เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้ผู้อื่น
เพื่อนร่วมงานแบบนี้ต้องถูกจัดการ !
เพื่อนร่วมงานดี…ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง
งานหนัก งานยาก เจ้านายไม่ปลื้ม…จะกลายเป็นปัญหาเล็ก ๆ ไปทันที เมื่อคุณได้เจอกับเพื่อนร่วมงานดี ๆ ที่พร้อมช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่และพร้อมใจกันทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่มีปัญหาหยุมหยิมกวนใจให้ทะเลาะกันบ่อย ๆ
แต่จะทำไงได้ล่ะ…ก็ตอนสมัครงานมันเลือกไม่ได้นี่หว่า ว่าอยากเจอเพื่อนร่วมงานแบบไหน
ถ้าทำบุญมาเยอะหน่อย ก็คงได้เจอกับคนดี ๆ ไม่มีปัญหา แต่ถ้าซวยหนักเลยล่ะก็…คงหนีไม่พ้น ได้เจอเพื่อนร่วมงานประเภท ‘เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้เราเสมอไป’
ต่อหน้าพูดจาดี โอเคทุกอย่าง เห็นด้วยทุกเรื่อง แต่พองานมีปัญหาหรือเจอข้อบกพร่องเมื่อไหร่ กลับโยนความผิดให้เรา แถมยังเอาไปนินทาว่าร้ายลับหลังอย่างสนุกปาก
เจอเพื่อนร่วมงานแบบนี้…ไม่ต้องทน แต่ก็อย่าเพิ่งลาออกไปเสียก่อน
เราต้องหาวิธีรับมือกับปัญหานี้ให้ได้ !
พันเอก ดร.อรรถสิทธิ์ หัสถีธรรม ได้เสนอแนวทางจัดการกับคนประเภทนี้เอาไว้ 3 เทคนิค นั่นก็คือ…
เทคนิคที่ 1 จงระวังพวกที่มาดีกับเราโดยไม่มีเหตุผล
เคยเจอไหม เพื่อนร่วมงานทั้งตำแหน่งเท่าเทียมกัน ตำแหน่งต่ำกว่า หรือแม้กระทั่งคนที่ตำแหน่งสูงกว่าเราหลายเท่า
อยู่ดี ๆ ก็เข้ามาทำดีกับเราอย่างไม่มีเหตุผล หนำซ้ำ..การกระทำยังดูแปลกตาไปหมด พูดง่าย ๆ ก็ประมาณว่า เราสัมผัสได้ถึงความไม่จริงใจหรือรัศมีความเห็นแก่ตัวของเพื่อนร่วมงานคนนั้นตั้งแต่แรกเห็น
ถ้าเจอแบบนี้ ให้ระวังไว้ก่อนเลยว่า…เขามีแนวโน้มจะมาแสวงหาผลประโยชน์จากเรา !
ทำแบบนี้ อาจจะดูเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายไปสักหน่อย
แต่อย่างไรก็ตาม การคิดลบ ๆ เผื่อไว้ก่อน ก็ไม่ได้เสียหายอะไร แถมยังเป็นการระวังตัวเองเอาไว้ จะได้ไม่ถูกใครหักหลังเอาง่าย ๆ
นี่เรียกว่า การบริหารความเสี่ยง หรือ Risk Management เพราะถ้าเรามองคนรอบตัวในแง่บวกมากเกินไป ก็อาจทำให้เราหลงใหลต่อคำพูดและท่าทีแสนดีของเขา จนมองข้ามสิ่งเลวร้ายที่อยู่ภายในจิตใจ สุดท้ายเมื่อพบว่าตัวเองถูกหลอกหรือถูกหักหลัง ก็สายเกินไป และคงจะเจ็บหนักน่าดู
เพราะฉะนั้น คิดเผื่อไว้ทั้งแง่บวกและลบ มันจะทำให้เรารับมือกับคนใจร้ายได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังเป็นการรักษาความรู้สึกของตัวเองด้วยนั่นเองค่ะ
เทคนิคที่ 2 ปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ
ดร.หนุ่ยได้กล่าวคำพูดเตือนใจเอาไว้ว่า…
“อย่าเอ็นดูเขา…แต่เอ็นเราขาด”
หากยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเพื่อนร่วมงานที่มีพฤติกรรมแปลก ๆ ตรงหน้านั้น มาดีหรือมาร้ายกันแน่ ก็ขอให้คิดวิเคราะห์สักนิดก่อนจะให้ความร่วมมือหรือช่วยเหลืออะไรเขาสักอย่าง
เพราะถ้าสิ่งที่เขาต้องการให้เราช่วยนั้นแฝงไปด้วยวัตถุประสงค์ที่ไม่ดี อย่างเรื่องผิดศีลธรรมหรือผิดกฎหมาย เช่น หลอกให้เรามีส่วนร่วมในการโกงงบประมาณบริษัท นั่นหมายความว่า เขากำลังจะลากเราไปซวยด้วย (นอกจากจะพากันตกงานแล้วยังเสี่ยงคุก ชีวิตพังแน่นอน)
เพราะฉะนั้น หัดปฏิเสธเสียบ้าง อย่ายินยอมไปเสียทุกเรื่อง
ความหวังดีของเรา อาจถูกนำไปใช้ผิดทิศทาง เมื่ออยู่ในมือของคนไม่ดี
เทคนิคที่ 3 หาแนวร่วมเปิดโปงคนร้ายกาจ
คนพวกนี้ เมื่อไม่สามารถเอาเปรียบเราได้ เพราะเห็นว่าเรารู้ทัน เขาก็จะเปลี่ยนเป้าหมาย ไปทำนิสัยแย่ ๆ ใส่คนอื่นต่อไปอีก เช่น เพื่อนร่วมงานของเรา ลูกน้องของเรา หรือแม้แต่เจ้านายของเราเอง ซึ่งถ้าคนเหล่านั้นไหวตัวไม่ทัน ก็จะตกหลุมพราง สุดท้ายอาจเกิดผลเสียย้อนกลับมาหาเราได้ในที่สุด
เพราะฉะนั้นเราต้องสร้าง แนวร่วม หรือพันธมิตร
ซึ่งแนวร่วมของเราต้องเคยมีประสบการณ์ตรงเช่นเดียวกับเรา และรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนเหล่านั้นดี หรือเรียกง่าย ๆ ว่า เป็นพันธมิตรที่เคยถูกจอมมารทำร้ายมาก่อนเหมือนกัน !
แม้จะดูเป็นสงครามย่อย ๆ ภายในองค์กร แต่คนจิตใจไม่ดีที่สร้างปัญหา ควรถูกกำราบเสียบ้าง
เราเรียกสิ่งนี้ว่า การตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพื่อไม่ให้มันลุกลาม ไม่ให้มันกลายเป็นปัญหาใหญ่ ๆ ภายในองค์กรที่ยากเกินแก้ไขในอนาคต
เพราะฉะนั้น เราต้องเปิดโปงพฤติกรรมไม่ดีของเขาอย่างแนบเนียน ผ่านการประชุม การพูดคุย หรือกระบวนการทำงานต่าง ๆ
และถ้าเขายังไม่ปรับปรุงตัว เราก็จำเป็นต้องจัดการ ให้เรื่องนี้ไปถึงผู้นำระดับสูง
คนที่ชอบเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้ผู้อื่นนั้น จะกระทบความอยู่รอดและความเจริญรุ่งเรื่องขององค์กร รวมทั้งอาจทำให้ความสัมพันธ์ของคนข้างในแตกแยก ทะเลาะเบาะแว้งกันอีกด้วย
อ้างอิง : ข้อมูลจากหนังสือจากมนุษย์พันธุ์ติดลบ กลับมาสร้าง 15 ล้าน ใน 3 ขั้นตอน
เขียนโดย : พันเอก ดร.อรรถสิทธิ์ หัสถีธรรม
บทความโดย : กองบรรณาธิการ สำนักพิมพ์ 7D Book & Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก : เว็บไซต์ pexels