เช็กให้ชัวร์ก่อนกระเป๋าฉีก ! ก่อนเซ็นรับบ้านคืนจากผู้รับเหมา

เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ต่างก็ต้องการความสำเร็จภายในครั้งแรกและครั้งเดียวด้วยกันทั้งนั้น เพราะเมื่อไรก็ตามที่มุ่งมั่นจะทำบางสิ่งบางอย่างก็มักจะทุ่มแบบสุดตัวทั้งแรงกาย แรงใจ ความคิด หรือแม้แต่บางครั้งก็ยังต้องทุ่มทุนในรูปแบบของเม็ดเงินเพื่อให้สิ่งที่ตั้งเป้าหมายไว้นั้นประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น

แต่ความไม่ราบรื่นและอุปสรรคก็ยังคงเกิดขึ้นบ่อย ๆ เมื่อไรก็ตามที่ความไม่ราบรื่นเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้วก็มักจะสร้างความผิดหวังอยู่เสมอและหากต้องลุกขึ้นมาเพื่อเริ่มใหม่หรือแก้ไขจากจุดที่ผิดพลาดก็คงต้องเสียทั้งเวลาและเงินทองไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

เช่นเดียวกับเรื่องที่กําลังจะเอ่ยถึงในบทความนี้นั่นก็คือการตรวจรับมอบงานจากผู้รับเหมาก่อสร้าง เหตุผลที่ว่าเจ้าของโครงการหรือนักลงทุนมีงานรัดตัวก็อาจจะพอฟังขึ้นอยู่บ้าง

เพราะเหตุผลข้อนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การดูแลงานในพื้นที่ก่อสร้างนั้นไม่ทั่วถึงจึงทำให้เนื้องานออกมาไม่เป็นไปตามที่คาดหวังแต่สุดท้ายเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาแล้วใครจะต้องแบกรับความเสียหายเหล่านั้นล่ะ ?

ในกรณีนี้หากยังไม่เซ็นรับมอบคืนพื้นที่ก่อสร้างก็คงต้องเป็นผู้รับเหมาที่ต้องกลับมาดำเนินการแก้ไขให้เสียใหม่ แต่ถ้าหากเซ็นรับไปโดยที่ยังไม่มีการตรวจสอบแล้วล่ะก็…ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นคงจะเป็นของใครไปไม่ได้นอกเสียจากเจ้าของบ้านหรือเจ้าของโครงการเอง

เรื่องเสียเงินเสียทองฟังแล้วอาจจะดูน่าปวดหัวสักหน่อยแต่อย่าเพิ่งกังวลไป เพราะเมื่อเปิดหนังสือมาเจอหน้านี้แล้ว ขอให้รับรู้ไว้ได้เลยว่ากําลังจะเจอทางออก ด้วยเช็กลิสต์ก่อนตัดสินใจเซ็นรับมอบบ้านจากผู้รับเหมาที่คัดมาอย่างดีเพื่อไม่ให้เจ้าของบ้านต้องตกเป็นเหยื่อของงานไม่ได้คุณภาพซ้ำแล้วซ้ำอีก

1. ตรวจงานตอนที่มีแสงสว่างเท่านั้น

เจ้าของบ้านอาจจะกําลังตั้งข้อสงสัยกันว่าจําเป็นด้วยเหรอที่จะต้องตรวจรับงานเฉพาะช่วงเวลากลางวันเท่านั้นซึ่งคําตอบคือไม่จําเป็น แต่…สำคัญเพราะการตรวจรับมอบพื้นที่ก่อสร้างคืนจากผู้รับเหมาคืองานที่ต้องตรวจสอบความละเอียดของเนื้องานทั้งหมดโดยเฉพาะโครงสร้างว่ามีความผิดปกติหรือจุดที่ต้องทำการปรับปรุงอย่างอื่นหรือไม่ และบางครั้งในรายละเอียดยิบย่อยเหล่านั้นอาจจะยากต่อการมองเห็นหากว่าแสงสว่างไม่ได้มีมากพอ

2. ตรวจวัสดุที่ใช้ก่อสร้าง

ก่อนการสร้างบ้านแต่ละหลังหรือโครงการแต่ละโครงการ สิ่งที่จะเป็นตัวกําหนดการเลือกวัสดุในการก่อสร้างคือแบบ BOQ หรือที่เรียกว่าบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคา ซึ่งจะมีการระบุปริมาณของวัสดุที่ใช้สำหรับการก่อสร้างในแต่ละหมวดหมู่รวมถึงสเป็กต่าง ๆ ของเนื้องานด้วย ไม่ว่าจะเป็นแบบหรือสีของอุปกรณ์ภายใน และในบางครั้งจะมีทั้งการระบุยี่ห้ออย่างชัดเจนด้วย เมื่อเข้าไปทำการตรวจรับงานหากพบว่ามีส่วนหนึ่งส่วนใดที่ไม่ตรงไปตามแบบแปลนที่ได้ทำการออกแบบมาหรือวัสดุไม่ได้เป็นไปตามที่ระบุไว้ใน BOQ เจ้าของโครงการหรือคนที่ตรวจรับมอบงาน สามารถปฏิเสธที่จะเซ็นรับมอบงานก่อสร้างนั้นจากผู้รับเหมาได้

3. ตรวจบ้านให้ตรงกับแบบที่กำหนด

ในรูปแบบของสัญญารับเหมาก่อสร้างจะมีสัญญารูปแบบหนึ่งที่จะมีการจ่ายเงินเพิ่มให้กับผู้รับเหมาในกรณีที่สามารถลดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างลงได้มากกว่าที่กำหนดไว้ในต้นทุน ถ้าพูดถึงข้อเสนอนี้มีใครบ้างล่ะที่จะไม่สนใจ

และหากเจ้าของโครงการหรือเจ้าของบ้านใช้รูปแบบการทำสัญญาในลักษณะนี้ก็มีโอกาสสูงที่ผู้รับเหมาจะลดปริมาณการใช้วัสดุลงจนส่งผลกระทบต่อคุณภาพและความปลอดภัยของอาคารและสิ่งปลูกสร้าง

ฉะนั้นแล้วจึงต้องทำการตรวจสอบให้มั่นใจว่าการลดสเปกงานลงจะมีผลกระทบที่กลายมาเป็นปัญหาให้ตามแก้กันทีหลังหรือไม่เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะต้องสูญเงินเพิ่มอีกเป็นเท่าตัวเลยก็ได้

การตรวจสอบงานโครงสร้างไม่เพียงแค่เน้นไปที่ส่วนหลักของโครงสร้างเท่านั้น แต่ยังควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบหมวดงานย่อยที่อาจเป็นปัญหาที่มักเกิดขึ้น ดังนี้

1. งานผนัง

งานผนังแม้ว่าจะดูเป็นส่วนที่น่าจะเกิดปัญหาน้อยที่สุดแต่ก็ไม่พ้นให้ต้องมาตามแก้ภายหลังกันบ่อยครั้งอยู่ดี ทั้งจากรอยร้าว บ้านทรุดตัวระหว่างการก่อสร้าง หรือแม้แต่เรื่องยิบย่อยอย่างการทาสี

วิธีตรวจสอบว่าผนังของสิ่งปลูกสร้างได้มาตรฐานคือการให้ผู้ว่าจ้างสังเกตดูว่าผนังฉาบเรียบร้อยและมีความสม่ำเสมอในการทาสีหรือไม่ หรือหากเป็นวอลเปเปอร์จะต้องติดเรียบร้อยและไม่โป่งนูน เป็นร่องหลุม หรือบางครั้งปัญหาใหญ่ ๆ ก็ถูกซ่อนเอาไว้ใต้พรมอย่างแนบเนียน นั่นก็คือการทาสีกลบรอยร้าวนั่นเอง

2. งานประตู

การตรวจงานประตูสามารถทำได้ด้วยการลองเปิด-ปิด เพื่อดูว่าบานพับลงล็อกกับวงกบประตูดีหรือยัง และลองปิดไฟเพื่อทำให้ห้องมืดสนิท แล้วใช้ไฟฉายส่องลอดบานพับประตูในขณะที่ปิดประตูอยู่ หากมีแสงลอดผ่านเข้ามาได้แสดงว่าบานประตูทรุดตัวจะต้องทำการแก้ไขโดยด่วนและที่มากไปกว่านั้นควรทำการตรวจสอบกุญแจและแม่กุญแจต่าง ๆ ตั้งแต่ประตูรั้ว ประตูบ้าน และประตูห้องว่าใช้งานได้เป็นปกติหรือไม่

3. งานพื้น

การตรวจสอบงานเทพื้นหรือแม้แต่การวางแนวกระเบื้องจะต้องตรวจอย่างละเอียดว่าไม่มีความลาดเอียงหรือเป็นแอ่งที่ไม่สม่ำเสมอ โดยสามารถใช้เทคนิคการวางลูกแก้วไว้ตามจุดต่าง ๆ หากลูกแก้วไหลแสดงว่าพื้นลาดเอียง ถ้าลูกแก้วไปรวมกันที่จุดใดแสดงว่าพื้นตรงนั้นเป็นหลุม และพื้นส่วนใดไม่มีลูกแก้วกลิ้งผ่านเลยแสดงว่าพื้นตรงนั้นอาจปูดนูน

4. ระบบไฟฟ้า

การตรวจสอบระบบไฟฟ้าถือว่ามีความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ โดยอันดับแรกสิ่งที่ควรตรวจสอบก็คือแผงควบคุมไฟฟ้าทั้งหมดภายในบ้าน แล้วค่อยเป็นการตรวจสอบการใช้งานของหลอดไฟ โดยใช้วิธีการเปิดไฟทุกดวงในบ้านเพื่อเช็กว่ามีหลอดไฟที่จุดไหนบ้างไม่ติด หรือมีอาการติด ๆ ดับ ๆ ที่เป็นปัญหามาจากการเดินไฟในจุดนั้น ส่วนการเช็กมิเตอร์ไฟฟ้าให้ดูที่มิเตอร์ว่าวิ่งเป็นปกติหรือไม่ในขณะที่ไฟปิดหมดทุกดวง นอกจากนี้ควรเช็กกับช่างไฟของบริษัทผู้รับเหมาด้วยว่ามีการติดตั้งสายดินและมีการเดินสายไฟอย่างถูกต้องหรือไม่ รวมถึงตัวตัดไฟเฉพาะเพื่อความปลอดภัย ในกรณีที่อาจะเกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรภายในบ้าน

5. ระบบประปา

ระบบประปาถือว่าเป็นระบบที่จำเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะคนส่วนใหญ่ที่ซื้อบ้านต่างก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้น้ำเช่นเดียวกัน ควรตรวจสอบจนมั่นใจว่าระบบประปาทำงานได้ปกติและมีแท็งก์น้ำสำรอง ก๊อกน้ำสามารถปิดและปิดได้อย่างสะดวกและไม่ติดขัด และเมื่อปิดน้ำทุกบริเวณในบ้านแล้วให้ตรวจสอบดูอีกครั้งว่ามิเตอร์น้ำยังวิ่งอยู่หรือไม่ ถ้ายังวิ่งอยู่นั่นหมายความว่ามีน้ำรั่วในบางจุด

ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เป็นจุดที่พบปัญหาบ่อยที่สุดและมักจะทำให้เจ้าของบ้านต้องมาแก้ใขในภายหลังกันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งการปรับปรุงซ่อมแชมแต่ละทีก็แลกกับการจ่ายเงินไปในจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

ฉะนั้น การตรวจสอบให้แน่ใจก่อนที่จะเซ็นรับมอบพื้นที่ก่อสร้างคืนจากผู้รับเหมา จึงเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบเป็นอย่างดี เพราะนอกจากจะเป็นการป้องกันปัญหาต้านโครงสร้างแล้วยังช่วยให้มั่นใจได้อีกด้วยว่าลูกค้าของโครงการจะได้รับมอบบ้านที่ดีและมีคุณภาพ ไม่ต้องตามมาแก้ปัญหาในภายหลัง

…

ขอแนะนำหลักสูตรออนไลน์ที่อยู่ในหนังสือ