มีภูเขาลูกไหนที่คุณต้องการพิชิตแต่ไม่เคยได้วางเท้าบนจุดสูงสุด?
มีเป้าหมายใด ๆ ที่คุณเคยตั้งใจในการวางแผน
แต่สุดท้ายก็เลื่อนไปครั้งแล้วครั้งเล่า?
หนึ่งในสาเหตุที่หยุดผมไม่ให้ทําอะไรใหม่ ๆ
อาจเป็นความคาดหวังที่คิดไว้มันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะเอื้อมถึง
ครั้งที่ยังเด็ก ผมคิดว่าคนที่มีตึกแถวหนึ่งห้องแล้วมีของวางขายมันยิ่งใหญ่มาก มันเท่มาก ๆ

ภาพถ่ายโดย Expect Best จาก Pexels
ผมเริ่มเปิดร้านหนังสือที่ราม 2 ในสมัยที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย
เพราะใจเคยฝันว่าการได้มีตึกแถวเพื่อขายของมันเท่มาก
ท้ายที่สุด พี่ทึ่ม ณรงค์ศักดิ์ ตัณติพินิจวงศ์ เจ้าของและผู้ก่อตั้งดอกหญ้าเห็นหน่วยก้าน จึงเรียกผมไปคุย
ผมรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกที่ถูกอะแซหวุ่นกี้ขอดูตัวยังไงยังงั้น
จากวันนั้นผมก็ทำมันทุกตำแหน่งในธุรกิจหนังสือ
ตั้งแต่ฝ่ายคลังสินค้า ฝ่ายจัดส่ง ฝ่ายโฆษณา ฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์
ประสานซัปพลายเออร์ และเป็นบรรณาธิการบริหารที่สำนักพิมพ์
ผมทำหนังสือที่ทำยอดขายจนดอกหญ้าสามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้
วันหนึ่งพี่ทึ่มต้องการไปสู่ระดับโลก
ผมถูกมอบหมายให้ประสานสำนักพิมพ์ต่างประเทศเพื่อมาเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ ซื้อและแลกเปลี่ยนลิขสิทธิ์เพื่อมาแปลให้ถูกต้องตามกฎหมาย (ยุคนั้นใครนึกจะแปลอะไรก็แปลครับ เพราะยังไม่มีกฎหมายลิขสิทธิ์)
ผมไปทุกงานบุ๊กแฟร์ ไม่ว่าจะเป็นสิงค์โปร์ จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น แฟรงค์เฟิร์ต นิวยอร์ค เพื่อพูดคุย เพื่อสื่อสารเพื่อร่วมทุน
ปัญหาของผมคือความสามารถในการสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษของอ่อนเยาว์ระดับน่าอนุบาลมาก
ผมล้มเหลวในงานนี้
ไม่รู้เหมือนกันว่าในใจลึก ๆ ระดับจิตใต้สำนึกของผมทำงานอย่างไร
ผมชวนน้องมอธดูการ์ตูนดิสนีย์ที่ไม่มีซับไทย
ออมเงินเพื่อส่งน้องมอธไปสิงค์โปร์ทุกซัมเมอร์
จนน้องมอธเข้าธรรมศาสตร์ ไปเวิร์กแอนด์ทราเวิลที่อเมริกา
กลับมาต่อที่แอแบค ที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการเรียนทั้งหมด
วันหนึ่งน้องมอธเดินมาบอกว่า
อยากเป็นพาร์ตเนอร์กับสำนักพิมพ์ต่างประเทศ
เพื่อแลกเปลี่ยน เพื่อซื้อลิขสิทธิ์
แล้วน้องมอธบอกว่าแอบไปเรียนเรื่องการแปล เรื่องภาษาเพิ่มจากจุฬาฯ ครบจนได้วุฒิบัตรทั้งสองหลักสูตร
ฝันที่ผมเอื้อมไม่ถึง ยอดเขาที่ผมไม่เคยได้วางเท้า
กลับมีลูกอุ้มผมไปเอื้อม กลับมีลูกดันหลังขึ้นไปยืน
บรรยากาศในจุดที่ยืนบนความฝันที่เป็นจริงสดชื่นมาก
สำนักพิมพ์ที่น้องมอธขับเคลื่อน สร้างสรรค์งานสำเร็จไปแล้วสองเล่ม
ขณะที่ต่างประเทศก็ส่งงานมาให้เราพิจารณานับร้อยเรื่อง
สิ่งที่ผมใส่ไว้ในเป้าหมาย เหมือนกับเมื่อเราหลงใหลในยอดเขา
เราก็หมั่นมองดูทางลาดชันเล็ก ๆ ทางสั้น ๆ ที่ตัวเองสามารถผ่านได้ง่าย ๆ เมื่อใดก็ตามที่รู้สึกตื้นเขินกับความทะเยอทะยานหรือยอดเขาที่สูงไกลลิบ
ก็เลือกสิ่งเล็ก ๆ และทํามัน ตั้งใจในทุก ๆ ก้าว ก้าวทีละก้าวจนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง
ผมอยากบอกเพื่อนผมทุกคนว่า
อย่ากลัวที่จะฝันให้ใหญ่!
เพราะเมื่อเราตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ เราก็จะรู้สึกถึงความพึงพอใจในช่วงนั้น
แต่ฝันเล็ก ๆ นี่แหละที่จะยับยั้งศักยภาพที่แท้จริงของเรา
บางทีในตอนแรกเราอาจไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะนําไปสู่อะไรแต่ด้วยการตั้งเป้าหมายรายวันรายสัปดาห์ ผมเชื่อว่ามันจะทําให้เราเข้าใกล้ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่ใฝ่ฝันไว้
วันนี้ผมฝันร่วมกับพี่สันต์ พี่ฉัตร พี่ชาย พี่เอส
ว่าเราต้องสร้างแอปพลิเคชันที่สังคมการเรียนรู้ในภูมิภาคนี้ได้ใช้
ทุกวันคือการต่อสู้กับผนังทองแดงกำแพงเหล็กครับ
ผมต้องพึ่งสติในการเปลี่ยนความคิดและวิธีทําในทุกวัน
ผมเชื่อในฝัน
ว่าจะก้าวผ่านความท้าทาย
และสามารถเห็นความงามแบบพาโนรามา
ในวันที่เราได้สัมผัสยอดเขา
ครูพี่ม้อค ธวัชชัย พืชผล
สำนักพิมพ์ 7D Book & Digital.
บุคคลร่วมเฟรม
พี่ชูชาติ CEO และผู้ก่อตั้ง บมจ.เมืองไทยลิสซิ่ง
บทความโดย: ครูพี่ม้อค ธวัชชัย พืชผล
สำนักพิมพ์ 7D Book & Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels