ว่ากันว่า การพัฒนาตัวเองได้เร็วที่สุด คือการอ่านหนังสือ
เรื่องนี้จริงเท็จแค่ไหน ลองมาหาคำตอบด้วยกัน
ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หนังสือกำลังจะตายไป และถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีที่เข้ามา นี่คือชุดข้อมูลที่ถูกป้อนเข้ามาในหัวแทบทุกคน หลังจากที่รอบข้างถูกยกระดับขึ้นมา
ร้านหนังสือผู้คนก็เข้าน้อยลง สังเกตง่ายๆในห้างสรรพสินค้าก็ได้ มีคนไม่น้อยที่มองว่าร้านหนังสือเป็นสถานที่รอนัดหมายเพียงเท่านั้น แต่ในความคิดนั้นมีอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่
เป็นเพราะว่า คนส่วนใหญ่มองว่าร้านหนังสือคือสถานที่ปลอดภัย บรรยากาศสงบ ชวนให้สร้างสมาธิเป็นอย่างดี ไม่แปลกเลยที่ผู้คนจะเลือกที่นี่เป็นจุดพักพิงยามเมื่ออยากหลบหนีจากสังคมที่วุ่นวาย และนี่คือมนต์เสน่ห์ของร้านหนังสือ
ถึงอย่างนั้นก็ตาม ก็ไม่ได้ทำให้ร้านหนังสือเป็นที่สนใจในหมู่การลงทุน หรือแวดวงการทำธุรกิจสักเท่าไหร่ อาจเพราะความไม่แน่นอนด้านรายได้ เลยเป็นตลาดที่ไม่น่าลงทุนเท่าไหร่
แต่สำหรับบางคน ร้านหนังสือก็อาจไม่ได้เป็นแค่ที่ทำกำไร เมื่อมองลึกไปกว่านั้น จนพบว่านี่สามารถเป็นที่ต่อยอดความรู้ได้เหมือนกัน จึงได้เป็นต้นกำเนิดของ “The Booksmith”
ร้านหนังสือเล็กๆ แห่งหนึ่งที่มีจุดเริ่มต้นในจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยฝีมือของ คุณสิโรตม์ จิระประยูร เจ้าของร้านที่ขอแค่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ และเลี้ยงตัวเองให้อยู่รอด เท่านั้นก็พอแล้ว
ถึงใครจะมองว่าร้านหนังสือก็ดูจะโอเคนะ ไม่น่าจะยุ่งยากมากเท่ากับงานอื่น ความเป็นจริงมันเป็นอย่างนั้นเสียที่ไหน บนชั้นวางที่เต็มไปด้วยหนังสือสารพัด ต้องถูกจัดการอย่างถี่ถ้วนเสมอ
ความยากในการทำร้านหนังสือคือการบริหารทุกเล่มให้อยู่ในระบบ รวมทั้งแบ่งหมวดหมู่อย่างลงตัว นี่คือหัวใจสำคัญที่สุด
The Booksmith ตัดสินตั้งจุดยืนของตัวเองคือการนำเข้าหนังสือจากต่างประเทศมาจัดจำหน่ายในบ้านเรา เพื่อเป็นบันไดสู่องค์ความรู้ใหม่ที่ร้านหนังสือทั่วไปอาจให้กับผู้อ่านไม่ได้
แต่ต้องอย่าลืมว่าหนังสือจากต่างประเทศถูกตีพิมพ์ในทุกวัน ทำให้ต้องทำงานหนัก หาข้อมูลศึกษา ก่อนจะตัดสินใจนำเข้ามา
และอย่างที่ทุกคนรู้กันดีว่าร้านหนังสือแม้จะมีคนแวะเวียนไป แต่ก็ไม่ได้ทำรายได้อย่างรวดเร็ว จึงได้เวลาต้องปรับเปลี่ยนแผนงานกันอีกครั้ง เพื่อหาความได้เปรียบในการอยู่รอด
ความได้เปรียบที่ว่าเกิดจากโซเชียล สังคมที่เข้าถึงผู้คนได้มากและเร็วที่สุด มีหรือที่ใครจะกล้าเมินได้ลง จำเป็นต้องพาตัวเองให้เท่าทันไม่ใช่เพื่อแค่อยู่รอด แต่เพื่อต่อยอดให้ไกลกว่าเดิม
สร้างการค้าด้านออนไลน์ในยุคที่หลายคนให้ความสนใจธุรกิจที่ไม่ผูกขาดในตลาด ทำให้ร้านหนังสืออิสระแห่งนี้ ได้โลดแล่นและเป็นตัวเองในแบบที่ต้องการอย่างเต็มที่
สิ่งที่เติบโตจากเดิม คือการเพิ่มโมเดลของโครงสร้างธุรกิจ แน่นอนว่าช่องทางหลักคือหน้าร้าน แต่อย่างที่บอกไปเมื่อการเปลี่ยนแปลงและสื่อออนไลน์เข้ามา ย่อมเกิดช่องทางใหม่ขึ้น
ถึงแม้ในไทยจะยังเป็นที่รู้จักอยู่ไม่มาก แต่ไม่ได้ทำให้การสื่อสารข้ามพรมแดนเป็นอุปสรรค โครงสร้างขยายไม่ได้อยู่แค่ในประเทศ แผ่ไปถึงหลายประเทศมากขึ้น
แต่ก็ยังไม่ทิ้งตลาดในประเทศเสียทีเดียว ช่องทางออนไลน์เป็นกลไกสำคัญทำให้สื่อถึงกลุ่มเป้าหมายง่ายขึ้น การยกหนังสือมาจำหน่ายผ่าน Webstore เป็นอะไรที่ใหม่และน่าดึงดูดมาก
แฟนเพจชื่อเดียวกับร้านหนังสือ ก็ถูกก่อตั้งเพื่อเป็นอีกช่องทาง ไว้สำหรับหน้าร้านในอีกรูปแบบหนึ่งที่ถ้ายุคนี้ไม่มีก็คงจะคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง แถมไม่ต้องเสียค่าเช่าสักสตางค์เดียวอีกด้วย
ลำพังจะให้ขายอย่างเดียว ก็ดูจะไร้เสน่ห์ ทำให้ต้องมีการทำคอนเทนต์เสริมเพื่อดึงดูดความสนใจ สร้างกิมมิคเล็กน้อยบ้าง
อีกทั้งยังได้พื้นที่ไว้สำหรับโปรโมทกิจกรรมต่างๆที่น่าสนใจ หรือกิจกรรมที่ร้านมีส่วนรวมแล้วอยากจะชวนเพื่อนๆในแฟนเพจมาร่วมด้วยก็ทำได้อีก เรียกได้ว่าครบวงจรไม่น้อย
เพราะจะให้คน Walk In เข้ามาในร้าน ก็ดูจะช้าไปหน่อย ถึงแม้จะไม่ได้มีแค่เชียงใหม่ และมีสาขาย่อมที่ใจกลางเมืองหลวงแล้ว แต่ดูเหมือนว่าสัญญาเช่ากำลังจะหมดในอีกไม่กี่เดือนนี้ เป็นไปได้ที่มีโอกาสจะเหลือแค่เชียงใหม่ตามเดิม
ถึงกระนั้น ผลลัพธ์อาจจะกำลังบอกว่าเดี๋ยวนี้คนสนใจหนังสือลดลงจริง แต่นั่นอาจไม่ได้เป็นเพราะสิ่งต่างๆที่เข้ามาอย่างเดียว มันอาจมาจากคุณภาพหนังสือที่น้อยลงด้วยเหมือนกัน
นี่คือเรื่องที่น่าสนใจ หนังสือหลายเล่มยุคนี้มาตรฐานตกลงมาก บางครั้งพิมพ์ผิด ไม่ใส่อ้างอิง หรือร้ายแรงที่สุดอาจจะถึงขั้นหน้าว่างเลยด้วยซ้ำ คงเป็นชนวนเหตุเล็กๆที่คนจะละเลยได้
ซึ่งคือส่วนน้อยจริงๆนั่นแหละ แต่ก็สำคัญไม่ใช่เล่นๆเลย
ในมุมของร้านหนังสือ มาตรฐานเหล่านั้นอาจจะควบคุมเองไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยเลยตามเลย ต้องมีหลักการทำงานที่ไม่ใช่แค่รอคิดเงินอยู่ที่แคชเชียร์อย่างเดียว
การใส่ใจในงานคือเป้าหมายที่แท้จริง หนังสือก็เป็นแค่สื่อกลางการจะเป็นร้านหนังสือที่ดีได้ต้องมีความสุขในการเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ส่งต่อความรู้ และไอเดีย ให้กับลูกค้าทุกคนที่เข้ามา
ไม่ว่าเขาคนนั้นจะก้าวเข้ามาในร้านด้วยจุดประสงค์ใด แต่เขาต้องได้อะไรกลับไปแน่นอน อย่างน้อยคือความประทับใจ
การจดจำในรายละเอียดผู้อ่าน ชื่อของลูกค้าประจำ หรือแม้แต่ให้ของตอบแทนโอกาสสำคัญ คือสิ่งที่ The Booksmith มีให้ไม่เหมือนที่ไหน เป็นความต่างที่สร้างได้ด้วยตัวเอง
ถึงตรงนี้ ไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะมีหนังสือหลงเหลืออยู่กี่เล่ม แต่สิ่งที่มั่นใจได้เลยคือ ความรู้และไอเดีย จะยังวนเวียนอยู่ในโลกใบนี้ไปตลอดกาล หรือจนกว่าใครสักคนจะไม่คิดถึงมันอีก .
…
อ้างอิง : The Cloud
เรียบเรียงโดย : กฤตเมธ อันสมัคร
กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: Pexel