สาเหตุที่ทำให้หลายคนให้ความสำคัญกับการเป็น “ผู้นำ” มากกว่าการเป็น “ผู้ตาม” เพราะเข้าใจว่า “ผู้นำที่ดี จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดี” ซึ่งประโยคนี้ มีความจริงเพียงครึ่งเท่านั้น
จริงอยู่ที่ไม่ว่าการเริ่มต้นจะทำอะไรก็ตาม หากมีผู้ริเริ่มหรือเจ้าของโปรเจ็กต์ที่เต็มไปด้วยความสามารถ ทักษะที่หลักแหลม ก็คงจะทำให้ส่วนที่เหลือในทีมดูจะมีแนวโน้มที่ดีได้
จนทำให้ลืมไปว่า ในภารกิจหน้าที่บางอย่าง ไม่สามารถดำเนินการได้ตัวคนเดียว ต้องอาศัยเพื่อนร่วมทีมในการช่วยเหลือกัน เพื่อสุดท้ายจะเจอกับผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมการมีผู้นำที่ดีอย่างเดียวอาจไม่พอ ต้องมีผู้ตามที่พร้อมจะเติมเต็มให้งานนั้นๆออกมาอย่างสมบูรณ์แบบอย่างที่ต้องการด้วย ถึงจะลงตัวที่สุด
ทีนี้เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า เกิดคำถามตามมาถึงการตั้งข้อสงสัยกับความคิดเหล่านี้ว่า แล้วการจะเป็นผู้ตามที่ดี มีความสำคัญขนาดนั้นจริงหรือ ในเมื่อสุดท้ายแล้ว เมื่อผลลัพธ์ออกมาเป็นที่เรียบร้อย คนที่จะได้เครดิตมากที่สุดก็คือผู้นำทีมอยู่ดี
แล้วถ้าเป็นเช่นนี้ ผู้ตามก็อาจไม่มีความสำคัญอย่างนั้นละสิ เพียงแต่อย่าลืมว่าไม่ใช่ทุกงานที่พอผู้นำสั่ง แล้วผู้ตามจะทำได้ทันที ทั้งสองฝ่ายต้องประสานงานร่วมกันให้เป็น
สำหรับองค์กรใหญ่ที่มีการพัฒนาอย่างเป็นมาตรฐาน ผลลัพธ์จับต้องได้อย่างสม่ำเสมอ การจะทำอย่างนี้ได้ต้องอาศัยบุคคลใน 2 กลุ่มด้วยกัน เพื่อให้ถึงปลายทางได้ทันท่วงที
กลุ่มแรก แน่นอนว่าต้องเป็นผู้นำ อาจจะภายใต้บทบาทของเจ้านาย ผู้บริหาร หรือผู้บังคับบัญชา ที่เป็นคนริเริ่มสร้างประเด็นขึ้นมา จากนั้นต้องวางแผน และดำเนินงานต่อผ่านการกระจายไปยังจุดต่างๆ เพื่อความรวดเร็วและเรียบร้อย
กลุ่มที่สอง คือผู้ตาม ซึ่งอาจจะผ่านจากบทบาทของลูกน้อง พนักงาน หรือผู้ปฏิบัติงาน กลุ่มนี้เมื่อได้รับคำสั่งจากผู้นำ หน้าที่ต่อมาคือปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย
หลายคนคงเข้าใจว่า เมื่อได้รับคำสั่งมาแล้ว ต้องทำตามอย่างไม่มีข้อยกเว้น ก็อาจจะใช่ แต่ความจริงถ้าหากผู้ตามไม่เอาด้วย ไม่เชื่อในสิ่งเดียวกัน ก็ยากที่จะสำเร็จอย่างที่ผู้นำต้องการ
มีหลายคนทำการวิเคราะห์เรื่องนี้อย่างจริงจัง ถึงหัวข้อที่ว่า “การมีผู้ตามที่มีคุณภาพ” ช่วยพัฒนาองค์กรได้ดีจริงหรือไม่?
หนึ่งในนั้นคือ ศาสตราจารย์ โรเบิร์ต เคลลี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านคาบสมุทรเกาหลีใต้ ได้ทำการศึกษาและพบว่า ความสำเร็จที่แท้จริงขององค์กรเกิดจากผู้ตามสูงถึง 90% ส่วนผู้นำมีส่วนแค่ 10 % ที่เหลือเท่านั้น
สิ่งนี้กำลังแสดงว่า ถึงแม้ผู้นำจะเป็นคนที่ได้รับการจับตามองเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้สำคัญที่สุด เพราะผู้ตามที่ดีที่คอยอยู่เคียงข้างต่างหาก คนพวกนี้ก็สำคัญไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย
ยกตัวอย่างเช่น การทำภาพยนตร์สักเรื่อง หากเรื่องนี้สนุกมากเกินคำบรรยาย ชื่อของผู้กำกับจะเป็นที่จดจำอยู่เสมอ แต่พวกเขาจะไม่มีวันนี้แน่ ถ้าขาดทีมงานเบื้องหลังทั้งหลาย
การถ่ายทำที่สวยงาม การลำดับเรื่องที่ไหลลื่น หรือแม้แต่คนจัดการเสบียงภายในกองถ่าย ทั้งหมดนี้คือคำตอบว่าทำไม ผู้ตามถึงมีความสำคัญมากถึงขนาดนี้
ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ โรเบิร์ต เคลลี่ ยังได้จำแนกรูปแบบของผู้ตามได้ 5 รูปแบบด้วยกัน โดยแต่ละแบบมักมีความแตกต่างที่ไม่เหมือนกัน และทุกคนสามารถพบเจอได้ในชีวิตจริง
1. ผู้ตามด้วยความเฉื่อยชา
ลักษณะผู้ตามแบบนี้จะเป็นผู้ตามที่เชื่องช้า ไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นหรือตื่นตัวตลอดเวลา มักจะไม่ค่อยพึ่งพาตัวเองสักเท่าไหร่ ใช้ผู้อื่นเป็นหลักนำทางอยู่เสมอ
โดยไม่ว่าจะทำอะไรก็จะหลีกเลี่ยงการขัดแย้งเป็นที่หนึ่ง ซึ่งบางครั้งก็ขาดการพัฒนาทั้งตัวงานและตัวเอง แล้วที่สำคัญจะไม่ค่อยสนใจในผลลัพธ์ขอแค่ทำเสร็จหน้าที่ก็พอใจแล้ว
2. ผู้ตามที่มักจะเห็นด้วยเสมอ
เรียกง่ายๆ ว่าเป็น Mr.&Ms. Yes People คือไม่ว่าจะได้รับอะไรมอบหมายมาก็จะก้มหน้ายอมรับโดยที่ไม่ตั้งข้อสงสัยสักนิดเดียว จะคล้ายกับแบบแรก คือไม่มีความคิดสร้างสรรค์ มีแต่เพียงความกระตือรือร้นเท่านั้น
แต่ข้อแตกต่าง คือพวกเขาจะทำตามที่ผู้บังคับบัญชาสั่งอย่างเต็มที่ และก็จะไม่มีการติดตามผลงานหรือประเมินว่าสิ่งนั้นเหมาะสมดีแล้วหรือไม่ที่ได้ทำลงไป
3. ผู้ตามที่รู้วิธีการเอาตัวรอด
เหล่านี้จะไม่ได้ยึดติดกับอุดมคติอะไรเป็นพิเศษ จะมองสถานการณ์ต่างๆ และแก้ไขเฉพาะหน้ามากกว่า รู้ว่าจังหวะไหนควรทำอะไร และไม่พาตัวเองไปจุดที่เสี่ยงเป็นอันขาด
คอยปรับตัวเองให้อยู่รอดโดยที่ไม่เป็นเป้าสายตาแก่คนอื่น แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป และมักจะไม่มีปัญหากับใครนัก เพราะว่ารู้จักการวางตัวให้ถูกทางในทุกสถานการณ์
4. ผู้ตามในแบบที่พร้อมชนทุกเมื่อ
กลุ่มนี้จะยึดความอิสระมาเป็นที่หนึ่ง เชื่อว่าทุกอย่างควบคุมได้ด้วยตนเอง จะไม่ชอบการถูกชักจูงหรือชี้แนะ เชื่อในตัวเองเป็นที่หนึ่ง รักในการเริ่มต้นด้วยตัวเอง และใช้อารมณ์เป็นหลัก
ซึ่งข้อดีก็คือมักจะมีงานที่สร้างสรรค์และไม่ซ้ำใครอยู่เสมอ แต่บางครั้งด้วยความที่ใช้ฟิลลิ่งมากเป็นพิเศษ ก็อาจผิดกฎระเบียบวินัย จนทำให้ขัดหูขัดตากับใครหลายคนในบางที
5. ผู้ตามที่ยึดมั่นในผลลัพธ์เสมอ
ลักษณะนี้จะเป็นการทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทุ่มกายและใจอย่างเต็มที่ ใช้ความคิดได้อย่างถูกเวลา จัดการกับปัญหาต่างๆได้อย่างเด็ดขาด
มองไปข้างหน้าเสมอ นึกถึงผลที่คุ้มค่ามากที่สุดกับทุกคน คล้ายกับการเป็นผู้นำในฐานะผู้ตาม เสนอตัวเข้ามาในทุกปัญหา และมักจะเป็นที่รักแก่ผู้นำอยู่เสมอ
ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงทฤษฎีประกอบเท่านั้น ในชีวิตจริงเราทุกคนต่างหลากหลาย ใครต่อใครมักพูดกันว่าในชีวิตความฝันสูงสุดคือการเป็นผู้นำ และพยายามพาไปอยู่ในจุดนั้น
แต่ใครบ้างจะรู้ว่ากว่าจะเป็นผู้นำที่ดีได้ ต้องล้วนต้องเป็นผู้ตามมาทั้งนั้น ก่อนจะนำคนอื่นได้ ต้องรู้จักตามให้ดีเสียก่อน
ไม่ว่าวันนี้แต่ละคนจะเป็นผู้ตามแบบไหนอยู่ อยากให้รู้ว่าเราทุกคนเลือกที่จะเป็นได้ เลือกจะปรับปรุงแก้ไขได้ ไม่ใช่แค่เพื่องานที่มีประสิทธิภาพ แต่เพื่อตัวเราที่ดีกว่าเก่า
ต่อให้ในวันพรุ่งนี้เราอาจจะยังเป็นผู้นำไม่ได้ แต่ในวันนี้เราจะเป็นผู้ตามที่ดีได้ เริ่มจากวินาทีนี้เป็นต้นไป
มากลายเป็นผู้ตามที่มีประสิทธิภาพ ไปด้วยกัน…
…
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ภาพประกอบจาก : Pexel