะยิ่งยากเย็นกว่าเดิม ถ้าหากยังมีผู้นำที่ไม่ได้เรื่องอีก
กี่ครั้งแล้วที่ภายในองค์กรมักเกิดความผิดพลาดจากการมีผู้นำที่ไม่มีประสิทธิภาพ และมีกี่ครั้งที่คนที่ขึ้นมารับหน้าที่ผู้นำ กลับทำโครงสร้างการบริหารผิดเพี้ยนไปหมด
สุดท้ายเมื่อเกิดข้อผิดพลาด ผลกระทบมักถูกตีแผ่ออกเป็นวงกว้าง และในท้ายที่สุด ย่อมสะเทือนไปถึงทุกหย่อมหญ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าผู้บริหารไปจนถึงพนักงาน
มีการสำรวจความคิดเห็นจากผู้คนโลกออนไลน์ รวมถึงประสบการณ์จริงของเหล่าชาวออฟฟิศ ว่าการเลือกผู้นำที่ดีไม่ควรมีสิ่งเหล่านี้เสมอไป วันนี้เราจะมารวบรวมไปพร้อมกัน
ข้อที่หนึ่ง ความอาวุโสไม่ได้วัดความเป็นผู้นำที่ดี
หนึ่งสิ่งที่หลายบริษัทดูจะให้น้ำหนักง่ายที่สุด ในการเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง นั่นคือเรื่องของความอาวุโส ใครที่อยู่มานานกว่า ก็มักจะได้ขึ้นไปในระดับที่สูงกว่า เพื่อตอบแทนความภักดี
อันที่จริงการอยู่มานานกว่าก็ไม่ใช่บรรทัดฐานว่าเขาจะเป็นผู้นำที่ดีได้ จริงอยู่บางคนที่อยู่มานาน พอได้ปรับระดับให้สูงขึ้นก็มักจะทำได้ดี และเข้าใจในระบบการทำงานมากกว่า
แต่ก็มีหลายครั้งที่การเลือกคนเข้ามาเป็นผู้นำทีม มักมาจากความอาวุโส ซึ่งสำหรับบางคนอาจยังไม่มีคุณสมบัติมากพอ การเปิดโอกาสให้คนที่พร้อมกว่า ก็ถือเป็นสิ่งที่คาดหวังได้ดี
ข้อที่สอง การใช้อำนาจ ควรมีขอบเขตที่ชัดเจน
ในบทบาทของการเป็นผู้ดูแลที่ต้องปกครองทุกคนในองค์กร บางครั้งก็จำเป็นที่จะต้องเข้มงวดกับผลงานบ้าง และสิ่งที่ตามมาอาจเป็นคำพูด หรือการกระทำที่อาจดูรุนแรงไปบ้าง
ซึ่งในเจตนานั้นทุกคนรู้ดีว่ามาร้ายหรือดี หากติเพื่อก่อให้ดีขึ้นก็พอรับได้ แต่หลายครั้งมีการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ การกดขี่ เอาเปรียบกัน เหล่านี้คือพฤติกรรมของผู้นำที่ไม่ดีสักเท่าไหร่
ทำให้ในบางเวลา พนักงานธรรมดาบางคนยังสามารถควบคุมและรับมือกับปัญหาได้ดีกว่าหัวหน้าด้วยซ้ำ ยิ่งตอกย้ำว่า อำนาจคือสิ่งที่ต้องอยู่ในมือให้ถูกคนจริงๆ
ข้อที่สาม ตามใจแต่พอดี โดยต้องมีแนวทางของตัวเอง
แม้ผู้นำบางคนอาจจ้องแต่จะเอาเปรียบผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ก็มีอีกหลายคนที่เข้าใจในปัญหาและการกระทำของลูกน้องจนเกินไป ทำให้บางทีหย่อนมากไปก็ส่งผลเสียได้เหมือนกัน
ความใจดี เป็นกันเอง คือคุณสมบัติของผู้นำชั้นดี แต่หากไม่อยู่ในความพอดี เห็นอกเห็นใจจนเกินไป อาจส่งผลให้งานออกมาไม่เต็มที่ได้ ทางที่ดีควรมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน แล้วระหว่างทางค่อยสอดแทรกความสบายใจ ก็น่าจะดูดีกว่า
ข้อที่สี่ จะเป็นผู้นำทั้งที เก่งอย่างเดียวคงไม่พอ
ไม่ว่าที่ไหน ก็ต้องการคนเก่งด้วยกันทั้งนั้น แต่สำหรับบทบาทการเป็นผู้นำ มีความสามารถอย่างเดียวไม่พอ ต้องรู้จักบริหารงานในองค์กรให้เป็น จัดการความแตกต่างจากคนหมู่มาก เพื่อผลลัพธ์เดียวกัน ควบคุมทุกอย่างให้ราบรื่นที่สุด
มีหลายคนเป็นคนที่เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถในทุกด้าน แต่กลับบริหารจัดการสิ่งที่นอกเหนือตัวเองรับผิดชอบได้ไม่ดีนัก สุดท้ายก็พบว่าไม่สามารถเป็นผู้นำที่ดีได้
การปล่อยให้บางคนทำงานที่ถนัดของตัวเองก็อาจจะดีกว่า ใครเก่งเรื่องไหน ก็ให้โฟกัสในเรื่องนั้นอย่างดีที่สุด เพื่อที่จะไม่ต้องเสียความสามารถที่ดีที่สุดออกไปนั่นเอง
ข้อที่ห้า ถึงเป็นผู้นำได้ไม่ดี ขอเป็นผู้ตามที่ดีก็พอ
พูดถึงการเป็นผู้นำพอสมควร แน่นอนว่าผู้นำคงถือเป็นกลุ่มคนส่วนน้อย และส่วนมากก็มักจะเป็นผู้ตาม หลายคนเข้าใจว่าการเป็นผู้ตามหมายถึง การตกเป็นทาสรับใช้เท่านั้นหรือเปล่า ซึ่งความเป็นจริงไม่ใช่เลย ผู้ตามที่มีคุณภาพก็มีเยอะแยะไป
ความหมายของผู้ตาม คือกองกำลังสนับสนุนที่คอยช่วยเหลือยามที่ผู้นำขับขัน ซึ่งสำคัญมาก แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงนัก
จะดีกว่าไหมถ้าการจะลงมือทำอะไรสักอย่าง แล้วมีคนกรุยทางให้อยู่ก่อนแล้ว ต่อให้ทางข้างหน้ามีขวากหนามรออยู่ ก็จะได้รู้ว่าควรไปต่อหรือพอแค่นี้ นี่คือข้อดีของการเป็นผู้ตาม
แต่จะให้ทำตามสั่งไปวันๆ คงจะน่าเบื่อและไร้ซึ่งการพัฒนาน่าดู อยากให้คิดเสมอว่า แม้ว่าเราจะเป็นผู้ตามก็ต้องเรียนรู้จากการตามอย่างมีประโยชน์ หมั่นสังเกตและวิเคราะห์เสมอว่าทางที่จะไปมันถูกต้องจริงแล้ว หรือมีทางอื่นที่เร็วกว่านี้
เหมือนกับการเดินทาง ต่อให้เราจะไม่ได้เป็นคนขับ อย่างน้อยการสังเกตเส้นทาง ป้ายต่างๆ ก็ช่วยแบ่งเบาหน้าที่คนขับไปได้พอสมควร หรือน้อยที่สุด ชวนคุยบ้างก็ยังทำให้คนขับไม่ง่วง และตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา แค่นี้ก็คือการเป็นผู้ตามที่ดีได้แล้ว
ในชีวิตมีหลายเหตุการณ์ที่เราต้องเจอ ถึงแม้ที่ผ่านมาจะรับมือได้ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่หลังจากได้อ่านบทความนี้ หวังว่าจะกระตุ้นบางอย่างจากทุกคนให้ไม่ทำสิ่งเหล่านี้ จากนั้นค่อยฝึกฝนในสิ่งที่ยังขาด เพื่อสักวันเราจะเป็นผู้นำที่ดีได้เหมือนกัน
ดังนั้น ไม่ว่าวันนี้เราจะเป็นผู้นำหรือผู้ตามนั้นไม่สำคัญเลย ขอแค่ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองให้ไร้ข้อผิดพลาดมากที่สุด หมั่นสำรวจตัวเองเสมอ ว่าวันนี้เราหลงลืมอะไรหรือเปล่า?
ส่วนสำหรับใครที่ต้องการสร้างภาวะผู้นำ สิ่งนี้ไม่ได้ทำกันแค่วันสองวันแล้วจะได้เลย ต้องใช้เวลาสักนิด ความอดทนสักหน่อย แต่รับรองได้ว่า ผลที่ได้ คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปแน่นอน
เพราะไม่มีใครที่จะเสียเวลาเปล่าไปกับการพัฒนาตัวเอง.
…
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ภาพประกอบจาก : Pexel