“ทำไมเราไม่เก่งอะไรสักอย่าง” “ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง” “ทำไมมีแต่คนเก่ง ๆ”
เมื่อเราเห็นคนที่ประสบความสำเร็จ เรามักจะพูดชื่นชมเขาหรือไม่ก็อิจฉา แต่สิ่งที่คุณคิดอยู่ในใจก็คงเป็นการคิดว่าตัวเราเองก็อยากยืนอยู่ในจุดสูงสุดเหมือนกับคนที่ประสบความสำเร็จ
“เราอยากเป็นแบบนั้นบ้าง” คุณคงคิด แต่คุณก็ได้แค่คิด เพราะอะไร?
แน่นอนว่าไม่มีใครไร้ความสามารถ ทุกคนต่างมีความสามารถที่แตกต่างกันออกไป บางคนเก่งด้านนี้ บางคนเก่งด้านนั้น แต่พอเรามองหาแต่คนที่มีความสามารถโดดเด่น เรากลับมองว่าเราไม่เก่ง ไร้ความสามารถ กลายเป็นการกดดันตัวเองให้รู้สึกตกต่ำลงไปอีก
เพราะเราเดินวนเวียนอยู่รอบตัวคนที่ประสบความสำเร็จ เมื่อเราเอาแต่เดินเป็นวงกลม ทำยังไงก็ไม่เกิดการพัฒนา ในระหว่างที่เราเดิน เราได้แต่มองไปที่จุดศูนย์กลาง ไม่ได้มองมาที่ตัวเองเลย แล้วมันก็จะวนลูปอยู่กับความสำเร็จของคนอื่น ไม่ใช่ความสำเร็จของตัวคุณเอง
มีคนบอกว่า “ในตัวคุณมีสมบัติอยู่ แหล่งพลังงานแห่งความแข็งแกร่งและความรู้ที่จะสามารถนำพาคุณไปตลอดชีวิต แต่ด้วยสภาพทางสังคมและความเชื่อบางอย่าง สมบัติในตัวคุณถูกเปลือกห่อหุ้มปิดบังเอาไว้”
สภาพทางสังคมจะคอยกดดันคุณอยู่เสมอ เราอยู่ในสังคมที่เชิดชูความสามารถของบุคคล ใครก็ตามที่เก่งจะมีแสง spotlight ส่องไปที่ตัวเขา แต่แน่นอน ในบริบทของการเป็นข้าราชการก็จะมีบางที่ ที่เราพยายามเท่าไหร่ แสง spotlight ก็ไม่ยอมเฉิดฉายที่ตัวเราสักที มันเป็นเพราะอะไรกัน?
คุณต้องเคยได้ยินคนพูดประมาณว่า ระบบราชการมันทำให้เราต้องทำตัวติดหัวหน้าเพื่อเติบโต มันอาจจะไม่ได้เป็นเรื่องแย่ถ้าหากเราอยากเติบโตใช่ไหม? แต่คุณจะทำแบบนั้นหรือเปล่า? แน่นอนว่าแสง spotlight จะไม่ส่องมาหาคุณ เพราะคุณไม่ได้เก่งจริง คุณเติบโตแค่ตัว ไม่ใช่ความสามารถ อาจจะเป็นคำพูดที่ดูสวยหรูหรือดูเท่ แต่ลองถามใจของคุณดู ว่าอยากเติบโตไปในทางไหนมากกว่ากัน
นอกจากสภาพทางสังคมแล้ว ก็เป็นตัวเราเองนี่แหละ ที่ไม่ยอมให้ความสามารถของเราออกมาจากเปลือกสักที เพียงเพราะว่าเราอยู่แต่ในมุมมืดที่มัวแต่รอแสงสว่างมาส่องที่ตัวคุณเอง คุณไม่ยอมสร้างมันขึ้นด้วยตัวเอง
จริง ๆ แล้วมันคือความ “ไม่รู้” ต่างหาก ที่คอยกดทับตัวเราอยู่ คุณล้มเหลวไม่ใช่เพราะคุณไม่มีความสามารถ การที่คุณไม่ประสบความสำเร็จไม่ใช่เพราะว่าคุณดีไม่พอ มันเป็นเพราะว่าคุณยังไม่รู้วิธีการ “ปลดล็อค” ความสามารถในตัวคุณต่างหาก
เราอาจจะมองว่าคนที่ประสบความสำเร็จก็จะมีแสงคอยส่องตามตัวเขา แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ เขาสร้างแสงในตัวพวกเขาเอง เขาไม่ได้ต้องการแสงจากใคร ทุกความสำเร็จต้องสร้างขึ้นด้วยตัวเอง คุณต้องสร้างแสงในตัว ไม่ใช่ให้คนอื่นมาส่องแสงหาคุณ
คุณจะไม่มีทางรู้หรอก ว่าคุณทำอาหารเก่งแค่ไหน ในเมื่อคุณยังไม่เคยลองทำ คุณไม่รู้หรอก ว่าคุณร้องเพลงเพราะแค่ไหนถ้าหากคุณไม่กล้าจับไมค์ คุณจะไม่รู้ว่าคุณเตะบอลเก่งแค่ไหนถ้าคุณเอาแต่กลัวเจ็บ คุณจะไม่มีวันรู้จักความสำเร็จถ้าคุณไม่พยายามมากพอ จริงไหม?
การเป็นข้าราชการก็เช่นกัน หากปัญหามันเกิดจากระบบแล้วเราทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับมัน คุณต้องลองหาทางออกให้กับตัวเอง เพื่อค้นหาความสามารถที่มันฝังอยู่ภายใต้ระบบที่มันอาจไม่ยอมรับในตัวคุณ บางทีชีวิตอีกแบบอาจจะเหมาะกับตัวคุณก็ได้ ไม่มีใครรู้นอกจากตัวคุณเอง
ความสำเร็จคือการผจญภัย หากในการผจญภัยนั้น มีคนไหนพยายามอย่างสุดความสามารถ คนนั้นแหละ คือผู้ชนะที่แท้จริง มนุษย์ทุกคนเกิดมามีเพชรอยู่ในตัว แต่คุณจะไม่มีโอกาสได้เห็นมันหากคุณยังพยายามไม่มากพอ คุณต้องมีความมุ่งมั่นเพื่อพุ่งหาความสำเร็จ
เริ่มต้นค้นหาเพชรในตัวตั้งแต่วันนี้ กระตือรือร้น เอาจริงเอาจังให้มากที่สุดและพยายามโฟกัสในสิ่งที่เราทำ ความสามารถของคุณจะเริ่มเผยออกมาจากบทเรียน ประสบการณ์หรือแม้แต่กระทั่งความล้มเหลวที่คุณเผชิญระหว่างทาง
อย่าเริ่มต้นด้วยสิ่งที่มันกว้างเกินไป เริ่มต้นด้วยสิ่งเล็ก ๆ คุณจะเข้าใจว่าความสำเร็จจากน้อยไปมากนั้นรสชาติดีแค่ไหน คุณจะเข้าใจว่าคุณต้องการค้นหาและต้องการคุณค่าที่มันมากกว่าเดิม
เดินต่อไป ความสำเร็จเล็กน้อยจะคอยเชียร์คุณให้คุณประสบความสำเร็จในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ผ่านไปนานเข้า คุณจะสร้างห่วงโซ่แห่งความสำเร็จเป็นของตัวเอง ความสำเร็จเล็ก ๆ จะต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงปลายทาง ปลายทางนั่นคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
ความสำเร็จที่ว่านี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องมีแสงส่องมาที่เรา เพียงแค่แสงที่ว่ามันส่องประกายในตัวเรา เพียงเท่านี้ก็เพียงพอต่อตัวคุณเองแล้ว
ความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของคุณจะทำให้คุณเป็น “ผู้มีความสามารถ” ในแบบของคุณเอง
เพราะโลกไม่เคยหยุดหมุน
ถ้าที่ไหนไม่หมุนไปตามโลก
แสดงว่าที่นั่นไม่มีการพัฒนา
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: Freepik