1 สัปดาห์ของคนขยันมี “แค่” 7 วัน ในขณะที่คนขี้เกียจจะมองว่า 1 สัปดาห์มี “ตั้ง” 7 วัน
นี่คือความแตกต่างของคนที่ประสบความสำเร็จกับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ
ใน 1 สัปดาห์มี 7 วัน และแต่ละวันคนที่ประสบความสำเร็จเขาทำอะไรกันบ้าง?
ถ้าตอนนี้คุณกำลังคิดว่าพวกเขาโหมงานหนักตลอดทั้งวัน ก้มหน้าก้มตาอยู่กับโต๊ะทำงานตลอดทั้งวัน ให้คุณเปลี่ยนความคิดซะ!
เพราะคนที่ประสบความสำเร็จจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน
แต่ถ้าพวกเขาไม่หมกมุ่นอยู่กับการทำงาน แล้วใน 1 วันพวกเขาทำอะไรกันบ้างล่ะ?

รูปภาพ Laura Vanderkam จาก lauravanderkam.com
ลอรา แวนเดอร์คัม (Laura Vanderkum) ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาเกี่ยวกับตารางเวลาของคนที่ประสบความสำเร็จได้ค้นคว้าและทำสถิติเป็นตัวเลขออกมา ซึ่งชี้ให้เห็นว่า มากกว่า 90% ของคนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น บิล เกตส์ (Bill Gates), ทิม คุก (Tim Cook) หรือ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) จะตื่นก่อนเวลา 6.30 น.
ตัวอย่างเช่น ทิม คุก ซีอีโอของ Apple เขาตื่นเวลาตี 3.45 น. แซลลี คราวเช็ก (Sallie Krawcheck) ซีอีโอของ Ellevest แอปพลิเคชันด้านการเงินชื่อดัง และ อินทรา นูยี (Indra Nooyi) CEO ของ Pepsi ที่มักจะตื่นตอนตี 4

ภาพถ่ายโดย Andrea Piacquadio จาก Pexels
หลายคนอดสงสัยไม่ได้ เป็นไปได้ไหมว่าที่คนประสบความสำเร็จอาจจะนอนไม่หลับก็ได้?
ไม่ใช่หรอก แต่เป็นเพราะพวกเขารู้ดีว่าช่วงเช้ามีความสำคัญอย่างไร และมันจะทำให้พวกเขาทำงานได้อย่างราบรื่นไปตลอดทั้งวันได้อย่างไร
ช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนควรจะให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะเป็นช่วงเวลาที่สงบที่สุด ซึ่งความสงบนี้มีประโยชน์มากมายและช่วยให้พวกเขาควบคุมวันเวลาได้ก่อนที่จะเริ่มต้นวันใหม่
เอ็มมา ไทแนน (Emma Tynan) โค้ชสายธุรกิจชื่อดัง ได้ศึกษาและรวบรวมชีวิตประจำวันของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก จากนั้นจึงคิดออกมาเป็นตาราง ซึ่งบทความนี้ได้รวบรวมมาให้คุณแล้ว
ตารางเวลาของคนที่ประสบความสำเร็จ
5.00 น. : ตื่นนอน
5.30 น. : ออกกำลังกาย
6.00 น. : ทำสมาธิ
6:30 น. : อ่านหนังสือ
7.00 น. : รับประทานอาหารเช้า
8.00 น. : เริ่มงาน
13.00 น. : พักรับประทานอาหารกลางวัน (อย่างน้อย 1 ชั่วโมง)
18.00 น. : ออกจากบริษัท

ภาพถ่ายโดย Andrea Piacquadio จาก Pexels
นอกจากนี้ คนที่ประสบความสำเร็จมักจะทำตามตารางเวลาของพวกเขาอย่างเคร่งครัด เช่น แอนดี้ โกรฟ (Andy Grove) ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอของ Intel กล่าวว่า “วันของผมจะสิ้นสุดลงเมื่อผมเหนื่อยและพร้อมที่จะกลับบ้านแล้ว แม้ว่าจะมีอะไรที่ต้องทำ ควรทำ และทำได้มากมายก่ายกองก็เถอะ” ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทุก ๆ วัน แอนดี้ โกรฟ จะออกจากออฟฟิศเวลา 18.30 น. เสมอ
มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Amazon อย่าง เจฟฟ์ เบโซส์ (Jeff Bezos) ยังกล่าวอีกว่า เขาจะหยุดทำงานเมื่อเขาเหนื่อยแล้วและหมดเวลาทำงานตอน 17.00 น. เขามักจะพูดกับตัวเองอยู่เสมอว่า “ถ้าวันนี้คิดไม่ออก พรุ่งนี้ค่อยลองคิดใหม่ตอน 10 โมงเช้า”

ภาพถ่ายโดย Vanessa Garcia จาก Pexels
จะเห็นได้ว่าตารางเวลาใน 1 วันของคนที่ประสบความสำเร็จนั้นไม่ได้มีกิจกรรมมากจนเกินไป ซึ่งมันทำให้พวกเขาจัดการตัวเองได้ดีขึ้น นอกจากนี้ พวกเขาจะทำแต่กิจกรรมที่พัฒนาให้พวกเขาดีขึ้นเท่านั้น
24 ชั่วโมงสำหรับคนที่ชอบทำเรื่องไร้สาระจะผ่านไปอย่างรวดเร็วภายในพริบตาเดียว แต่สำหรับคนที่มีแผนในการดำเนินชีวิต 24 ชั่วโมงที่พวกเขาใช้ไปย่อมเกิดประโยชน์และคุณค่าต่อพวกเขาและคนอื่น ๆ
นี่จึงเป็นความแตกต่างระหว่างคนที่ไม่ประสบความสำเร็จและคนที่ประสบความสำเร็จ

ภาพถ่ายโดย Liza Summer จาก Pexels
ทีนี้ มาดูการใช้เวลาของคนที่ไม่ประสบความสำเร็จกันบ้าง
ตัวอย่างเช่น ถ้าเช้าวันหยุดเสาร์อาทิตย์ คุณวางแผนที่จะทำความสะอาดบ้านรก ๆ ราวกับรังหนูของคุณ
อันดับแรกคุณต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและผ้าห่มในห้องนอน แต่คุณรู้สึกว่ายังไม่มีอารมณ์ จึงอยากเปิดเพลงฟังก่อน
จากนั้น คุณก็หมกมุ่นอยู่กับการค้นหาเพลงโปรดของคุณใน Spotify เกือบครึ่งชั่วโมงผ่านไป คุณนึกขึ้นมาได้ว่าคุณต้องทำความสะอาดบ้าน แต่คุณยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง

ภาพถ่ายโดย Vlada Karpovich จาก Pexels
คุณจึงรีบทำความสะอาดห้องนอน พอทำความสะอาดห้องนอนเสร็จ คุณก็ย้ายไปทำความสะอาดที่ห้องนั่งเล่น เมื่อคุณเห็นโทรทัศน์ คุณจึงเปิดโทรทัศน์ ตั้งใจจะดุไปด้วยทำความสะอาดไปด้วย แต่คุณกลับหมกมุ่นกับการหาช่องที่ถูกใจ ครึ่งชั่วโมงผ่านไป คุณเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่าคุณยังทำความสะอาดบ้านไม่เสร็จ แต่รายการนี้กำลังสนุก คุณจึงเลิกทำความสะอาด แล้วกลับไปนั่งที่โซฟาดูโทรทัศน์ต่อไป
ดังนั้น สิ่งที่สามารถทำเสร็จได้ภายใน 1-2 ชั่วโมง คนที่ชอบผัดวันประกันพรุ่งมักจะปล่อยให้มันค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น
นั่นจึงเป็นสาเหตุว่า ทำไมเมื่อถูกถามว่าคุณออกกำลังกาย อ่านหนังสือ หรือเรียนรู้ทุกวันหรือไม่ คำตอบของคนส่วนใหญ่ก็คือ “ไม่มีเวลา” เพราะเวลาอันมีค่าของเรามักถูกกลืนกินไปอย่างเปล่าประโยชน์โดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นผลมาจากการไม่มีวินัยในตนเองหรือควบคุมชีวิตตัวเองได้ไม่ดีนั่นเอง
เกอเธ่ (Goethe) นักประพันธ์ชื่อก้องโลกชาวเยอรมัน กล่าวว่า “ผู้ที่ไม่สามารถปกครองตนเองได้ จะเป็นทาสตลอดไป”
คนที่ไม่จัดการตัวเอง ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว สุดท้ายมันจะกลายเป็นบ่อนทำลายเป้าหมายชีวิตของคุณและทำให้คุณเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ คุณจึงเป็นคนที่ไม่ประสบคามสำเร็จเหมือนอย่างคนอื่นเขาสักที
ดังนั้น ทุกอย่างอยู่ที่ “การมีวินัยในตัวเอง” ซึ่งเป็นพื้นฐานของความสำเร็จของทุกคน

ภาพถ่ายโดย Pavel Danilyuk จาก Pexels
ถ้าคุณอยากมีวินัยในตัวเอง สิ่งที่คุณต้องรู้ก็คือ “ตระหนักรู้ในตนเอง” และ “สนใจในสิ่งที่ตัวเองทำ”
พื้นฐานของการมีวินัยในตัวเองหรือจัดการตัวเองคือ การตระหนักรู้ในตนเอง เมื่อเราเข้าใจตนเองได้อย่างชัดเจน เราก็จะทำทุกอย่างได้ถูกต้องและเป็นไปตามเป้าหมายที่วางเอาไว้
นอกจากนี้ คุณต้องสนใจในสิ่งที่ตัวเองทำด้วย
ความสนใจของมนุษย์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอ
เมื่อคุณโฟกัสไปที่สิ่งสิ่งเดียว แสดงว่าคุณได้กำหนดทิศทางของคุณแล้ว

ภาพถ่ายโดย Andrew Neel จาก Pexels
ถ้าคุณอยากบรรลุเป้าหมาย คุณต้องมุ่งความสนใจไปในสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างสม่ำเสมอและต้องมีความพยายาม แล้วผลลัพธ์จะออกมายอดเยี่ยม
ถ้าอยากมีวินัยในตัวเอง อยากจัดการตัวเองให้ได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ จัดการความสนใจของคุณเองให้ได้เสียก่อน
คนสำเร็จไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างไร้เหตุผล ไม่มีใครประสบความสำเร็จในทันทีทันใด เบื้องหลังของความสำเร็จคือการไม่ใช้เวลาอย่างสูญเปล่า ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด
24 ชั่วโมงนั้นมีค่า อย่าปล่อยให้มันผ่านไปเหมือนสายน้ำ
เพราะเวลาและวารีไม่เคยรอใคร
อ้างอิง: cafebiz
https://www.facebook.com/tonydzung.com.vn/photos/a.920059914689090/5068233356538371/
. . .
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
แปลและเรียบเรียงโดย: ปิ่นแก้ว ศิริวัฒน์
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels และ freepik