หากมีใครสักคนเดินมาบอกว่าความบังเอิญไม่เคยมีอยู่จริง ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ด้วยเหตุผลในด้านของเวลา เพื่อสร้างจังหวะให้หลายสิ่งโคจรมาพบกันอย่างมีที่มาที่ไปเสมอ
อาจจะฟังดูน่าเหลือเชื่อไปสักหน่อย แต่เมื่อลองสังเกตดูก็จะพบว่าหลายสิ่งรอบตัวที่เข้ามาในชีวิต มักจะมาจากการสร้างโอกาสจากใครคนหนึ่งเสมอ อย่างน้อยก็ตัวเราเอง
ขนาดคนแปลกหน้าที่วงโคจรแทบจะไม่มีทางบรรจบกัน ในวันหนึ่งก็อาจกลายมาเป็นคนรู้จักที่สร้างความรู้สึกดีๆต่อกันได้
ถ้าคิดว่าการพบเจอกันของผู้คนมันคือความพิเศษแล้ว สำหรับในโลกของสัตว์เลี้ยงยิ่งเป็นความมหัศจรรย์อย่างบอกไม่ถูก
การที่คนกับสัตว์จะอยู่ร่วมกันได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยชาติพันธุ์ ลักษณะทางกายภาพ พันธุกรรม และอีกหลายสิ่งที่ไม่ได้ไปทางเดียวกันเลย มีเพียงอย่างเดียวที่พอจะเป็นเหตุผลได้
นั่นก็คือ ความเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกันเท่านั้นที่พาทั้งสองสายพันธุ์มาเชื่อมโยงกันได้ สร้างความทรงจำที่ดีต่อกันและกัน จนมอบความรักให้โลกใบนี้ดูน่าอยู่และสวยงามตลอดเวลา
เมื่อจะพูดถึงความสำคัญของการมีสัตว์เลี้ยง อาจไม่มีใครบอกได้ว่ามันดีหรือไม่ดีอย่างไร บางครั้งคงต้องสัมผัสด้วยตัวเอง หรือไม่ ก็อาจอยู่ที่ว่าเรามองเห็นความน่ารักแบบนั้นเมื่อไหร่กัน
แต่ถ้าหากใครที่ยังมองหาความน่ารักของสัตว์เลี้ยงไม่เจอ หรือมีคำถามในใจว่าสัตว์เลี้ยงจำเป็นกับชีวิตมนุษย์จริงๆเหรอ อยากให้ลองรู้จักกับ Gluta Story แล้วความคิดอาจเปลี่ยนไป
Gluta Story แฟนเพจที่กำลังเน้นย้ำว่าสัตว์เลี้ยงก็มีหัวใจไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ ผ่านมุมมองการเล่าเรื่องเพื่อส่งสัญญาณถึงผู้คน ไม่ว่าจะสองขาหรือสี่ขาก็มีความสำคัญเท่าเทียมกัน
ใครจะไปคิดว่าการเจอกันของผู้ชายคนหนึ่งกับสุนัขตัวหนึ่ง จะต่อยอดไอเดียแนวคิดได้ไกลมาถึงทุกวันนี้ ต้องให้ความดีความชอบแก่ คุณยอร์ช สรศาสตร์ ผู้ก่อตั้ง Gluta Story
เรื่องราวต้องย้อนไปสมัยที่ คุณยอร์ช ยังเป็นนักศึกษา ได้พบเข้ากับเจ้ากลูต้า สุนัขใต้หอพักตัวหนึ่ง ด้วยความน่ารักเอ็นดูรวมเข้ากับความเป็นคนรักสัตว์ ทำให้คุณยอร์ชตัดสินใจพาเจ้ากลูต้ามาเลี้ยง จากนั้นเขาเลือกที่จะช่วยเหลือหมาจรจัดมาโดยตลอด จนเป็นที่มาของ Gluta Story ในที่สุด
หลังจากเริ่มทำเพจขึ้นมา สิ่งที่ Gluta Story แสดงออกมาชัดเจนที่สุดคือการสร้างคาแรคเตอร์จากความเป็นตัวตนของสุนัขแต่ละตัว หลังจากตอนแรกเล่าเรื่องราวความน่ารักของเจ้ากลูต้า
ต่อมาก็เริ่มมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็น กอลลั่ม ,นวล ,ลูกชิ้น ,จัมโบ้ ,การ์เด้น ,สนิม และ เมิร์ล ซึ่งแต่ละตัวก็มีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกัน ทำให้คนติดตามยิ่งหลงรักในทุกตัว
นอกจากกิจกรรมที่ถ่ายทอดออกมาให้ทุกคนได้เห็น สิ่งที่ถูกส่งออกไปคือความสุขในแบบฉบับของสุนัข ที่พาทุกคนเห็นพัฒนาการเติบโตและการอยู่ร่วมกัน ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้ดูไปพลางยิ้มไป เปลี่ยนให้ทุกคนมีจิตใจที่อ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว
ว่ากันว่าสัตว์เลี้ยงสามารถอยู่คู่ได้กับทุกวัย แน่นอนว่าไม่แปลกใจที่ Gluta Story จะเข้าไปมัดใจคนดูได้แทบจะทุกช่วงอายุที่เอ็นดูในความน่ารักของเหล่าก๊วนสี่ขาเหล่านี้
ยิ่งการสร้างสรรค์คอนเทนต์ ความตั้งใจในโปรดักชั่นทำให้เพจยิ่งดูสมบูรณ์มากขึ้น ผนวกกับเป็นการเล่าเรื่องความน่ารักของสัตว์เลี้ยง ก็ชวนให้ผู้ติดตามกดไลก์แห่คอมเมนต์กันอย่างคับคั่ง
มากไปกว่านั้นคือการแชร์ ยิ่งเป็นความธรรมชาติมากเท่าไหร่ยิ่งเป็นไวรัลมากเท่านั้น บางทีไม่ต้องไปหาอะไรให้ปวดหัว แค่รูปของเจ้ากลูต้านั่งหงอยๆ ก็เป็นมุมตลกที่คนชื่นชอบกันแล้ว
ทำให้การเติบโตเป็นไปอย่างยอดเยี่ยม ยอดผู้ติดตามก็ทยอยเข้ามาในแต่ละวัน จนเวลาผ่านไป 9 ปีตั้งแต่ตั้งเพจ ถึงวันนี้ก็ปาเข้าไปกว่า 1.8 ล้านคนเข้าให้แล้ว นี่ยังไม่รวมยอดผู้ติดตามในยูทูปกว่าอีก 1 ล้านคน ก็ยิ่งตอบแทนความตั้งใจให้หายเหนื่อย
ส่วนของธีมเพจใช้ความเป็นธรรมชาติกับความไร้เดียงสาของเหล่าตัวน้อยดำเนินไป โดยไม่ต้องมีสคริปต์หรือบทพูด ก็ชวนให้หุบยิ้มแทบไม่ได้อยู่แล้ว
องค์ประกอบสำคัญคือการวางรูปแบบ โทนสี เนื้อหาได้อย่างเหมาะสม สร้างแบรนด์ให้โดดเด่นนอกจากคอนเทนต์ที่ยอดเยี่ยมต้องมีหลายสิ่งไปในทางเดียวกัน
ทั้งโลโก้รูปแบบกราฟฟิกก็ชวนผลักดันให้ตัวคอนเทนต์ดูแข็งแรงมากยิ่งขึ้นและไปในทิศทางเดียวกัน สอดแทรกด้วยไอคอนยิ่งเพิ่มความน่ารักเข้าถึงง่ายเข้าไปอีก
นอกจากจะแบ่งปันความสดใสแล้ว อีกมุมหนึ่งยังเป็นกระบอกเสียงคอยเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวข้องทั้ง หาบ้านให้เหล่าสัตว์เลี้ยงจรจัด หรือ ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทั้งหลาย
ในแต่ละวันเหล่าตัวแสบทั้งหลายสรรหาคอนเทนต์ให้ไม่มีหยุด ทำให้ไม่สามารถถ่ายทอดทั้งหมดได้ แต่ก็พยายามอย่างน้อยวันละ 1 โพสต์เป็นอย่างต่ำ เพื่อให้แฟนๆได้หายคิดถึงจอมแสบพวกนี้อยู่บ้าง
จนถึงขั้นต่อยอดไปทำอะไรอีกมากมายเป็นของที่ระลึกทั้ง เข็มกลัด ,กระเป๋า ,เสื้อ ,สติ๊กเกอร์ และอีกเพียบให้ได้สะสม
เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่ Gluta Story กำลังจะให้สังคมไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่คือการบอกว่าความสุขหาได้ง่ายในทุกวัน การได้กินอิ่ม นอนหลับ วิ่งเล่นเป็นครั้งคราว แค่นี้ก็อาจคือสิ่งที่ต้องการ
แล้วลองย้อนกลับมาถามตัวเองดูว่า ทุกวันนี้ที่เรากำลังวิ่งไล่ตามอยู่นั้นใช่ความสุขจริงหรือเปล่า หรือทำไปเพราะคิดว่าสิ่งนี้จะพาไปสู่ความสุขได้แบบคนอื่นเขา
แต่อย่าลืมว่าทุกคนมีความสุขและเป้าหมายในชีวิตที่แตกต่างกัน ตราบใดที่ยังมีแรง ไม่หมดไฟ คงจะดีถ้าได้พาตัวเองไปอยู่ในที่ที่ตัวเองชอบ และตอบสนองความต้องการของตัวเองได้
เหมือนที่คุณยอร์ชเลือกพาตัวเองไปในออนไลน์ จนกลายเป็นอาชีพที่สร้างความสุขให้กับตัวเองและผู้คนอีกนับล้านคน
เพียงเท่านี้ก็น่าพอใจสำหรับหนึ่งชีวิตแล้วล่ะ…
…
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: Pexel