คนส่วนใหญ่มักจะมองว่าผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจส่วนใหญ่นั้นสบาย ทำหน้าที่นั่งรอรับเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้ว ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจไม่ได้สบายอย่างที่เราคิด

ภาพถ่ายโดย Karolina Grabowska จาก Pexels
พวกเขาต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ที่ต้องแก้ไขอยู่ทุกวัน ยิ่งในยุคนี้ที่เศรษฐกิจผันผวนและเกิดปัญหาโรคระบาด ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาในบริษัท ปัญหาด้านการเงิน การลงทุน ลูกค้า พนักงาน คู่ค้า คู่แข่งขัน ฯลฯ
ดังนั้น บทความนี้จะพูดถึงวิธีที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจสามารถปรับเปลี่ยนเป้าหมายให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ไม่เหน็ดเหนื่อยจนเกินไป ทั้งยังช่วยอัปเกรดชีวิตของคุณ ทำให้คุณกลายเป็นผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

ภาพถ่ายโดย fauxels จาก Pexels
1. ตัวเลข 3 ตัวที่ต้องให้ความสนใจและกำหนดให้ชัดเจน
มีตัวเลข 3 ตัวที่คุณต้องให้ความสำคัญ หากต้องการให้บริษัทของคุณเติบโตขึ้น
– เงินสดที่มี (A)
– เงินที่ได้จากหนี้ของลูกค้า (B)
– ต้นทุนในการผลิต การจัดจำหน่าย และบริหารจัดการ (C)
ก็จะได้สมการ คือ (A + B) – C = กำไร
นี่เป็นสมการง่าย ๆ แต่เป็นสมการที่สร้างความสับสนให้ผู้ประกอบการหลายคนไม่ใช่น้อย เพราะพวกเขามักจะให้ความสำคัญกับเงินสดที่มี (A) เท่านั้น ดังนั้น คุณต้องหยุดวิธีคิดนี้ซะและให้โฟกัสไปที่ผลกำไรให้มากที่สุด

ภาพถ่ายโดย fauxels จาก Pexels
2. มี 3 ปัจจัยให้ใช้ประโยชน์
ผู้ประกอบการควรใช้ประโยชน์จาก 3 ปัจจัย ดังนี้
– เวลา (จ้างใครสักคนและมอบหมายงานให้พวกเขา)
– เงิน (ใช้เงินเพื่อลดผลกระทบจากปัญหาต่าง ๆ )
– พลังงาน (ใช้เวลาหรือเงินโดยที่ไม่ต้องเสียความเป็นส่วนตัว)
ถ้าคุณใช้ทั้ง 3 อย่างนี้ได้ถูกต้องเหมาะสม ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังช่วยประหยัดเวลาและพลังงานได้อีกด้วย ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยเปลี่ยนแปลงความคิดของผู้ประกอบการ ทำให้พวกเขาไม่ต้องทุ่มเทมากเกินไปจนถึงจุดที่ทำลายตนเอง
3. ทรัพย์สิน 3ประเภทที่ต้องพัฒนาอยู่เสมอ
ผู้ประกอบการมักมุ่งความสนใจไปที่การหาเงินเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วมีทรัพย์สิน 3 ประเภทที่พวกเขาต้องพัฒนาอยู่เสมอ ได้แก่ ทรัพย์สินทางการเงิน (ผลกำไร) ความสัมพันธ์ (ทั้งส่วนตัวและการทำงาน) และสาธารณะ (ไม่ใช่แค่ลูกค้าปัจจุบัน แต่ให้ความสำคัญกับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าด้วย)
ถ้าคุณมุ่งเน้นไปที่การลงทุนในทรัพย์สินทั้ง 3 ประเภทนี้ คุณก็จะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคทุกอย่างได้ ไมว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ตาม

ภาพถ่ายโดย fauxels จาก Pexels
4. กำหนดกำไรและอัตราการเติบโตให้ชัดเจน
อาจฟังดูง่าย แต่คุณต้องระบุให้แน่ชัดว่าธุรกิจที่คุณมีการเติบโตเป็นอย่างไร เช่น เป็นธุรกิจที่เน้นผลกำไรและเติบโตช้า หรือเป็นธุรกิจที่เน้นการเติบโตอย่างรวดเร็วและไม่ต้องการผลกำไรมากนัก
ธุรกิจทั้ง 2 ประเภทนี้มีความแตกต่างกัน จึงมีแนวทางและกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างกัน และที่สำคัญที่สุดก็คือ แนวคิด (Mindset) ในการดำเนินธุรกิจก็ย่อมแตกต่างกันด้วย

ภาพถ่ายโดย Karolina Grabowska จาก Pexels
5. ความสมบูรณ์แบบจะมาถึงเมื่อคุณยอมรับความพ่ายแพ้
ความสมบูรณ์จะไม่มาหาคุณแน่นอน ถ้าคุณให้ความสำคัญกับการควบคุมมากจนเกินไป แต่มันจะมาหาคุณเมื่อคุณยอมรับความพ่ายแพ้เท่านั้น ความสมบูรณ์แบบและการควบคุมทำให้คุณมียอดขายติดอยู่ที่ 6 หลักเท่านั้น และไม่ได้ช่วยให้คุณมียอดขายถึง 7 หลักขึ้นไป
ดังนั้น คุณต้องเปลี่ยนความคิดโดยการรู้จักปล่อยวาง ไม่ควบคุม มีความยืดหยุ่น และลดการใช้อำนาจเพื่อให้คนรอบข้างทำในสิ่งที่คุณต้องการ

ภาพถ่ายโดย August de Richelieu จาก Pexels
6. คุณไม่สามารถเป็นที่รักของทุกคนได้
ไม่ใช่ทุกคนที่จะรักคุณ!
หากคุณต้องการขยายธุรกิจและสร้างอาณาจักรธุรกิจของตนเอง คุณต้องมุ่งเป้าไปที่ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าของคุณ 10% และมุ่งความสนใจไปที่พวกเขาอีก 80% ส่วนอีก 10% ที่เหลือไม่ต้องสนใจกับคนที่ไม่ชอบคุณ
ถ้าคุณต้องการสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจของคุณอย่างแท้จริง อย่าสนใจคนที่ไม่ชอบคุณ เพราะคุณไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้
7. เงินไม่ใช่สิ่งเลวร้าย
เงินเป็นสิ่งที่น่ากลัว ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรือไม่ก็ตาม มันมีความสามารถในการทำทุกสิ่งทุกอย่าง เงินสามารถทำให้คนเลวลงได้ และในทางกลับกัน เงินก็สามารถทำให้คนเป็นคนดีได้
เงินไม่ได้ทำให้คุณเป็นอิสระ และการมีเงินก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณจะเลือกเองว่าจะเป็นคนอย่างไร มีนิสัยอย่างไร มีเงินหรือไม่มีเงิน

ภาพถ่ายโดย Karolina Grabowska จาก Pexels
8. ไม่วิ่งหนีปัญหา
คนส่วนใหญ่มักจะหนีจากปัญหาเมื่อไปถึงจุดสูงสุด พวกเขาคิดแต่ว่าจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งและปัญหาเหล่านั้นก็จะกลายเป็นอดีต
แต่ความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น ทุกครั้งที่คุณก้าวขึ้นบันได คุณจะพบเจอกับปัญหาใหม่ ๆ อยู่เสมอ และอาจเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่าปัญหาเก่า และคุณจะไม่มีวันที่จะหนีปัญหาพ้น ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณต้องรู้จักแก้ปัญหาเพื่อให้สามารถจัดการกับปัญหาได้ด้วยสมองและเหตุผล

ภาพถ่ายโดย Yan Krukov จาก Pexels
9. งานประจำวันของคุณคือการลดความเสี่ยง
งานของผู้ประกอบการอย่างคุณคือ การคำนวณความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น และสร้างกระบวนการและระบบเพื่อจัดการกับความเสี่ยงเหล่านี้ในทุก ๆ ด้าน เช่น ความเสี่ยงด้านองค์กร การเงิน การตลาด ธุรกิจ ฯลฯ วิธีนี้จะทำให้คุณพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์หรืออุปสรรคต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ผู้ประกอบการที่ดีที่สุดไม่ได้ฉลาดที่สุดหรือมีความสามารถมากที่สุดเสมอไป แต่ผู้ประกอบการที่ดีที่สุดคือผู้ที่มีความสามารถในการลดความเสี่ยงได้ดีที่สุด

ภาพถ่ายโดย Andrea Piacquadio จาก Pexels
10. ธุรกิจเป็นเกมระยะยาว
คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอีก 1 ปีข้างหน้า ไม่ว่าในอนาคตคุณยังคิดจะทำธุรกิจหรือไม่ก็ตาม แต่ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จมักจะคาดการณ์อนาคตไว้อย่างน้อย 5 ปีต่อจากนี้
ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จจะไม่มีแนวคิดแบบแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวัน ๆ แต่พวกเขามักจะมองการณ์ไกลและคิดเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางธุรกิจของพวกเขาทุกวัน

ภาพถ่ายโดย Alexander Suhorucov จาก Pexels
11. งานของคุณไม่ใช่ให้ทำ แต่ให้คิด
ความจริงแล้ว ในฐานะที่คุณเป็นผู้ประกอบการ คุณควรทำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณต้องทำก็คือ กระตุ้นคนรอบข้าง เพิ่มพลังให้คนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นทีมงาน ลูกค้า เพื่อนร่วมงาน ฯลฯ ในแบบที่ไม่มีใครทำได้
คุณจะไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้หากคุณยังคงเป็นคนที่ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง คุณควรจะเป็นส่วนหนึ่งในขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้า ไม่ใช่ยึดติดกับมันแต่เพียงผู้เดียว
11 ข้อนี้อาจจะฟังดูยาก แต่รับรองได้ว่าถ้าคุณมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และพยายามมากพอแล้วล่ะก็ ความสำเร็จก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม
อ้างอิง: Doanh nhân Sài Gòn (ผู้เขียน)
https://www.facebook.com/TruongdoanhnhanPR/photos/a.123991011712658/961015798010171/
. . .
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
แปลและเรียบเรียงโดย: ปิ่นแก้ว ศิริวัฒน์
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels