ทุกวันนี้เราทำงานหนักกันเกินไปหรือเปล่า?
ความพยายามอันแรงกล้า มุ่งมั่นอย่างสุดความสามารถต่อหน้าที่ความรับผิดชอบ คือคุณสมบัติสำคัญของคนเก่งที่พร้อมประสบความสำเร็จ เพราะเมื่อเราทำงานหนัก ก็มักจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าเกินกว่าใครจะได้รับ นั่นคือรางวัลของคนทุ่มเท
แต่ในความเป็นจริง ไม่ว่าจะทำงานหนักหรือไม่ทำอะไรเลย สุดท้ายบางครั้งก็ได้ผลตอบแทนที่เท่ากันอยู่ดี เงินเดือนที่เท่ากัน การยอมรับที่เท่ากัน แล้วทีนี้ก็เกิดคำถามขึ้นว่า “แล้วแบบนี้เราจะทำงานหนักไปทำไม” ในเมื่อยังไงก็ได้ผลลัพธ์เท่าเดิมเสมอ
ไม่แปลกที่จะทำให้ใครหลายคนจากที่เคยเป็นคนเต็มที่กับงาน หนักเอาเบาสู้ จะค่อยๆ จางหายไปจากสังคมในทุกวัน เพราะในเมื่อขณะที่เรากำลังขยันขันแข็ง หันกลับมามองคนรอบตัวก็พบว่ามีอีกหลายคนที่ใช้ชีวิตด้วยความสบาย และที่สำคัญกลับดูจะมีความสุขเสียด้วย
จนถือเป็นก้าวแรกสำคัญที่ฝังรากลึกลงไปในจิตใต้สำนึกของคนรุ่นใหม่และพบว่า เราไม่เห็นจะต้องทำงานให้หนักเลย เพียงแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอแล้ว
มาลองเช็คกันดูว่า แท้จริงแล้วการทำงานหนัก มีข้อดีหรือข้อเสีย มากกว่ากัน
ลำดับแรก การทำงานหนักคือการแสดงออกของคนที่พร้อมจะทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจเพื่อให้ผลของงานออกมาได้ดีที่สุด สมมุติว่าเจ้านายสั่งงานไปแค่ 5 แต่คนเหล่านี้จะทำออกมา 8-10 เพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่านี่คือศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง
ซึ่งหากเป็นแบบนี้ ถ้าคุณเป็นเจ้านายก็คงชอบเป็นที่สุด เพราะหมายความว่าเราจะได้งานมากกว่าค่าแรงที่ต้องจ่ายไป และการมีทรัพยากรบุคคลที่ดีขนาดนี้ เป็นที่ไหนก็คงจะปล่อยไปไม่ได้ง่าย ๆ ถ้าหากจะต้องเลือกเก็บพนักงานไว้ พวกเขาจะเป็นกลุ่มแรกที่ถูกนึกถึง
นั่นคือในมุมของข้อดี
แต่การจะลงมือทำแบบนั้นได้ ไม่ใช่ว่าวันนี้ยังไหวแล้ววันอื่นจะต้องไหวเสมอ ในหมู่พนักงานใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงานไม่นาน เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์จะใช้โควตาความไฟแรง เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองคู่ควรกับที่นี่มากที่สุด และแน่นอนว่าพวกเขายังคงมีแรงเหลือเฟือ เพราะมันเป็นแค่การเริ่มต้น
พอเวลาผ่านไป ความอดทนจะทดสอบว่าใครคือคนที่ยังไหว หลายคนถูกพัดออกไป ส่วนคนที่เหลือยังตั้งหน้าทำงานเต็มกำลังก็ยังมีอยู่มาก จนพวกเขาไม่ได้สังเกตหรอกว่ามันถูกแลกมาด้วยอะไรตั้งมากมาย ทั้งเวลาชีวิตส่วนตัวที่หายไป การพักผ่อนที่น้อยลง จนกระทั่งสังคมที่ถูกผลักออกไปไกลตัวขึ้นในทุกวัน
สาเหตุเพราะ ได้เอาเวลาไปใช้กับงานจนหมดแล้ว ด้วยเหตุนี้ 24 ชั่วโมงของเราทุกคน มักไม่เคยเท่ากัน บางคนรู้สึกว่ายาวนานเหลือเกิน แต่บางคนรู้สึกว่ามันสั้นเกินกว่าจะได้ใช้มัน
จากที่ยกตัวอย่างมา เป็นแค่ภาพกว้างเท่านั้น หากเจาะลึกลงไปรายละเอียดจะพบเจอเรื่องราวอีกมาย อย่างเช่น ถ้าเราทำงานหนัก ทุกลมหายใจเข้าออกก็เป็นงาน ในหัวก็จะคิดแต่เรื่องงาน การจัดระบบในชีวิตก็จะค่อยเสื่อมสภาพตามภาระที่ได้รับ
ส่งผลดีและผลเสียไปพร้อม ๆ กัน ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะอดทนในข้อเสีย และชื่นชมในข้อดี มากกว่ากัน ซึ่งไม่จำเป็นว่าทุกคนที่ทำงานน้อยจะได้ผลลัพธ์ที่ดีเท่ากันทุกคน
เยอรมัน คือหนึ่งในประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นระบบแบบแผนมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก การตรงต่อเวลา และความรับผิดชอบถือเป็นเรื่องเข้มงวดของชาวเมืองเบียร์ ผู้คนในเยอรมันมักจะมาทำงานก่อนเวลาเสมอ และจะทำงานอย่างเต็มที่โดยไม่มีใช้เวลาอย่างสิ้นเปลือง
และเวลาเลิกงานก็ตรงเวลาทุกครั้ง จะไม่มีใครทำงานล่วงเวลาเลยแม้แต่คนเดียว จนรัฐบาลออกกฎหมายห้ามนายจ้างสั่งงานลูกจ้างหลัง 6 โมงเย็นเป็นต้นไป
พวกเขามองว่าเมื่อเวลาทำงานก็ทำอย่างเต็มที่แล้ว เวลาพักก็ต้องพักอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน การแบ่งเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก การจะทำงานหนักก็ควรอยู่ในห้วงเวลาที่เหมาะสม
อีกมุมมองที่น่าสนใจ คือคนเยอรมันมักจะเป็นคนที่ตรงไปตรงมา หากอยากได้อะไร งานแบบไหนก็จะพูดอย่างละเอียด และหากพนักงานไม่เข้าใจก็จะถามให้เคลียร์ในทันที กำหนดขอบเขตงานอย่างชัดเจนรวมถึงเดดไลน์ที่เจาะจง เพื่อง่ายต่อการทำงานกับทุกฝ่าย
มาถึงส่วนที่สำคัญที่สุด คือความเป็นทีม แม้ว่าความสามารถเฉพาะตัวจะเป็นสิ่งสำคัญ หากองค์กรไหนมีพนักงานที่เชียวชาญเฉพาะด้านก็จะมีความโดดเด่นจากที่อื่น แต่หากไร้ทีมเวิร์ค ต่อให้ทักษะที่มีจะเหนือชั้นแค่ไหน ก็แทบไม่มีค่าเลยหากใช้ไม่เป็น
ความสามารถต้องมาควบคู่กับระบบที่ยอดเยี่ยม การจัดสรรหน้าที่ของแต่ละคนให้รับผิดชอบงานที่ถนัดคือนิสัยของคนที่นี่ พนักงานทุกคนจะต้องไม่มีใครทำหน้าที่เกินความสามารถ ทุกตำแหน่งต้องประสานงานกันอย่างลงตัว และผลลัพธ์ก็จะมาในแบบที่สมบูรณ์ที่สุด
“Put the right man on the right job”
คำนี้ยังใช้ได้เสมอ การเลือกคนให้เหมาะกับงานจะให้ผลที่ดีที่สุดเสมอ
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เยอรมันเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ระบบต่าง ๆ ก็เพียบพร้อม สวัสดิการความมั่นคงของผู้คนก็น่าพอใจ จึงไม่ยากที่จะพาพวกเขาเป็นหนึ่งในประเทศที่ไม่ว่าจะเศรษฐกิจหรือความเป็นอยู่ก็ดีเป็นลำดับต้นของโลก
เอาเข้าจริง จะทำงานหนักหรือเบาก็ขึ้นอยู่แต่กับความคิดของคน บางคนคิดว่าตัวเองทำงานหนักทั้งที่จริงแทบไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ เหมือนการลงทุน หากอยากได้กำไรเยอะไม่จำเป็นต้องลงทุนด้วยจำนวนเงินที่มาก เพียงแต่ลงถูกเวลาก็จะพาความสำเร็จมา
หนึ่งในเหตุผลที่ผู้คนทำงานหนัก ไม่ใช่เพราะอยากได้ชื่อเสียง แต่พวกเขาหวังจะได้ค่าตอบแทนที่มากกว่าที่ควรได้ หลายคนจึงแสดงออกด้วยการทำงานหนัก
แท้จริงความรวยไม่ได้ขึ้นอยู่กับทำงานหนักหรือเบา แต่อยู่ที่การลงทุนกับชีวิตให้เป็น หากต้องการรายได้เพิ่ม ก้มหน้าก้มตาทำงานเดิมก็จะได้ผลลัพธ์เท่าเดิม
แต่เมื่อไหร่ที่เข้าใจวิธีการหาเงิน ต่อยอดในสิ่งที่มีอยู่ นั่นแหละคือหนทางแห่งความรวยของจริง กำลังรอเราอยู่ไม่นาน การศึกษาวิธีการหาเงินจึงเป็นสิ่งที่สำคัญก่อนที่จะลงมือทำ เพราะเมื่อความรู้ที่มีมากพอ ต่อให้จะลงมือทำเมื่อไหร่ ก็จะสำเร็จอย่างไม่ต้องสงสัย
…
อ้างอิง : ลงทุนแมน
เรียบเรียงโดย : กฤตเมธ อันสมัคร
กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: Pexels