อับราฮัม ลินคอล์น, วินสตัน เชอร์ชิลด์, มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์, บารัก โอบามา บุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นผู้นำ นักการเมือง และนักพูดที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลมากที่สุดในโลก
พวกเขามีทักษะในการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมได้เช่นนี้ได้อย่างไร?
พวกเขาทำให้คนนับล้านหันมาฟังในสิ่งที่พวกเขาพูดได้อย่างไร?
บทความนี้จะพาคุณไปหาคำตอบ!
1. อย่าโกหก
คนส่วนใหญ่จะไม่เปิดใจกับคนที่พวกเขาไม่ไว้วางใจ เมื่อคนส่วนใหญ่รู้สึกว่าผู้นำของพวกเขามีค่าควรแก่ความไว้วางใจ พวกเขาก็จะใช้เวลากับผู้นำของพวกเขามากขึ้น และกล้าที่จะเสี่ยงไปพร้อม ๆ ผู้นำของพวกเขา เมื่อคุณพยายามทำให้ใครสักคนไว้วางใจในตัวคุณ มันมักจะไม่ได้ผล ความไว้วางใจสร้างขึ้นได้จากการกระทำ ความคิด และการตัดสินใจที่ถูกต้อง จำไว้ว่าคนจะให้อภัยคุณได้ถ้าพวกเขามีศรัทธาในตัวคุณ และพวกเขาจะไม่ให้อภัยคุณถ้าพวกเขาไม่มีศรัทธาในตัวคุณ
2. พูดเรื่องส่วนตัวบ้าง
อย่าพูดถึงข้อมูลของบริษัทและเริ่มต้นการสนทนาเกี่ยวกับเรื่องบริษัท จำไว้ว่า ยิ่งการสนทนาเป็นส่วนตัวและทำให้คนอื่นมีส่วนร่วมมากเท่าไร การสื่อสารก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น มีคำพูดหนึ่งที่น่าสนใจที่กล่าวว่า “ผู้คนไม่สนใจว่าคุณจะรู้มากแค่ไหน จนกว่าพวกเขาจะรู้ว่าคุณใส่ใจมากแค่ไหน”
ทฤษฎีธุรกิจแบบคลาสสิกกล่าวว่า ผู้นำต้องรักษาระยะห่างอยู่เสมอ แต่ถ้าคุณอยากรู้จักคนอื่นให้ชัดเจนมากกว่าเดิม คุณควรพัฒนาความสัมพันธ์กับคนอื่นด้วย ถ้าคุณไม่ทำ คุณก็จะไม่มีวันรู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่และคุณก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
3. พูดอะไรง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน
คำพูดที่เรียบง่ายดีกว่าคำพูดที่คลุมเครือ ควรเรียนรู้ที่จะสื่อสารให้ชัดเจน เรียบง่าย และรัดกุมดีกว่าพูดอะไรซับซ้อนและสับสนอยู่เสมอ เวลาเป็นสิ่งที่มีค่าและเป็นสิ่งสำคัญ ผู้นำต้องเรียนรู้ที่จะลดการเสียเวลาเพื่อบรรลุเป้าหมายโดยเร็ว และเป็นการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะสามารถทำให้ผู้อื่นทำแบบเดียวกับคุณหรือทำตามที่คุณต้องการได้
หากคุณไม่เข้าใจวิธีสื่อสารที่รัดกุมและชัดเจน แสดงว่าตัวคุณเองอาจจะไม่เข้าใจรายละเอียดของเรื่องนั้น ๆ ทีนี้คนอื่นก็จะไม่ฟังคุณ ดังนั้น คุณควรลดการใช้คำพูดที่ฟุ่มเฟือยและทำให้คำพูดของคุณมีค่าและมีประโยชน์ต่อผู้อื่น
4. ควรเปิดใจให้กว้าง
ความเข้มงวดไม่ยืดหยุ่นเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ขัดขวางไม่ให้คุณเปิดรับโอกาสใหม่ ๆ ผู้นำส่วนใหญ่มักจะคิดว่าตนเองอยู่ในระดับที่สูงกว่าเมื่อมีคนที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกับพวกเขาและคัดค้านความคิดเห็นของพวกเขา จริง ๆ แล้วที่พวกเขามีความคิดเห็นไม่ตรงกับคุณหรือคัดค้านคุณ ไม่ใช่เพื่อเปลี่ยนใจคุณ แต่พวกเขาต้องการทำความเข้าใจในสิ่งที่คุณคิด
คนส่วนใหญ่กลัวที่จะมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน คุณควรเปิดใจกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคุณหรือคนที่ท้าทายคุณเพื่อพัฒนาความคิดและพัฒนาตัวคุณเอง จำไว้ว่าความคิดเห็นไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความตั้งใจของคุณที่จะพูดคุยกับคนอื่นด้วยใจที่เปิดกว้าง
5. เงียบแล้วฟัง
ผู้นำที่ยิ่งใหญ่รู้ว่าเมื่อใดควรพูด เมื่อใดควรเงียบ และเมื่อใดควรฟัง (โดยปกติแล้วพวกเขามักจะเงียบและฟังมากกว่า) พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าคุณยังเอาแต่พูดในสิ่งที่คุณอยากจะพูด คุณจะไม่มีวันได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกันกับการให้ลูกน้องของคุณมีส่วนร่วมในการสนทนาด้วย
แล้วคุณจะเข้าใจว่าความรู้ไม่ได้มาจากปาก แต่มาจากหูของคุณ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นก้าวแรกสู่การเป็นผู้สื่อสารที่ดี
6. กำจัดอัตตา แทนที่ด้วยความเห็นอกเห็นใจ
อย่าปล่อยให้อัตตา (การยึดมั่นในตนเอง) เป็นตัวกำหนดความสามารถของคุณ เมื่อความจริงใจของคุณแสดงออกในรูปแบบของความเห็นอกเห็นใจและความห่วงใยมากกว่าความเย่อหยิ่งแบบคนที่มีอัตตาสูง สิ่งดี ๆ ก็จะกลับมาหาคุณเอง
ผู้สื่อสารที่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ทำให้เรารู้สึกว่าพวกเขาทำสิ่งที่ถูกต้องและมีความโปร่งใส ส่วนคนที่ปิดบังตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาเพราะอัตตาของพวกเขาบดบังไว้กลับไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเช่นนั้นเลย การเข้าใจหลักการสื่อสารนี้จะช่วยให้คุณเปลี่ยนจากความไม่ชอบเป็นความเคารพและเปลี่ยนจากความสงสัยเป็นความไว้วางใจ
7. สามารถอ่านความหมายของคู่สนทนาได้
คุณมักจะเห็นว่าผู้นำส่วนใหญ่จะเก่งมากในการอ่านความหมายของผู้อื่น พวกเขามีความสามารถในการเข้าใจสิ่งที่คนอื่นไม่ได้พูด ไม่ทันได้เห็น หรือไม่ทันได้ยิน และความเป็นผู้นำไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับคำพูดของคุณไปเสียทุกครั้ง
ในทางกลับกัน ผู้นำที่ฉลาดย่อมรู้ดีว่าการจะก้าวต่อไปได้ พวกเขาต้องรู้จักถอยหลังก่อนที่จะพูด ในยุคของการสื่อสารอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ทำให้คนรีบพูดรีบคิดทั้งที่พวกเขายังไม่รู้ว่าคนอื่นกำลังคิดอะไรอยู่ การรู้จักมองคนอื่น เงียบ และฟัง จะทำให้คุณรู้จักคนอื่นมากขึ้น
8. รู้ว่าตนเองกำลังพูดอะไรอยู่
การทำความเข้าใจสิ่งที่คุณกำลังพูดเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าคุณไม่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องที่คุณกำลังพูดถึง คนก็จะเริ่มเบื่อที่จะฟังคุณ คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ไม่สนใจที่จะฟังคนที่ไม่รู้จักเพิ่มประโยชน์หรือคุณค่าให้กับสถานการณ์หรือหัวข้อที่พวกเขากำลังพูด หรือบังคับคนอื่นให้ฟังในสิ่งที่พวกเขาพูด
มีคำพูดหนึ่งที่ว่า “ไม่สำคัญว่าคุณจะพูดอะไร สำคัญว่าคุณจะพูดอย่างไร” ดังนั้น สิ่งที่คุณพูดควรมีความสำคัญจริง ๆ ผู้สื่อสารที่ดีคือผู้ที่รู้ว่าจะ “พูดอะไร” และ “พูดอย่างไร” และไม่จำเป็นต้องเป็นนักพูดที่สร้างความประทับใจให้ผู้อื่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น
9. พูดคุยกับผู้คนแบบตัวต่อตัว
ผู้นำไม่สามารถพูดคุยกับแต่ละคนในบรรยากาศที่ไม่เป็นทางการได้ตลอดเวลา ผู้นำที่เป็นผู้สื่อสารที่ดีจะสามารถปรับเปลี่ยนคำพูดเพื่อให้พวกเขาสามารถพูดในการประชุมต่อหน้าคน 10 คนหรือในหอประชุมต่อหน้าคน 10,000 คน และทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่าเขากำลังพูดกับแต่ละคนโดยตรง ผู้สื่อสารที่ดีจะรู้วิธีทำความเข้าใจกับสภาพแวดล้อม การสร้างความไว้วางใจ และการสร้างความสัมพันธ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในการสื่อสาร
10. พร้อมที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเมื่อจำเป็น
กลยุทธ์การสื่อสารที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงคือ วิธีป้องกันไม่ให้คำพูดสร้างความเสียหายให้กับผู้อื่น การสื่อสารที่ประสบความสำเร็จ เป้าหมายของคุณคือคำพูดต้องสอดคล้องกับคนที่โต้ตอบกับคุณ
ถ้าความเชี่ยวชาญ ความเห็นอกเห็นใจ ความโปร่งใส ฯลฯ ที่กล่าวมาไม่ได้ผล แต่คุณต้องการกระตุ้นให้เกิดการพูดคุยหรือสนทนามากขึ้น ให้ลองตั้งคำถามที่น่าสนใจ ใช้อารมณ์ขัน เล่าเรื่องราว วิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ผู้ฟังเห็นภาพ และถ้าจำเป็นให้ใช้ถ้อยคำที่เป็นตัวหนาหรือเน้นข้อความเพื่อเชื่อมโยงกับเรื่องที่คุณกำลังพูด และสร้างความมั่นใจ ความไว้วางใจ ทำให้ผู้คนอยากเข้าร่วมสนทนากับคุณ
สิ่งสำคัญที่สุดคือเมื่อใดก็ตามที่คุณมีคำพูดที่คุณต้องการจะสื่อสาร (ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคำพูดนั้นเป็นความจริง มีเหตุผล ได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าถูกต้องเชื่อถือได้ เฉียบคม ชัดเจน สม่ำเสมอ และแม่นยำ การใช้เวลาให้มากขึ้นในการปรับแต่งคำพูดของคุณ จะช่วยคุณให้พ้นจากสถานการณ์ที่อาจจะเกิดไม่ดีในภายหลัง
สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องจำไว้ว่าการสื่อสารไม่เกี่ยวกับคุณ มุมมองของคุณ ตำแหน่งของคุณ หรือสถานการณ์ของคุณ แต่การสื่อสารเป็นการช่วยเหลือผู้อื่นโดยตอบสนองความต้องการของพวกเขา ทำความเข้าใจกับสิ่งที่พวกเขาวิตกกังวล และเพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตของพวกเขา การทำสิ่งเหล่านี้จะช่วยลดปัญหาในสื่อสารของคุณได้เป็นอย่างดี
อ้างอิง: Nhịp Sống Kinh Tế (ผู้เขียน)
https://www.facebook.com/TruongdoanhnhanPR/photos/a.123991011712658/942391143205970/
. . .
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
แปลและเรียบเรียงโดย: ปิ่นแก้ว ศิริวัฒน์
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels และ freepik