ใคร ๆ ต่างก็รู้กันว่า บิล เกตส์ (Bill Gates) เป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
แต่รู้ไว้เถอะว่า เขาไม่เคยใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยและจัดการการใช้จ่ายของตัวเองอย่างมีเหตุผล
บิล เกตส์ เป็นมหาเศรษฐีที่แทบจะไม่เคยหลุดโผจากการจัดลำดับมหาเศรษฐี 5 อันดับแรกของโลกเลย เขาเคยเป็นทั้งผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอของบริษัท Microsoft ยักษ์ใหญ่ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินประมาณหนึ่งหมื่นสามพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

Bill Gates (weforum.org)
บิล เกตส์ มักจะทุ่มเทเวลาและความพยายามอย่างมากในสิ่งที่เขาเชื่อว่าเขา “ทำได้” สิ่งแรกก็คือการลาออกจากมหาวิทยาลัยและเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง ท้ายที่สุด สิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้ถูกต้อง คอมพิวเตอร์กลายเป็นสิ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก และบริษัทของเขาก็กลายเป็นบริษัท “ยักษ์ใหญ่” ในตลาดโลก
แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่มหาเศรษฐีวัย 65 ปีทำอยู่เสมอ ซึ่งดูเหมือนจะตรงข้ามกับนิสัยที่มั่นใจในตัวเองของเขาอย่างมาก นั่นคือ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท Microsoft บิล เกตส์ จะเก็บเงินสดจำนวนหนึ่งไว้ในธนาคารอยู่เสมอ และเงินนี้ได้ช่วยให้บริษัทอยู่รอดได้เป็นเวลา 1 ปีโดยที่ไม่มีรายได้ ในขณะเดียวกัน เขามักจะจัดการค่าใช้จ่ายส่วนตัวอย่างละเอียดรอบคอบ ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และใช้เงินส่วนใหญ่ไปกับการกุศลและช่วยเหลือผู้คน
ในการสัมภาษณ์เมื่อปี 2017 บิล เกตส์เคยกล่าวไว้ว่า “ผมมักจะกังวลเพราะคนที่ทำงานมีอายุมากกว่าผมและพวกเขาก็มีลูก ผมมักจะคิดอยู่เสมอว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมจ้างคนมากเกินไปและไม่สามารถจ่ายค่าจ้างให้พวกเขาได้” จะเห็นได้ว่าบิล เกตส์มักจะระมัดระวังในการสรรหาบุคลากรอยู่เสมอ ซึ่งเขาไม่จ้างคนมากจนเกินไป
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีสองด้าน ดังนั้นการมองโลกในแง่ดีและการมองโลกในแง่ร้ายจึงไปด้วยกันได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐีที่สร้างตัวเอง มหาเศรษฐี หรือบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านเหรียญ สองสิ่งนี้มักจะปรากฏขึ้นพร้อมกัน ต่อต้านกัน และสร้างสมดุลให้กัน บิล เกตส์ เชื่อว่า “คนเราสามารถเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีได้นาน ถ้าเรามองโลกในแง่ร้ายมากพอ” สำหรับ บิล เกตส์ วิธีที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำสองสิ่งนี้ได้พร้อม ๆ กันก็คือ การออมอย่างคนมองโลกในแง่ร้ายและการลงทุนอย่างคนมองโลกในแง่ดี

Bill Gates (businessinsider.com)
ออมอย่างคนมองโลกในแง่ร้าย
จอห์น ลิตเติลวูด (John Littlewood) นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษได้คิดค้น “กฎแห่งปาฏิหาริย์” (Law of Miracles) ซึ่งเป็นกฎที่ว่า ในชีวิตของคนเราทุกคน ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นเดือนละครั้งและสิ่งเลวร้ายก็จะเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ชีวิตของเราต้องเผชิญกับความยากลำบากและความท้าทายอยู่เสมอ แต่ในขณะเดียวกัน เราก็จะพบกับความสำเร็จด้วย เรียกได้ว่าเป็นช่วงขึ้น ๆ ลง ๆ ของชีวิต ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้

Bill Gates portrait by John Keatley
บิล เกตส์ เชื่อว่าเราควรออมเงินเหมือนคนมองโลกในแง่ร้าย นั่นก็คือ เราต้องคอยระวังเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น เราจึงควรรู้จักบริหารรายจ่าย อย่าใช้เงินเดือนจนหมด
ลองคิดดูว่าสิ่งที่เรามีอยู่ในมือวันนี้อาจจะหายไปในวันพรุ่งนี้ จงเรียนรู้วิธีที่บิล เกตส์ ใช้กับบริษัท Microsoft ของเขา และอย่าลืมประหยัดเงินเพื่อให้เราสามารถ “เอาตัวรอด” ได้อย่างน้อย 6 เดือน ถ้าสมมติถูกเลิกจ้างกะทันหันหรือไม่มีรายได้
ลงทุนอย่างคนมองโลกในแง่ดี
เราไม่จำเป็นต้องมองโลกในแง่ร้ายเสมอไป เพราะชีวิตคนเรานั้นสั้น ดังนั้น เมื่อคิดที่จะการลงทุนเพื่ออนาคตของคุณเอง จงเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ
มีสิ่งหนึ่งที่เรียกกันว่า “ดอกเบี้ยทบต้น” นั่นคือ “ดอกเบี้ยที่นำกลับมาลงทุนใหม่” เมื่อเราทำกำไรแล้ว กำไรจะถูกเพิ่มเข้าไปในเงินทุน แล้วนำไปลงทุนต่อในครั้งที่สอง ครั้งที่สาม และครั้งต่อ ๆ ไป ยิ่งลงทุนมาก ก็ยิ่งได้กำไรมาก ทั้งนี้ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) อัจฉริยะของโลกยังเคยกล่าวไว้ว่า “ดอกเบี้ยทบต้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ 8 ของโลก”

ภาพถ่ายโดย olia danilevich จาก Pexels
แน่นอนว่าการลงทุนในที่นี้ไม่ได้เป็นเพียงการลงทุนในหุ้น อสังหาริมทรัพย์ หรือธุรกิจต่าง ๆ เท่านั้น แต่การลงทุนในที่นี้คือ การลงทุนในตัวเอง เป็นการลงทุนที่ง่ายที่สุดและให้ผลตอบแทนคุ้มค่าที่สุด การพัฒนาคุณค่าในตนเองโดยการเรียนรู้และฝึกฝนทักษะต่าง ๆ เป็นวิธีสร้าง “ดอกเบี้ยทบต้น” ให้กับตัวคุณเอง

Warren Buffett (news-block.com)
วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) เคยกล่าวไว้ว่า “วิธีที่ง่ายที่สุดในการเพิ่มความมั่งคั่งให้กับคุณมากกว่าเดิมอย่างน้อย 50% คือการฝึกฝนทักษะการสื่อสารของคุณ ทั้งการเขียนและการพูด” ตราบใดที่เรายังต้องก้าวไปข้างหน้า อย่ายอมแพ้ต่อความยากลำบาก และในที่สุดความพยายามทั้งหมดก็จะบรรลุผล
อย่าลืม! ออมเงินอย่างคนมองโลกในแง่ร้าย ลงทุนอย่างคนมองโลกในแง่ดี แล้วคุณจะกลายเป็นมหาเศรษฐีหมื่นล้านเหมือนบิล เกตส์ ได้ไม่ยาก
อ้างอิง: CNBC
https://www.facebook.com/THUONGTRUONG.EK/photos/a.2028286910797987/2796656780627659/
. . .
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
แปลและเรียบเรียงโดย: ปิ่นแก้ว ศิริวัฒน์
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book&Digital