ประเทศจีนนอกจากจะเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานย้อนเวลากลับไปได้หลายพันปี
ในช่วงระหว่างนั้นก็ได้มีการเกิดขึ้นของราชวงศ์และจักรพรรดิองค์ต่างๆ ขึ้นมาปกครองแผ่นดิน ทำให้เกิดเรื่องราวมากมายของบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์จีนที่ถูกเล่าขานต่อการมาจนถึงปัจจุบันโดยจักรพรรดิที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “จิ๋นซีฮ่องเต้” จักรพรรดิองค์แรกที่ปกครองราชวงศ์ฉิน ในช่วง 211-206 ปีก่อนคริสตกาล
กระทั่งเวลาผ่านมาอีก 400 ปี ประวัติศาสตร์จีนก็พาเราเดินมาถึงตำนาน “สามก๊ก” ได้แก่ โจโฉ เล่าปี่ และซุนกวน จนเข้าสู่ศตวรรษที่ 11 ซึ่งเป็นรัชสมัยของราชวงศ์ซ่งซึ่งถูกกล่าวว่าเป็นยุคที่มีการติดสินโทษด้วยความยุติธรรมมากที่สุดยุคหนึ่งโดยขุนนางชื่อ “เปาบุ้นจิ้น”
พวกเขาคือ ผู้ที่มีอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์จีนและเรื่องราวของพวกเขาก็ถูกนำมาเล่าต่อในรูปแบบของหนังสือ ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์อย่างไม่จบสิ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกบุคคลหนึ่งที่มีความสำคัญในด้านของการเรียนรู้ชีวิตและวัฒนธรรมจีนไม่แพ้กัน แม้จะต่างจากคนที่ผมกล่าวถึงก่อนหน้าตรงที่เขาผู้นี้คือ ผู้หญิง และหากอิงตามประวัติศาสตร์จีน เธอถูกกล่าวเป็นชื่อที่ถูกเรียกใน “ลำนำ” มากกว่ามีอยู่ตัวตนอยู่จริง
เธอผู้นี้มีนามว่า “มู่หลาน”
เรื่องราวของมู่หลานเคยถูกนำมาดัดแปลงเป็นหนังคนแสดงมาแล้วก่อนหน้านี้ถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี 1939 และครั้งที่สองในปี 1963 ก่อนจะถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันในปี 1996 โดย Walt Disney Animation จนได้รับความนิยมอย่างมาก กระทั่งปี 2020 ก็ยังเป็น Disney ที่ดัดแปลงตัวละครมู่หลานให้เป็นหนัง Live Action พร้อมคว้าตัว “หลิว อี้เฟย” มารับบท “มู่หลาน”
มู่หลานเติบโตมาในครอบครัวสามัญชนธรรมดาทั่วไปโดยมีคุณพ่อเป็นอดีตทหารที่เกษียณอายุราชการ แม้ว่าเธอจะเป็นเด็กผู้หญิงแต่กลับมีความชอบเล่นโลดโผน กล้าได้กล้าเสีย ซึ่งขัดกับวัฒนธรรมจีนที่หากครอบครัวใดมีลูกเป็นผู้หญิงก็จะต้องถูกฝึกให้มีระเบียบวินัยเป็นหน้าตาให้วงศ์ตระกูลและโตขึ้นไปเป็นศรีภรรยาที่ดี
ครอบครัวสกุลฮัวของเธอใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายกระทั่งดินแดนทางเหนือของจีนถูกรุกรานโดยชาวโหยวหยาน ทำให้ฮ่องเต้ประกาศให้ทุกครอบครัวส่งตัวแทนผู้ชาย 1 คน ไปออกรบ แต่ครอบครัวของมู่หลานมีเพียงคุณพ่อเดินขากะเผลกคนเดียวที่เป็นผู้ชาย
นั่นทำให้มู่หลานยอมปลอมฝืนธรรมเนียมปลอมตัวเป็นทหารออกไปรบแทนพ่อทำให้เธอต้องคอยปกปิดตัวตนและความสามารถในการสู้เพื่อไม่ให้ใครรู้เป็นอันขาด
การเดินทางในสนามรบของมู่หลานได้มอบข้อคิดเอาไว้มากและนี่คือ 3 ข้อคิด จาก Mulan ให้ไว้กับเรา
- ทุกการเริ่มต้นย่อมมีความกลัว
ทั้งการปลอมตัวเป็นทหารและความกลัวในการออกรบเพราะไม่เคยได้รบจริง นี่คือความกลัวที่มู่หลานต้องรู้สึกอยู่ตลอดเพราะเธอไม่เคยทำมาก่อนและไม่มีทางรู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
ถ้าเป็นตัวเราล่ะ การเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคย ไม่ว่าใครย่อมขาดความมั่นใจกันทั้งนั้นแม้สิ่งนั้นจะเป็นเรื่องปกติก็ตามหากเรามองดูคนอื่นทำ
ปีนี้เด็กนักเรียนหลายคนได้กลับเข้าไปเรียนในโรงเรียนใหม่หลังจากที่เรียนออนไลน์มาเป็นปี เราต้องเจอเพื่อนใหม่ บรรยากาศใหม่ ครูคนใหม่ ชีวิตการเรียนจะเป็นอย่างไรเราคงไม่มีทางรู้ได้เลย การที่เราจะเอาชนะความกลัวได้คือ การลองทำสิ่งๆ นั้น ให้รู้ว่ามันเป็นอย่างไรเพื่อเปลี่ยนความกลัวให้เป็นความเคยชิน
- เราจะไม่มีทาง “เก่ง” หากเรายังไม่เริ่ม “ฝึก”
ขนาดมู่หลานที่มีทักษะการสู้เหนือกว่าใครเพื่อน แต่เมื่อเธอเข้าไปอยู่ในกองทัพเธอก็ยังต้องฝึกเพิ่มเพื่อให้ความสามารถของเธอพัฒนาขึ้นไป เช่นเดียวกับเรา เมื่อเราคุ้นชินกับสิ่งทำแล้วหากเราสนใจที่จะทำสิ่งนั้นต่อไป เราก็ต้องศึกษาเพิ่มทั้งจากการขอคำแนะนำจากคนที่มีประสบการณ์มากกว่าและการออกไปเห็นหรือเข้าร่วมกลุ่มคนที่มีความชอบในสิ่งเดียวกันและนำมาประสบการณ์ปรับใช้กับของตัวเองเพื่อเพิ่มความเชี่ยวชาญให้มากขึ้น
- “ความลับ” เก็บไว้นานก็มีแต่เสีย
มู่หลานมีเรื่องที่อยากจะเก็บไม่ให้ใครรู้ว่าที่จริงแล้วเธอคือ ผู้หญิง กระทั่งต้องเผชิญหน้ากับแม่มดเซียนเหนียงที่สัมผัสได้ว่ามู่หลานไม่ใช่ทหารธรรมดาแต่เป็นคนที่มีพลังลมปราณเพียงแต่ไม่สามารถนำออกมาใช้ได้เพราะมู่หลานเลือกที่จะเก็บมันไว้
ยิ่งเรามีเรื่องที่อยากจะบอกคนอื่นแต่ก็ไม่ยอมบอกสักทีมัวแต่เก็บเอาไว้ นานวันเข้าสิ่งเหล่านี้จะย้อนกลับมาทำลายความรู้สึกของเราเอง เพราะฉะนั้นเราควรขอเวลาใครเพื่อบอกสิ่งที่เขาควรรู้ยิ่งเป็นเรื่องที่สำคัญก็ยิ่งไม่ควรเก็บไว้ มิเช่นนั้นก็จะทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกแย่เหมือนกัน
ถ้าหากวันนี้เราอยากเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ ก็ขอให้ลอง
ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็จงรู้ไว้ว่าเราทำสุดความสามารถแล้ว
ที่มา
https://www.arsomsiam.com/qinshihuang/
https://www.silpa-mag.com/history/article_35287
เรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: denofgeek