6 เคล็ดลับของชาวยิว ทำแบบยิว รวยแบบยิว
ถ้าถามว่าเชื้อชาติใดเป็นเชื้อชาติที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ?
ก็ต้องเป็นชาวยิวแน่นอนอยู่แล้ว

John D. Rockefeller – General Photographic Agency/Getty Images
ชาวยิวเป็นนับว่าเชื้อชาติที่มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของโลกมาช้านาน พวกเขามีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกมาทุกยุคสมัย และพวกเขาก็สามารถปรับตัวดำรงอยู่ในโลกใบนี้มาจนถึงปัจจุบัน จึงเป็นธรรมดาที่ชาวยิวจะได้รับการยอมรับว่าเป็นเชื้อชาติที่มีความพิเศษ พวกเขาได้ทิ้งอะไรไว้หลายอย่าง ทําให้ชาวโลกต่างชื่นชมและเคารพในตัวพวกเขา!
ชาวอเมริกันมีประโยคที่ว่า “ชาวจีนชอบเก็บเงิน ชาวตะวันตกชอบใช้เงิน และชาวยิวเท่านั้นที่หาเงินเก่ง” พวกเขาเชื่อว่าการใช้สติปัญญาในการหาเงินเท่านั้นคือหนทางไปสู่ความร่ำรวยที่แท้จริง
กลุ่มคนที่ฉลาดหลักแหลมที่สุด ขยัน และอดทนมากที่สุดในโลก จะมีสัดส่วนประชากรอยู่ที่ 0.3% และพวกเขานับว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของโลก อีก 17% เคยได้รับรางวัลโนเบล และกลุ่มคนที่มีรายได้มากกว่า 30% ของโลก พวกเขาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นชาวยิว

George Soros รูปภาพโดยสำนักข่าว CNN
หนึ่งในสามของเศรษฐีและนักธุรกิจที่รวยที่สุดในโลกเป็นชาวยิว เห็นได้จากที่บุคคลเหล่านี้ที่ติด 18 ใน 40 อันดับแรกของบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในนิตยสารฟอร์บส์ (Forbes Magazine) ของสหรัฐอเมริกา
นักธุรกิจชื่อดังที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป เช่น จอห์น ร็อกเกอร์เฟลเลอร์ (John Rockefeller) ราชาน้ำมันผู้ยิ่งใหญ่ จอร์จ โซรอส (George Soros) ที่ได้รับสมญานามว่า “นักล่าทางการเงิน” (Financial Alligator) เจ.พี.มอร์แกน (J.P. Morgan) นักการเงินและนายธนาคารผู้ยิ่งใหญ่ อาร์มานด์ แฮมเมอร์ (Armand Hammer) นักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ และ โจเซฟ พูลิตเซอร์ (Joseph Pulitzer) ราชาหนังสือพิมพ์ พวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นชาวยิว
สําหรับชาวยิวเช่นพวกเขา การยึดถือคุณค่าของเงินและความเข้าใจปรัชญาของเงินนั้นเป็นเรื่องที่สําคัญมาก ในฐานะ “ผู้ประกอบการอันดับหนึ่งของโลก” ที่ได้รับการยอมรับจากชาวโลก ชาวยิวมีวิธีการคิดที่ไม่เหมือนใครเกี่ยวกับความร่ำรวย พวกเขามี “เคล็ดลับ” บางอย่างและได้ส่งต่อมาหลายต่อหลายรุ่นแล้ว และนี่คือหลักการทางการเงินของพวกเขา

Photo by fauxels from Pexels
1. ขยายตัวอย่างไม่สิ้นสุด
การที่ชาวยิวหาเงินเก่งนับว่าเป็นลักษณะทางธรรมชาติของพวกเขาโดยเฉพาะ เพราะพวกเขาไม่ใช่พวกที่จะจำกัดชีวิตอยู่ในที่ที่เดียว ดังนั้นชาวยิวจึงเรียนรู้ที่จะ “ออกนอกกรอบ” อยู่เสมอ นักลงทุนชาวยิวจึงมักไม่จำกัดตลาดในการลงทุน พวกเขาสามารถทําธุรกิจได้ทุกที่
นักธุรกิจชาวยิวสามารถทำธุรกิจได้อย่างกว้างขวางไปทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นตลาดเล็กหรือใหญ่ แค่ทำธุรกิจกับชาวยิว คุณก็สามารถเป็นเพื่อนกับพวกเขาได้แล้ว แม้กระทั่งปัจจุบันชาวยิวก็ยังไม่หยุดที่จะมองหาตลาดใหม่ ๆ และการเริ่มมีการขยายตลาด ไม่ว่าจะเป็นการแทรกแซงตลาดระหว่างประเทศ การมองหาโอกาสในตลาดใหม่ ๆ หรือการลงทุนในตลาดที่มีการแข่งขันน้อยกว่า
2. กฎ 78:22
กฎ 78:22 หมายถึง 22% ของอุตสาหกรรมโลก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งทอ การบริโภค การก่อสร้าง เครื่องประดับ เวชภัณฑ์ โดย 78% เป็นธุรกิจดั้งเดิมของชาวยิว นักธุรกิจชาวยิวส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจการบริการ อาหาร เสื้อผ้า เครื่องประดับ การก่อสร้าง และเวชภัณฑ์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์สําหรับผู้หญิงและเด็ก
เท่ากับว่าผู้ชายมีรายได้เป็น 78% ของโลก ส่วนผู้หญิงจะมีรายจ่ายเป็น 78% ของเงินโลก ดังนั้นกฎ 78:22 เป็นที่นิยมในการทำตลาดของชาวยิว เช่น ลูกค้า 22% ทํากําไร 78% ให้กับบริษัท ดังนั้น 22% ของสินค้าจะเป็นสินค้าหลักของบริษัท กล่าวได้ว่าไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ใดก็ตาม แค่มีสินค้าและลูกค้า ผู้ประกอบการชาวยิวก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและทำกำไรให้ดีขึ้นได้อีกหลายเท่า

Photo by cottonbro from Pexels
3. ใช้สมองในการหาเงิน
ผู้ประกอบการชาวยิวให้ความสําคัญกับสติปัญญาและใช้สมองในการหาเงิน การใช้ปัญญาในการหาเงินนับว่าเป็นการใช้สติปัญญาที่แท้จริง ดังนั้นเงินจึงกลายเป็นเครื่องวัดสติปัญญาของชาวยิว การใช้สติปัญญาจะได้ผลจริง ๆ ก็ต่อเมื่อมันถูกเปลี่ยนเป็นเงิน
ในการทำธุรกิจของชาวยิว การตลาดนั้นยังจําเป็นต้องใช้สมองในการคิดและวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค ผู้ผลิตต้องสามารถทําสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าและมีที่ยืนในตลาดให้ได้ ยิ่งกว่านั้นความต้องการของตลาดเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้นไม่สามารถใช้วิธีดำเนินธุรกิจแบบล้าสมัยได้ และเพื่อการธุรกิจพัฒนาอยู่เสมอ นักธุรกิจจำเป็นต้องเรียนรู้และค้นคว้าอย่างไม่สิ้นสุด และสิ่งเหล่านี้ต้องใช้สติปัญญา

Photo by Ari Alqadri from Pexels
4. เห็นคุณค่าของเวลาเป็นเหมือนทองคํา
คําขวัญทางธุรกิจของชาวยิวมีประโยคที่ว่า “อย่าเสียเวลา” คําขวัญนี้ไม่ใช่แค่คําขวัญทั่ว ๆ ไปเท่านั้น แต่ยังเป็นคําขวัญสำคัญสําหรับนักธุรกิจชาวยิวด้วย
ในมุมมองของชาวยิว เวลาคือเงิน พวกเขาให้คุณค่ากับเวลาเสมอ ไม่ใช่แค่สนุกกับชีวิตไปวัน ๆ แต่ต้องใช้ทุกนาทีทุกวินาทีเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ โดยเฉพาะในการแข่งขันทางธุรกิจที่ดุเดือด เพราะ “ปลาที่ว่ายเร็วย่อมกินปลาที่ว่ายช้าเสมอ” ดังนั้นจะทำอะไรต้องทำอย่างรวดเร็ว
5. การบูรณาการทรัพยากร
วิลเลียม ริกส์สัน (William Riggsson) นักเศรษฐศาสตร์ชาวยิวได้กล่าวไว้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างคือการกู้ยืม คุณสามารถยืมสถานที่ ความสามารถ เทคโนโลยี และสติปัญญาได้ โลกนี้มีทรัพยากรทั้งหมดที่คุณต้องการ สิ่งที่คุณต้องทําคือการเพิ่มพูนและใช้สติปัญญาไปพร้อมๆ กัน เพื่อสร้างสินค้าของคุณเอง

Photo by Snapwire from Pexels
6. ยืนให้สูงเพื่อมองให้ไกล
ชาวยิวมีแนวคิดว่า “มองให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทําได้” “ยิ่งคิดให้ไกลเท่าไหร่ ความสําเร็จก็ยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้น” “ถ้าขาไม่ถึง ตาต้องถึง แต่ถ้าตาไม่ถึง ใจต้องถึง” เห็นได้ว่าบทเรียนธรรมดา ๆ ของมหาเศรษฐีไม่ใช่ต้องการแสวงหาผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว คนรวยที่แท้จริงจะลงทุนในแต่สิ่งที่อยู่ในระยะยาวและให้ผลในระยะยาว
ดังนั้นสิ่งที่ผู้นำต้องมีความแตกต่างจากคนทั่วไปคือ มุมมองที่กว้างไกล พวกเขาต้องเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์ก่อนผู้อื่นและพร้อมที่จะรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น
. . .
กฎของธุรกิจชาวยิวแม้จะสั้นๆ แต่ก็มีความหมายลึกซึ้ง
ความสําเร็จของพวกเขาคือการพิสูจน์ตัวตนของพวกเขาได้ที่ดีที่สุด
แปลบทความจาก Abolouwang (อ่านเพิ่มเติมคลิก)
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
แปลบทความโดย: ปิ่นแก้ว ศิริวัฒน์
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
. . .
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels และ freepik