ช่วงอายุ 20-30 ปี ถือเป็นช่วงทองของชีวิต เป็นช่วงวัยที่อยู่ในขั้นที่พัฒนาได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการเรียนรู้ ความสามารถในการตอบสนอง ศักยภาพในการเติบโต และบุคลิกลักษณะอื่น ๆ เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อชีวิตทั้งชีวิตของเรา
แล้วเราจะใช้ช่วงเวลานี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร
ตามกฎข้อ 2-3-1-4 เราสามารถแบ่งช่วงเวลา 10 ปีนี้ (ตั้งแต่อายุ 20-30 ปี) ออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่ 2 ปีแห่งการเรียนรู้ 3 ปีแห่งการประสบการณ์ 1 ปีแห่งการปฐมนิเทศ และ 4 ปีแห่งการสั่งสม ดังนี้
1. 2 ปี แห่งการเรียนรู้
หากคุณเริ่มเรียนในมหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 18 ปี ระยะเวลาการเรียนรู้ 2 ปีนี้จะคงอยู่จนกว่าคุณจะอายุ 20-22 ปี
หลักการการค้นหาเส้นทางที่ใช่สำหรับตัวคุณเองเพื่อการทำงานในอนาคตคือ คุณต้องมีความเข้าใจพื้นฐานและความตระหนักรู้ในตัวเอง จากนั้นให้ลงลึกเข้าไปอีก ถ้าคุณไม่เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่คุณชอบหรือต้องการจริง ๆ มันก็จะเป็นเรื่องยากสำหรับคุณที่จะทำสิ่งสิ่งเดียวเป็นเวลานาน ๆ เพราะคุณจะรู้สึกฝืนใจตัวเอง
“ฉันชอบอะไร ฉันไม่ชอบอะไร บุคลิกลักษณะของฉันเป็นอย่างไร ฉันเก่งอะไร ฉันเรียนรู้อะไรได้เร็วที่สุด อะไรที่ทำให้ฉันลำบากใจ ฉันอยากทำงานกับคนแบบไหน? ความสามารถในการสื่อสารของฉันเป็นอย่างไร?…”
จงถามตัวเองเพื่อตอบคำถามเหล่านี้ เพราะทุกคนย่อมมีความตระหนักรู้ในตนเองขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว
บางคนอาจพบว่าตนเองมีทักษะการบริหารทีมจากการฝึกฝน บางคนอาจพบว่าตนเองขาดทักษะการสื่อสาร บางคนอาจพบว่าตนเองเก่งในเรื่องการออกแบบสร้างสรรค์ เป็นต้น คนที่เข้าใจตนเองและรู้ว่าตนเองเหมาะกับอะไรเท่านั้นจึงจะเป็นพนักงานที่มีคุณค่าต่อองค์กรหรือบริษัท
ดังนั้นอย่าเสียเวลา 4 ปีในการเรียนมหาวิทยาลัยไปกับกิจกรรมที่ไร้สาระ ก่อนที่จะจบมหาวิทยาลัยภายในสี่ปีนี้ คุณควรเข้าใจให้แน่ชัดได้แล้วว่าคุณเหมาะกับอะไร
2. 3 ปีแห่งประสบการณ์
วัยของคุณในช่วงนี้ จะมีอายุประมาณ 22-25 ปี หากคุณได้เข้าทำงานที่บริษัทแล้ว แสดงว่าคุณจะมีประสบการณ์ในการทำงาน 3 ปี แต่ถ้าคุณเลือกเรียนต่อปริญญาโท แสดงว่าคุณกำลังเริ่มเตรียมตัวเพื่อการประกอบอาชีพ
หลังจากเรียนจบปริญญาตรีแล้ว คุณมีทางเลือกสองทาง คือ หนึ่งคือการเข้าทำงาน และอีกทางหนึ่งคือการเป็นนักศึกษาปริญญาโท
ช่วงวัยนี้ คุณมีสิทธิ์ที่เปลี่ยนงานเพื่อค้นหาสิ่งที่เหมาะกับคุณที่สุด ด้วยการให้ความสำคัญในประสบการณ์ที่คุณจะได้รับจากตำแหน่งหน้าที่ของคุณ เพื่อนร่วมงาน และสถานที่ทำงาน คุณสามารถเลือกงานที่เหมาะสมกับคุณที่สุดได้เรื่อย ๆ อย่าพยายามฝืนทำงานที่คุณคิดว่าไม่เหมาะกับคุณหรือคุณรู้สึกว่าเดินผิดทางแล้ว นั่นย่อมเป็นความพยายามที่สูญเปล่า
หากผ่านไป 3 ปีแล้ว คุณยังมองไม่เห็นอนาคตข้างหน้า ให้ขอคำแนะนำจากนักผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนอาชีพ ซึ่งเป็นวิธีที่ประหยัดเวลาได้มากที่สุด มิฉะนั้นในอีก 5-10 ปีข้างหน้า คุณก็อาจจะยังดิ้นรนวนเวียนอยู่ในช่วงเวลานี้
หากคุณไม่เลือกทำงานแต่เลือกที่จะเรียนต่อ คุณก็สามารถเปลี่ยนสาขาวิชาได้หากพบสาขาวิชาที่ชอบ แต่ลองคิดดูให้ดี ๆ เสียก่อนว่าคุณชอบมันจริง ๆ ไหม คุณเหมาะสมกับมันหรือไม่ และคุณพร้อมที่จะร่วมงานกับเพื่อนร่วมงานในระดับมืออาชีพเมื่อคุณมีปริญญาโทอยู่ในมือแล้วหรือไม่?
3. 1 ปีของการปฐมนิเทศ
ช่วงวัยนี้ คุณจะมีอายุประมาณ 26 ปีหรือมากกว่า พฤติกรรมและวิธีคิดควรรอบคอบและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น คุณควรให้ความสำคัญและกำหนดประเด็นที่สำคัญทั้ง 3 ประเด็น ได้แก่
หนึ่ง: กำหนดขอบเขตการจ้างงาน ชี้แจงข้อดีและศักยภาพของตนเอง แล้วเลือกงานที่เหมาะสม
สอง: เตรียมความรู้ให้พร้อม รู้ข้อกำหนดกฎเกณฑ์ในการรับสมัครงาน คุณสมบัติในตำแหน่งที่คุณต้องการสมัคร และควรเตรียมตัวอย่างเต็มที่ล่วงหน้า 3-6 เดือน
สาม: เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การที่คุณมีความรู้ในการทำงานมากพอไม่ได้หมายความว่าคุณจะเก่งเท่ากับคนอื่นหรือมากกว่าคนอื่น ในช่วงเวลานี้ คุณต้อง “แน่ใจ” ว่าคุณมีความเชี่ยวชาญแล้ว ไม่ใช่แต่เพียงผิวเผิน และต้องคำนึงถึงการพัฒนาตนเองในระยะยาวเพื่ออนาคตเสมอ
4. 4 ปี แห่งการสั่งสม
ช่วงวัยนี้ คุณจะเริ่มพบทางที่ใช่สำหรับคุณแล้ว แต่เป้าหมายนั้นยังประสบความสำเร็จได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น
ช่วงนี้คุณควรเก็บหอมรอมริบในด้านการเงิน สั่งสมความรู้ ทักษะ ความสามารถ และดูแลสุขภาพให้ดี เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดว่าคุณจะไปได้ไกลแค่ไหนหลังจากอายุ 30 ปี
ช่วงวัยนี้หลายคนอาจรู้สึกกดดันมากเป็นพิเศษ เพราะต้องเผชิญกับแรงกดดันต่าง ๆ เช่น การแต่งงาน การซื้อบ้าน การซื้อรถ ดูแลพ่อแม่ ดูแลลูก เงินหลังวัยเกษียณ เป็นต้น ดังนั้นการปรับเปลี่ยนแนวคิดก่อนอายุ 30 จะเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อคุณอายุ 30 ปีขึ้นไป
อ้างอิง: Babylons
https://www.facebook.com/138162559559847/posts/4350605774982150/
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
แปลบทความโดย: ปิ่นแก้ว ศิริวัฒน์
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels