ถ้าการที่ใครคนหนึ่งต้องการกลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ หากมีสูตรหรือตำราสักเล่มที่บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้ ป่านนี้ทุกคนก็คงมีชีวิตที่เปลี่ยนไปจากตอนนั้นกันหมดแล้ว
แต่นี่อะไร หลายคนยังคงต้องก้มหน้าทำงานหนักเหมือนเคย นอกจากจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปในทางที่ดี ในบางครั้งอาจเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงด้วยซ้ำ
มันทำให้รู้ได้เลยว่า หากใครคนหนึ่งอยากจะเปลี่ยนชีวิตตัวเองจากในตอนนี้ ไม่มีใครหรือหนังสือเล่มไหนบอกได้ เต็มที่อาจจะแค่แนะแนวทาง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถการันตีผลลัพธ์ได้อยู่ดี
เราทุกคนได้แต่ภาวนาว่าสักวัน โชคชะตาจะเป็นใจกับเราบ้าง จนลืมไปว่ายังมีอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนไป สิ่งนั้นมีที่มาจากคำว่า “พรแสวง”
เป็นอีกครั้ง…ที่ต้องบอกว่าในเรื่องเกี่ยวกับความสามารถ คือสิ่งที่ยังเป็นข้อถกเถียงกันจนถึงทุกวันนี้ ว่าแท้จริงระหว่าง พรสวรรค์ กับ พรแสวง สิ่งใดที่มีความสำคัญมากกว่ากัน
และมองให้ลึกลงไปกว่านั้น ว่าด้วยเรื่องของพรสวรรค์ นี่คือสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เราเกิด หรือว่าแท้จริงเป็นเพียงกุศโลบายให้เรามุ่งมั่นในอะไรสักเรื่อง เพื่อจะได้ทำเรื่องนั้นได้อย่างดีเยี่ยม
ซึ่งความเป็นจริง ผู้เขียนเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าสิ่งใดที่สำคัญกว่ากัน หรือความจริงอะไรเกิดขึ้นได้ก่อนกัน เพียงแต่จากการสังเกตคนสำเร็จ พวกเขามักจะมีบางอย่างที่คล้ายกัน
มันอาจไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ในการอ้างอิงจากผู้คนที่สำเร็จ เพราะความจริงเส้นทางชีวิตและแนวทางปฏิบัติของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ยากที่จะเอามาเปรียบเทียบกัน
แต่หากจะให้คิดขึ้นมาเอง บางทีสิ่งนี้อาจจะยากยิ่งกว่าก็ได้
มีการศึกษามากมายที่ให้ความสำคัญและหันมาค้นคว้าความจริงในเรื่องของสมองกับมนุษย์ เพราะนี่คืออวัยวะที่เชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน หากบกพร่องไปคงเสียหายพอสมควร
โดยอยู่ดีๆจะให้ยกงานวิจัย หรือบทความที่เต็มไปด้วยความน่าเชื่อถือ ในมุมหนึ่งก็อาจจะดูมีน้ำหนักมากขึ้น แต่ก็อาจจะขาดซึ่งสีสันในมุมใหม่ดูบ้าง ทีนี้อยากให้ลองมาดูอะไรใหม่ บางทีอาจได้แนวคิดไอเดีย นำไปปรับใช้ได้ไม่มากก็น้อย
เรื่องของเรื่องคือมีเว็บไซต์หนึ่งที่ชื่อดังต่างประเทศ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานเข้ามาทำเป็นเชิงลักษณะ ถาม-ตอบ ซึ่งแต่ละคำถามก็หลากหลายต่างออกไป
สิ่งหนึ่งที่พบคือ มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตั้งคำถามกับความฉลาดของมนุษย์ว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้สิ่งนี้แต่ละคนไม่เท่ากัน แล้วมีวิธีการอย่างไรเพื่อเติมเต็มให้อยู่ในระดับน่าพอใจ
เริ่มกันที่คำถามแรก คือทำไมบางคนถึงปรับตัวกับสถานการณ์รอบข้างได้ดี ขณะที่บางคนรับมือกับสิ่งนี้ไม่ดีเท่าไหร่
โดยคำตอบที่ได้มักไปในทางเดียวกัน คือคนที่ปรับตัวและรับมือกับหลายอย่างได้ดีมักเป็นคนฉลาด เพราะมีความยืดหยุ่นบางอย่างที่สามารถลำดับจัดการเรื่องที่เข้ามาได้ดี
ซึ่งมีการเสริมต่อถึงงานวิจัยมาเล็กน้อยว่า ผู้ที่มีสติปัญญามากก็จะสามารถรับมือกับสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ได้อย่างดี และนี่อาจเป็นที่มาของการค้นเจอความสามารถของตัวเอง
อีกหนึ่งหัวข้อที่พบกันได้ทั่วไปมาก คือคนธรรมดามักกลัวที่จะพูดว่าตัวเองไม่รู้ เพราะกลัวคนอื่นจะดูถูกและมองเราไม่ดี ซึ่งในทางตรงกันข้าม คนฉลาดมักยอมรับและกล้าที่จะบอกว่าตัวเองไม่รู้เรื่องอะไร เพื่อที่จะพัฒนาในด้านนั้นอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลามาอาย หรือแคร์สายตาคนอื่นมากเท่าที่ควร
หนึ่งงานวิจัยที่ยังถูกพูดถึงคืองานของ เดวิด ดันนิ่ง และ จัสติน ครูเกอร์ ที่เคยบอกไว้ว่าคนที่ไม่ฉลาด มักประเมินตัวเองอยู่เหนือความเป็นจริงเสมอ คิดว่าตัวเองเก่งแล้ว ทั้งที่จริงแค่ยังอยู่ในกระบวนการเรียนรู้เบื้องต้นเท่านั้น
ซึ่งผลกระทบที่ตามมาจะทำให้คนเหล่านี้ หยุดพัฒนาตัวเองไปดื้อๆ ทั้งที่บางคนมีแนวโน้มที่ดี แต่ก็ถูกหยุดไว้ด้วยความคิดแบบนี้ ก็มีส่วนให้ความสามารถที่แท้จริงไม่ปรากฏออกมาเสียที
อีกประเด็น คือสิ่งที่หลายคนรู้ตัว แต่ก็แก้ไม่ยักจะหายสักที คือการเปิดใจให้กว้างในการเรียนรู้ มันคงไม่ง่ายถ้าจะบอกใครสักคนว่า ควรรู้ทุกเรื่องให้มากที่สุด เพื่อประโยชน์ที่ยังมองไม่เห็น
แต่สำหรับคนที่ฉลาด เขาจะพยายามเปิดใจรับทุกเรื่องราว สิ่งหนึ่งที่จะช่วยได้ คือการมีทัศนคติกับตัวเองตลอดว่า คนเราไม่จำเป็นต้องรู้แต่เรี่องที่ชอบเท่านั้น ในเรื่องอื่นบางครั้งรู้ไว้ก็คงจะดี เพราะในอนาคตไม่มีทางรู้เลยว่าจะเจอกับอะไร การมีความรู้เอาไว้ ก็คงจะพอให้ช่วยพาผ่านอุปสรรคครั้งนั้นได้บ้าง
จริงๆยังมีปัจจัยอีกมากมายที่มีต้นตอมาจากสมอง และมีผลไปถึงการค้นพบความสามารถ เข้าใจว่าบางครั้งรอบข้างก็เต็มไปด้วยความเร่งรีบ แต่ชีวิตบางทีก็ต้องช้าให้เป็นดูบ้าง
เรื่องอื่นก็ยังมีส่วนสำคัญทั้ง ความมีวินัย การใส่ใจคนรอบข้าง การมีอารมณ์ที่ดี รวมถึงสนใจที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา
น่าเสียดายที่บางทีคนเราก็ไปโฟกัสในเรื่องผิดจุด ทำให้เสียเวลาไปหมด มีหลายคนที่มัวแต่ก้มหน้าหาสิ่งที่ติดตัวมาอย่างพรสวรรค์ จนลืมสร้างจากพรแสวง
สุดท้ายแล้วมันไม่สำคัญเลยว่าคุณจะมีอะไรติดตัวมาบ้างตั้งแต่เกิด มันสำคัญตรงที่พอคุณเริ่มโตมา คุณฝึกฝนและสร้างอะไรหรือยังนับต่อจากนี้ บางครั้งไม่เจอก็ไม่ต้องไปหาต่อก็ได้
การสร้างความสามารถขึ้นมาใหม่อาจใช้ความลำบากในช่วงเริ่มต้นบ้าง เมื่อผ่านมาได้ สิ่งนี้ก็จะอยู่กับคุณอย่างภาคภูมิใจ
ไม่จำเป็นเลยที่จะโทษพ่อแม่ที่ไม่ให้อะไรเราติดตัวมา หัดลองตั้งคำถามกับตัวเองเสียบ้างที่ไม่คิดจะสร้างอะไรขึ้นมาเลยจริงหรือ
ถึงแม้วันที่หอไอเฟลหรือหอเอนปิซ่าสร้างเสร็จสมบูรณ์จะไม่มีคนรู้ว่าใครเป็นคนสร้าง แต่นั่นหาใช่สิ่งสำคัญ เพราะอย่างน้อยมีหนึ่งคนที่รับรู้มาโดยตลอด
และคนนั้น…ก็คือคุณยังไงล่ะ
…
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ภาพประกอบจาก : Pexel