“SMART” เป็นวิธีที่ใช้กำหนดเป้าหมายทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้คุณสร้างและวัดเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านของ “พนักงาน” คือ พนักงานของคุณจะมองเห็นเป้าหมายได้อย่างชัดเจน เข้าใจในสิ่งที่หัวหน้าต้องการให้พวกเขาทำให้สำเร็จ
และในด้านของการเป็น “ผู้นำ” คือ คุณสามารถจัดการและควบคุมการดำเนินการตามเป้าหมายของพนักงานได้ง่ายขึ้น คุณจะประหยัดเวลาและทรัพยากรของบริษัทได้มากขึ้น และโฟกัสไปที่เป้าหมายที่จำเป็นต้องทำให้สำเร็จได้ดีกว่า

ภาพถ่ายโดย cottonbro จาก Pexels
SMART มีองค์ประกอบ 5 อย่าง ดังนี้
- S – Specific เป้าหมายเฉพาะเจาะจง
- M – Measurable สามารถวัดได้
- A – Achievable สำเร็จได้จริง
- R – Relevant เป้าหมายที่สอดคล้องกับความเป็นจริง
- T – Time-Bound กำหนดเวลาให้ชัดเจน

ภาพถ่ายโดย Los Muertos Crew จาก Pexels
S – Specific เป้าหมายเฉพาะเจาะจง
เป้าหมายที่กำหนดไว้ควรเจาะจง รัดกุม ชัดเจน ไม่ความสับสนหรือคลุมเครือ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเรียกแท็กซี่ คุณต้องบอกให้ชัดเจนว่าคุณต้องการจะไปที่ไหน โชเฟอร์ก็จะพาคุณไปที่ถูกต้อง รวดเร็ว และไม่หลงทาง
เช่นเดียวกับเวลาที่คุณขายสินค้า คุณไม่ควรตั้งเป้าหมายแบบคลุมเครือ คุณต้องตั้งเป้าหมายให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น ดังนี้
– คุณขายอะไร?
– ขายที่ไหน?
– ขายเวลาไหน?
– เป้าหมายรายได้คือเท่าไร?
ถ้าเป้าหมายเฉพาะเจาะจงหรือมีความชัดเจน จะช่วยให้พนักงานและทีมงานของคุณจะไม่สับสนและรู้ว่าบริษัทวางเป้าหมายไว้อย่างไรบ้าง
M – Measurable สามารถวัดได้
เป้าหมายของคุณควรสามารถวัดได้ในเชิงปริมาณและสถิติ เพื่อให้คุณสามารถติดตามความคืบหน้าได้ง่าย เมื่อพูดถึงการวัด มันไม่ได้แค่วัดว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ แต่คุณควรเข้าใจแต่คุณต้องรู้ว่าจะวัดอย่างไรและใช้อะไรในการวัด เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นกลางและถูกต้องแม่นยำที่สุด

ภาพถ่ายโดย Los Muertos Crew จาก Pexels
A – Achievable สำเร็จได้จริง
เป้าหมายที่วางไว้ต้องมีความท้าทาย คุณไม่ควรตั้งเป้าหมายที่ง่ายเกินไป เพราะผลลัพธ์ที่ได้จะไม่มีความหมายมากมายอะไรนัก แต่คุณก็ไม่ควรตั้งเป้าหมายที่ยากจนเกินไป เป้าหมายที่ตั้งไว้ควรมีความเป็นไปได้ ท้าทาย เหมาะสมกับความสามารถและทรัพยากรที่คุณมี
ลองเปรียบเทียบธุรกิจกับ “ร่างกาย” ของคนเรา คุณต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อให้มีความทนทานและสุขภาพดีขึ้น แต่ถ้าคุณออกกำลังกายหักโหมเกินไป คุณก็จะเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับธุรกิจ ถ้าธุรกิจของคุณมีเป้าหมายที่ท้าทาย ธุรกิจของคุณก็จะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเป้าหมายของคุณยากเกินไป ธุรกิจของคุณก็จะเสี่ยงต่อความล้มเหลวมากขึ้น

ภาพถ่ายโดย Karolina Grabowska จาก Pexels
R – Relevant เป้าหมายที่สอดคล้องกับความเป็นจริง
เป้าหมายต้องสอดคล้องกับความเป็นจริง ค่านิยม และเป้าหมายอื่น ๆ ที่คุณกำลังดำเนินการอยู่ เป้าหมายที่ไม่เกี่ยวข้อง แม้คุณจะทำมันสำเร็จ แต่มันก็จะไม่มีความหมายต่อธุรกิจของคุณมากนัก
T – Time-Bound กำหนดเวลาให้ชัดเจน
การกำหนดเวลาให้ชัดเจนจะช่วยให้คุณและทีมงานของคุณมีแรงจูงใจในการบรรลุเป้าหมาย การตั้งเป้าหมายที่สอดคล้องกับเวลาจะทำให้งานสำเร็จง่ายขึ้น ทั้งยังช่วยให้คุณเห็นเป้าหมายได้อย่างชัดเจนและมีความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายมากยิ่งขึ้น

ภาพถ่ายโดย cottonbro จาก Pexels
5 ขั้นตอนในการประยุกต์ใช้ “SMART” กับธุรกิจของคุณ
ในบริษัท ฝ่ายขายมักจะถูกเปรียบเป็น “กองหน้า” ที่นำรายได้มาให้บริษัท คุณควรใช้เวลาในการพูดคุยและปรึกษาหารือกับทีมขายของคุณด้วยตัวเอง และช่วยกันพิจารณาว่าเป้าหมายทางธุรกิจของบริษัทจะมีทิศทางหรือแนวโน้มเป็นอย่างไร

ภาพถ่ายโดย cottonbro จาก Pexels
ขั้นตอนที่ 1 – กำหนดว่าเป้าหมายทางธุรกิจของคุณคืออะไร
คุณต้องให้ความสำคัญและศึกษาความผันผวนของตลาดอยู่เสมอ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภค การใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของลูกค้า ฯลฯ เพื่อให้สามารถกำหนดเป้าหมายทางธุรกิจได้อย่างถูกต้อง
ถ้าบนแผนที่ของคุณมีจุดเฉพาะที่คุณจะไป คุณก็จะไม่หลงทาง เช่นเดียวกับการกำหนดเป้าหมายทางธุรกิจ การที่คุณจะกำหนดเป้าหมายทางธุรกิจให้ถูกต้องได้นั้น คุณต้องรู้ก่อนว่าคุณจะทำอะไร ทำที่ไหน มีกลุ่มเป้าหมายคือใคร ฯลฯ ฝ่ายขายไม่สามารถขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เป็นเพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป้าหมายทางธุรกิจเป็นอย่างไรนั่นเอง
ขั้นตอนที่ 2 – กำหนดเป้าหมายทางธุรกิจด้วยปัจจัยเชิงปริมาณและวัดผลได้
เป้าหมายธุรกิจของคุณต้องสามารถทำให้อยู่ในรูปเชิงปริมาณได้และสามารถวัดผลได้ วิธีนี้จะช่วยให้คุณทราบได้อย่างชัดเจนว่าเป้าหมายกำลังดำเนินการไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่ และมีแนวโน้มที่จะสำเร็จหรือไม่
การทำให้เป้าหมายทางธุรกิจอยู่ในรูปเชิงปริมาณและวัดผลได้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เป้าหมายชัดเจนขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการบรรลุเป้าหมายอีกด้วย เพราะในทางจิตวิทยา คนเรามักจะพยายามมากขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ถ้าเป้าหมายนั้นชัดเจนมากพอและมีผลลัพธ์ที่สามารถจับต้องได้

ภาพถ่ายโดย Karolina Grabowska จาก Pexels
ขั้นตอนที่ 3 – พิจารณาความเป็นไปได้ในการบรรลุเป้าหมาย
หลังจากกำหนดได้ชัดเจนแล้วว่าเราต้องการบรรลุผลสำเร็จในระดับไหน คุณต้องพิจารณาปัจจัยเพิ่มเติม เช่น ทรัพยากรของบริษัท สถานการณ์ตลาด โอกาส ความเสี่ยงในอนาคต ฯลฯ มีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจของคุณได้ ดังนั้น การพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการบรรลุเป้าหมายนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ
เช่นเดียวกันกับการเล่นหมากรุก คุณไม่เพียงแต่ต้องรู้ว่าคุณต้องเลื่อนตัวหมากไปที่ไหนบ้างเท่านั้น แต่คุณต้องเตรียมพร้อมที่จะรับความเสี่ยงด้วย เพราะการเคลื่อนตัวหมากของคุณแต่ละครั้งจะส่งผลต่อเกมทั้งกระดาน

ภาพถ่ายโดย RODNAE Productions จาก Pexels
ขั้นตอนที่ 4 – พิจารณาว่าเป้าหมายสอดคล้องกับความเป็นจริง
เป้าหมายทางธุรกิจที่คุณวางไว้ไม่ควรถูกจำกัดอยู่ในกรอบเล็ก ๆ เท่านั้น แต่ควรทำให้คุณสามารถมองเห็นธุรกิจของคุณในภาพรวมได้ นอกจากนี้เป้าหมายที่คุณวางไว้อาจจะดูดีในตอนแรก ๆ แต่เมื่อคุณทำธุรกิจในระยะยาว เป้าหมายนั้นอาจใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ดังนั้น เป้าหมายที่คุณวางไว้ต้องสอดคล้องกับความเป็นจริงและสอดคล้องกับเป้าหมายอื่น ๆ ของบริษัทด้วย

ภาพถ่ายโดย Ketut Subiyanto จาก Pexels
ขั้นตอนที่ 5 –กำหนดวันเวลาในการบรรลุเป้าหมายให้ชัดเจน
ทุก ๆ วันปีใหม่ เรามักจะตั้งเป้าหมายที่อยากจะทำให้สำเร็จไว้มากมาย แต่คุณกลับทำไม่ได้หรือทำได้น้อยมาก แบบนี้เราเรียกกันว่า “New Year’s Syndrome”
เมื่อตั้งเป้าหมายแล้ว คุณต้องดูด้วยว่ามันสอดคล้องกับเวลาที่คุณกำหนดไว้หรือไม่ การกำหนดเวลาจะช่วยเพิ่มแรงกดดัน ซึ่งจะทำให้ทีมขายของคุณขายได้สำเร็จมากขึ้น นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการที่จะบรรลุเป้าหมายของหัวหน้าอีกด้วย ถ้าพนักงานได้รับมอบหมายงานและมีการกำหนดเวลาที่ชัดเจน พวกเขาจะสามารถจัดสรรทรัพยากรในการทำงานได้ดีขึ้นและสามารถทำงานได้สำเร็จตามเวลาที่กำหนดไว้

ภาพถ่ายโดย fauxels จาก Pexels
ขั้นตอนที่ 6 – เขียนเป้าหมายของคุณลงบนกระดาษแล้วลงมือทำ
คุณสามารถเขียนเป้าหมายธุรกิจด้วยการใช้ “SMART” ลงบนกระดาษและลงมือทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมายให้ได้
คุณอาจเขียนเป้าหมายรายสัปดาห์ เป้าหมายไตรมาส เป้าหมายประจำปี ฯลฯ แปะไว้บนผนังให้ทีมขายของคุณเห็นได้อย่างชัดเจนก็ได้ เป้าหมายเหล่านี้จะช่วยให้พนักงานของคุณเข้าใจเป้าหมายได้อย่างชัดเจน ว่าควรตั้งเป้าหมายอย่างไรให้ชัดเจนมากขึ้นในสไตล์ของพวกเขา
. . .
การกำหนดเป้าหมายทางธุรกิจด้วยการใช้ “SMART” ไม่ใช่แค่คำนึงถึง 5 องค์ประกอบข้างต้นเท่านั้น แต่ต้องสอดคล้องกับวัฒนธรรมบริษัท องค์กร หรือทีมด้วย ถ้าสมาชิกไม่เข้าใจเป้าหมายทางธุรกิจ ก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจจะต่อผลลัพธ์โดยรวมของบริษัทได้
ที่มา: HBRBusinessSchool
อ้างอิง: https://www.facebook.com/188962875025436/posts/963565817565134/
. . .
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
แปลและเรียบเรียงโดย: ปิ่นแก้ว ศิริวัฒน์
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels และ freepik