นับจากนี้ ใครที่กำลังมองว่าตัวเองไม่มีความสามารถ หรือประเมินตัวเองต่ำจนเกินไป ถึงเวลาแล้วที่จะต้องสำรวจตัวเองเสียใหม่ และสร้างภาวะผู้นำในแบบที่ตัวเราเองต้องการ
อันที่จริง เมื่อพูดถึงเรื่องของความเป็นผู้นำ หลายครั้งเราอาจคิดว่านี่คือสิ่งที่ต้องสร้างขึ้นมาหรือไม่ ซึ่งความเป็นจริง อาจไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป เหล่านี้อาจเป็นสิ่งที่มีกันอยู่แล้ว เพียงแค่ยังไม่ถูกนำออกมาใช้อย่างถูกจังหวะก็เท่านั้น
ที่สำคัญกว่านั้น หลายคนนอกจากจะไม่สร้างภาวะผู้นำให้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังกลับลดศักยภาพของตัวเอง แล้วเลือกที่จะเป็นฝ่ายตามมากกว่าฝ่ายนำ เพื่อลดกระบวนการคิดที่น่าปวดหัว
ซึ่งสิ่งนี้ยิ่งทำให้อะไรหลายอย่างที่อยู่ในตัวแต่ละคน ทั้งความสามารถ ความคิดและการตัดสินใจ นั้นสั่นคลอนไปหมด
เป็นเรื่องปกติ ที่การจะเป็นผู้นำย่อมยากกว่าการเป็นผู้ตาม เพราะนี่หมายถึงความรับผิดชอบที่มากกว่า ความกดดันที่สูงกว่า และปัญหาอื่นตามมาที่หนักอึ้งสารพัด
อย่างไรก็ตาม การยอมเป็นผู้ที่รับภาระหน้าที่มากกว่าคนอื่น นั้นมองถึงข้อดีได้หลายอย่าง อย่างแรกคือ ได้พัฒนาความสามารถในหลากหลายด้านที่มากขึ้น จนในบางครั้งอาจรวมไปถึงการได้รับค่าตอบแทนบางอย่างที่มากขึ้นด้วย
กับอีกอย่าง ที่ดูเหมือนว่าจะมีประโยชน์ไม่แพ้กับอย่างแรก คือการเรียนรู้การบริหารเวลาอย่างเหมาะสม เพราะเมื่อวันใดที่เราได้รับหน้าที่มากกว่าคนอื่น การจัดสรรเวลาจะถูกเปลี่ยนไปโดยปริยาย แผนงานทุกอย่างจะค่อยๆ แปรผันตามวิถีชีวิต
และความรับผิดชอบตรงนี้ ก็จะทำให้ชิ้นงานอะไรก็ตามที่ถูกผลิตออกมาโดยเรา ผลที่ออกมาก็จะขึ้นอยู่ตามวิธีการรับมือที่แตกต่างกันของแต่ละคน นี่จึงเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องนี้
สิ่งที่ยากที่สุดของการสร้างภาวะผู้นำ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเองเท่านั้น เพราะการสร้างลักษณะนิสัยนี้ให้เกิดขึ้นกับตัวเองนั้นอาจไม่ยาก เท่ากับการสร้างสิ่งนี้กับสังคมรอบข้างของเรา
ในหนึ่งบริษัทที่เต็มไปด้วยพนักงานมากมาย หลากหลายฝ่าย หลากหลายหน้าที่ต่างออกไป แต่ละคนล้วนมีลักษณะนิสัยที่ต่างกัน บางคนพูดเก่ง ขณะที่บางคนเงียบขรึม
สิ่งนี้ส่งผลถึงการติดต่อสื่อสารกัน ลำพังถ้าเป็นแค่การพูดคุยเรื่องทั่วไปก็อาจไม่ส่งผลอยู่หรอก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางครั้งเราก็อาจมีการเชื่อมโยงในด้านของงานบ้าง เป็นสิ่งที่กำหนดไม่ได้
เมื่อถึงคราวต้องประชุมหรือออกความคิดเห็นร่วมกัน แต่ละคนก็เลือกแสดงออกไม่เหมือนกัน และปัญหาที่จะพบคือการหาบทสรุปที่ไม่ลงเอยสักเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะมีการโต้เถียงกันอย่างดุเดือด แต่คือการเงียบใส่กัน ถึงขนาดที่ว่า ทำให้ห้องประชุมกลายเป็นป่าช้าไปได้เลยในเวลาไม่นาน
เคยไหมที่บางครั้งในหัวเรามีไอเดียหรือความคิดบางอย่างอยู่ แต่ไม่กล้าที่จะพูดไปหรือแสดงออกมา อาจเพราะกลัวคนอื่นจะไม่โอเคกับสิ่งที่เราคิด หรือคิดว่าคนอื่นน่าจะมีไอเดียที่ดีกว่า
ความคิดเหล่านี้ คือตัวการสำคัญที่ทำลายความมั่นใจของใครหลายคนไปจนหมดสิ้น แล้วลองคิดดูว่าหากในโต๊ะประชุมนั้นมีคนคิดแบบนี้อยู่เกินครึ่ง การประชุมจะมีความหมายอะไร?
ในมุมของพนักงานว่าแย่แล้ว ที่ไม่สามารถกล้าที่จะแสดงออกความคิดของตัวเองให้คนอื่นรับรู้ ในมุมเจ้านายหรือบริษัทนั้นแย่ยิ่งกว่า เพราะหมายถึงผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามประสิทธิภาพ
ช่วงหลังปัญหานี้ มักเป็นหัวข้อสำคัญในที่ทำงานหลายแห่ง การถาม-ตอบปัญหานี้ในโลกออนไลน์ก็เริ่มเป็นที่พูดถึงมาก คือจะทำอย่างไร เพื่อสร้างภาวะผู้นำในองค์กรได้อย่างเห็นผลที่สุด
เมื่อค้นปัญหานี้ตามพื้นที่ออนไลน์ จะพบว่ามีหลากหลายความคิดเห็น จากทั้งในมุมของผู้เชี่ยวชาญ นักบริหาร มุมเจ้านาย รวมถึงมุมลูกน้อง พบว่ามีสิ่งหนึ่งที่คนเหล่านี้คิดคล้ายกัน
สิ่งนั้นคือการต้องเริ่มสร้างให้กลายเป็นวัฒนธรรม อยู่ดีๆ จะชี้นิ้วสั่งหรือคำพูดอย่างเดียวอาจไม่ใช่สิ่งที่ได้ผลดี ทางที่ดีต้องให้พวกเขาได้ลงมือทำด้วยตัวเอง รู้จักวางแผน และประเมินผลลัพธ์ในงานของตัวเอง เพื่อแก้ไขในสิ่งที่บกพร่อง
การสร้างสิ่งแวดล้อมในองค์กร กฎข้อบังคับ นั้นมีความสัมพันธ์กันทั้งสิ้น อาจเริ่มจากให้ทุกคนประเมินตัวเองเป็นระยะ เพื่อดูความเปลี่ยนแปลงอย่างละเอียด และต้องไม่ใช่แค่พนักงานเท่านั้น รวมทุกคนในองค์กรด้วย เพื่อเห็นผลที่ชัดเจน
สำหรับใครที่เป็นเจ้านายอยู่ หากอยากได้ความเป็นผู้นำจากลูกน้อง ต้องเริ่มต้นจากตัวเองก่อน ลงมือทำให้พวกเขาเห็น ใส่ความจริงจังและต้องไม่ลืมที่จะจริงใจ เพราะการเริ่มต้นที่ดีที่สุดคือการเริ่มต้นจากตัวเองก่อนเสมอ
ส่วนในมุมของพนักงานทั่วไปที่มองว่าจะทำไปทำไม ในเมื่อทำหน้าที่ทุกวันแบบเก่าก็คงดีกว่า ไม่ต้องมานั่งคิดอะไรให้ยุ่งยาก ถ้าหากยังคิดแบบนี้ คุณก็จะยังคงเป็นพนักงานทั่วไปทั้งชีวิต
ถึงเวลาต้องสร้างความเป็นผู้นำในชีวิตสักที ไม่ใช่แค่ที่ทำงาน อาจส่งผลไปยังครอบครัว เพื่อน คนรัก รวมถึงตัวคุณเอง
ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกถึงความยากลำบากมากขึ้นในชีวิต แต่การสำรวจและประเมินตัวเองตลอดเวลา ทำให้เราอยู่เสมอ ว่าเป้าหมายคืออะไร แล้วจะทำอะไรให้มันสำเร็จ
อย่างน้อย ถ้าไม่สนว่าตัวเองจะมีความเป็นผู้นำไปทำไม ก็อยากให้นึกถึงคนที่รัก เราคงอยากเห็นเขามีแนวทางการใช้ชีวิตที่ดี ซึ่งนั่นเริ่มมาจากการมีความเป็นผู้นำ
แล้วคนเหล่านั้นที่เรารัก เขาจะสร้างความเป็นผู้นำได้อย่างไร ในเมื่อตัวคุณเองยังไม่เป็นแบบอย่างให้เขาเห็นเลย ดังนั้น ยังพอมีเวลา สร้างสิ่งนี้ในตัวเองไปพร้อมกัน
บางทีหน้าตาผลลัพธ์ของมัน อาจเป็นสิ่งที่เราคิดไม่ถึงมาโดยตลอดก็ได้ ขอเพียงแค่เริ่มสร้างมันก่อนในวันนี้ พาตัวเองออกสู่ความกล้าหาญ เผชิญหน้าความเป็นจริง
ถ้าจริงใจกับโลก สักวัน…โลกก็จะจริงใจกับคุณเสมอ
เราเชื่ออย่างนั้น…
…
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ภาพประกอบจาก : Pexel