ถ้าคุณอยากเป็นคน Smart ล่ะก็ ลองฝึกฝน 35 วิธีง่าย ๆ นี้ดู เพียงแค่นั่งอยู่เฉย ๆ ก็สามารถทำได้แล้ว แล้วคุณจะเป็นคน Smart ได้ไม่ยาก
1. อย่าหยุดฝึกฝน
จงลงมือทำสิ่งที่คุณกำลังเรียนรู้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง การลงมือทำอย่างต่อเนื่องจะทำให้สมองของคุณสร้างความเชื่อมโยงได้ดีและคุณจะไม่ลืมความรู้ที่คุณเคยเรียนมาแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม และมันก็จะส่งผลดีต่อตัวคุณเอง
2. แปรงฟันด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด
จากงานวิจัยพบว่าสมองและมือมีความเชื่อมโยงกัน เราสามารถควบคุมและกระตุ้นสมองได้ด้วยการใช้มือ ฝึกใช้มือให้ตรงข้ามกับความเคยชินของสมองของคุณ ถ้าคุณฝึกบ่อย ๆ จะทำให้กระบวนการคิดวิเคราะห์และการรับรู้โดยสัญชาตญาณในสมองดีขึ้น ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นกุญแจไปสู่ความคิดสร้างสรรค์ได้
3. หลับตาขณะอาบน้ำ
ใช้การสัมผัสแทน สมองของคุณจะส่งข้อมูลที่แตกต่างจากการมองเห็นปกติ วิธีนี้เป็นการช่วยฝึกให้สมองของคุณปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ง่าย รู้จักช่วยเหลือตัวเองในสถานการณ์ที่คุณไม่สามารถมองเห็นได้
4. เปลี่ยนนิสัยตอนเช้า
หลายครั้งที่คุณรู้สึกเหนื่อยล้าและง่วงนอน ไม่สามารถโฟกัสกับสิ่งต่าง ๆ ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น นั่นอาจเป็นเพราะว่าตารางการใช้ชีวิตของคุณยุ่งเหยิงเกินไป ในกรณีนี้คุณควรปรับตารางการใช้ชีวิตของคุณใหม่โดยการไม่ดื่มคาเฟอีนและบริโภคน้ำตาลมากเกินไป เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลไม่ดีต่อพลังงานสมอง ดังนั้นคุณควรเปลี่ยนนิสัยตอนเช้าเพื่อป้องกันความเมื่อยล้า โดยการดูทีวีระหว่างทำอาหารเช้าหรือพาสุนัขไปเดินเล่นก่อนไปทำงาน
5. มองสิ่งต่างๆ ในมุมมองที่ตรงข้ามทุกวัน
ลองมองบางสิ่งบางอย่างในทางตรงข้ามหรือมองย้อนกลับจะช่วยกระตุ้นสมองซีกขวาของคุณได้ เพราะสมองจะพยายามนิยามสิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาใหม่ ดังนั้นเพื่อฝึกสมองพยายามมองสิ่งต่าง ๆ ในมุมมองใหม่ ๆ ในแต่ละวัน จะช่วยฝึกสมองของคุณจะในเรื่องการคิดวิเคราะห์
6. เปลี่ยนที่นั่งบนโต๊ะอาหาร
โต๊ะอาหารครอบครัวเรามักจะมีที่นั่งประจำและเราก็อาจนั่งในตำแหน่งนั้นเสมอ อย่างไรก็ตามการนั่งอยู่ในที่เดิม ๆ เป็นเวลานานจะไม่เป็นผลดีต่อร่องในสมองของคุณ ลองเปลี่ยนตำแหน่งที่นั่งในโต๊ะอาหารและเปลี่ยนวิธีการจัดถ้วยช้อนตะเกียบบนโต๊ะด้วย เพื่อให้สมองได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ
7. ลองกินอาหารแปลก ๆ
ลิ้มลองอาหารที่คุณไม่เคยลองมาก่อนเพื่อกระตุ้นการรับรสชาติใหม่ ๆ ประสาทสัมผัสทางกลิ่นวิเศษกว่าที่คุณคิด มันสามารถแยกแยะกลิ่นที่แตกต่างกันได้นับล้านและส่ง “สัญญาณ” ไปยังศูนย์กลางของสมองที่จะส่งผลต่ออารมณ์ของคุณ
ลองผสมวัตถุดิบที่มีความแตกต่างกันเพื่อสร้างสรรค์เมนูอาหารใหม่ ๆ หรือการลองกินอาหารใหม่ ๆ จะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และทำให้ความสามารถในการรับรู้รสชาติดีขึ้น
8. ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอก
ทุกคนมีความทรงจำของตัวเอง การสร้างความทรงจำเป็นหน้าที่ส่วนหนึ่งของสมองส่วนหน้าซึ่งจะใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในการสร้างแผนที่ความคิดในทุก ๆ สถานที่ที่คุณเคยไป ดังนั้นถ้าคุณจะเดินทางไปสถานที่ใหม่ ๆ หรือขับรถไปที่ไหนสักแห่ง โปรดเปิดหน้าต่างและสูดอากาศในที่นั้น ๆ ด้วย ประสาทสัมผัสก็จะส่งข้อมูลไปยังสมองของคุณ สมองก็จะบันทึกบรรยากาศรอบ ๆ ตัวคุณโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยจัดการด้านความจำของคุณให้ดีขึ้น
9. เล่นกับเงินทอน
ถ้าคุณไปนั่งที่ไหนสักแห่งหรืออยู่ในรถและเห็นเงินทอนวางอยู่ ลองสัมผัสมันและฝึกสมองโดยการคิดคำนวณเงินที่คุณใช้จ่ายไปหรือที่คุณได้คืนกลับมา
10. อย่าอ่านในใจ จงอ่านเสียงดังๆ
การอ่านหนังสือเสียงดัง ๆ จะทำให้เราใช้สมองมากกว่าการอ่านเงียบ ๆ ดังนั้นทุกครั้งที่อ่านหนังสือหรือหนังสือพิมพ์ในเวลาว่างโปรดอ่านให้ดัง ๆ แม้ว่าอาจจะใช้เวลานานกว่าแต่จะช่วยฝึกสมองของคุณได้เยอะทีเดียว
11. บันทึกความคิด
สมองของเราทำงานอย่างต่อเนื่องและมีความคิดที่แตกต่างมากมายในแต่ละวัน ลองบันทึกความคิดทั้งหมดของคุณลงในสมุดจดบันทึก มันจะช่วยให้คุณฝึกการคิดแบบตรรกะได้ ในหนึ่งชั่วโมงเรามีความคิดมากมายซึ่งอาจเป็นไอเดียที่น่าสนใจ แต่คุณอาจลืมได้ถ้าไม่จดบันทึก การทำเช่นนี้ทำให้คุณสามารถรวบรวมข้อมูลที่สำคัญและจัดระเบียบได้อย่างชัดเจน
12. คิดถึงความรู้สึกด้านบวก
เรามักจะมีนิสัยคิดไปในแง่ลบก่อนเสมอเมื่อคุณเตรียมการวางแผนจะทำอะไรบางอย่าง คุณจะเริ่มกังวลว่ามันอาจจะล้มเหลว อย่าปล่อยให้อารมณ์ด้านลบมากระทบตัวคุณและอย่าให้มันมายับยั้งไม่ให้สมองของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
13. เรียนรู้ที่จะอ่านให้เร็ว ๆ
การอ่านที่รวดเร็วคือความลับที่ช่วยฝึกฝนความฉลาดของมนุษย์ ไม่ว่าหนังสืออ่านเล่น หนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารก็ช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายทั้งนั้น แต่การอ่านที่รวดเร็วจะช่วยให้คุณได้ความรู้และประหยัดเวลาได้มากกว่า
การอ่านอย่างรวดเร็วยังทำให้คุณมีสมาธิมากขึ้น พลังงานสมองเพิ่มขึ้น และตัดสินใจได้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น
14. ฝึกสมาธิหรือโยคะ
โยคะไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับใครหลาย ๆ คนในตอนนี้ ไม่เพียงช่วยยืดเหยียดร่างกายของคุณเท่านั้น แต่โยคะยังช่วยเชื่อมโยงสมองกับร่างกายของคุณเข้าด้วยกัน ทำให้คุณตระหนักรับรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้ดีขึ้น
15. ให้สารอาหารที่จำเป็นต่อสมอง
โภชนาการมีผลกระทบต่อสุขภาพของคุณเสมอ เพื่อให้สมองของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด คุณจะต้องมอบสารอาหารที่จำเป็นต่อสมองให้เพียงพอ
16. กระตุ้นความจำโดยจินตนาการพื้นที่ที่คุณอยู่
พยายามจำตำแหน่งของสิ่งของรอบ ๆ ตัวในห้องของคุณ หลับตาและลองเดินไปทั่ว ๆ ห้อง สัมผัสกับสิ่งของต่าง ๆ แล้วลองทายดูว่าคุณจินตนาการถูกหรือไม่
17. เดินทางด้วยเส้นทางที่แตกต่างไปจากเดิม
การเลือกถนนต่างไปจากถนนที่คุณใช้โดยสารอยู่บ่อย ๆ เพื่อกระตุ้นสมองในเรื่องความทรงจำและภาพ
18. ทำตัวเป็นคนขี้สงสัย
สร้างนิสัยการตั้งคำถามว่า “ทําไม” อยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น “ทําไม A ถึงดูเป็นแบบนี้” “ทําไม B ถึงได้ผล” “ทําไม C ถึงเรียกแบบนั้น” และพยายามหาคําตอบด้วยตัวเองก่อนเสิร์ชหาใน Google เพื่อกระตุ้นทักษะการวิเคราะห์และทบทวนเรียนรู้
19. เรียนรู้ภาษาใหม่ ๆ
เพื่อกระตุ้นความจำ การรับข้อมูล ประมวลผลข้อมูล ความรู้สึก และปฏิกิริยา
20. เล่นเกม
หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณฉลาด คือ ฝึกสมองด้วยวิดีโอเกมและเล่นเกมเชาวน์ปัญญาบ่อย ๆ เช่น Sudoku เกมไขปริศนา เป็นต้น จะช่วยกระตุ้นการรับรู้ การแก้ปัญหา และความคิดเชิงตรรกะ
21. ใช้ประโยชน์จากกระดาษ Memo
เขียนทุก ๆ ครั้งที่คุณทำได้ ไมว่าจะเป็นเป้าหมายในแต่ละเดือน ตารางเวลา สิ่งที่ต้องทำ คำคมดี ๆ ข้อความถึงญาติ ๆ และแปะมันไว้ในที่ที่คุณเห็นบ่อย ๆ เพื่อกระตุ้นความจำและความฉลาดทางอารมณ์
22. สอนสิ่งที่คุณได้เรียนรู้กับคนอื่น ๆ
เพื่อกระตุ้นการจัดเก็บข้อมูลและทักษะการสื่อสาร
23. ดื่มน้ำหนึ่งแก้วทันทีที่ตื่นนอนในตอนเช้า
กระตุ้นการทำงานของร่างกายและสมอง ทำให้สมองตื่นตัวและร่างกายกระปรี้กระเปร่า เตรียมพร้อมรับมือกับวันใหม่
24. ท้าทายตัวเองด้วยในการอ่าน 2 เล่มต่อเดือน
อาจทำกับในกลุ่มเพื่อน ๆ และลองสรุปหนังสือเล่มนั้นให้พวกเขาฟังหลังจากอ่านจบ เพื่อกระตุ้นการอ่าน การทำความเข้าใจ สมาธิ การคิดเชิงตรรกะ และลำดับข้อมูล
25. ฟังหนังสือพูดหรือรายการวิทยุระหว่างทำความสะอาดบ้าน ทำอาหาร หรือทำธุระ
เพื่อกระตุ้นจิตใต้สำนึกในการเก็บข้อมูล
26. ขอความช่วยเหลือจากผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์มากกว่าคุณอย่างมีชั้นเชิง
เพื่อกระตุ้นความสามารถในการตั้งโจทย์ ทักษะการโน้มน้าว และความฉลาดทางอารมณ์
27. ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการนอนกลางวัน และการนอนหลับ 7-8 ชั่วโมงในตอนกลางคืน
เพื่อกระตุ้นการเก็บความทรงจำระยะสั้นและฟื้นฟูพลังงานสมอง
28. ดูหนังต่างประเทศโดยไม่มีคำบรรยาย
เพื่อกระตุ้นความฉลาดและความเข้าใจทางภาษา
29. พยายามเขียนเรื่องราวยาว ๆ หรือลองสร้างภาพยนตร์ในหัวตั้งแต่รายละเอียด เสียง ไปจนถึงเนื้อหาที่สมบูรณ์
เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ
30. คุยกับคนที่มีมุมมองตรงข้ามกับคุณอย่างใจเย็น
เพื่อกระตุ้นการคิดวิเคราะห์ ทักษะการโต้แย้ง และการบริหารจัดการกับอารมณ์
31. ออกกำลังกายอย่างน้อย 10 นาที/ วัน
รวมถึงการออกกำลังกายสั้น ๆ หรือสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม เพื่อกระตุ้นศักยภาพทางกายภาพ
32. ใช้เวลาก่อนนอนอย่างน้อย 10 นาทีเพื่อจดบันทึกความรู้ใหม่ ๆ ทั้งหมดที่เรียนรู้ระหว่างวัน
เพื่อกระตุ้นความฉลาด ความจำระยะยาว และความสามารถในการสรุปเรียบเรียงข้อมูล
33. พยายามแปลงประสบการณ์เป็น “ดนตรี” หรือเนื้อเพลง
เพื่อการกระตุ้นทักษะทางดนตรี
34. ถามคำถามสำคัญกับตัวเองบ่อย ๆ
เช่น บุคลิกของฉันคืออะไร จุดแข็งจุดอ่อนของฉันคืออะไร ความฝันความปรารถนาของฉันคืออะไร เป้าหมายอะไรคืออะไร แรงจูงใจของฉันคืออะไร ฯลฯ เพื่อกระตุ้นความฉลาดภายใน
35. ใช้ความคิดที่หลากหลาย
ยกตัวอย่างเช่นไม้ตีแมลงวันอาจจะใช้สำหรับเทนนิสได้
. . .
ท้ายที่สุด อย่าคิดว่าตัวเองรู้ทุกอย่างหรือคิดว่าตัวเองเป็นคนเก่ง ความคิดเช่นนั้นจะยับยั้งไม่ให้คุณพัฒนาความสามารถของคุณเอง
อ้างอิง: https://www.facebook.com/hbr.edu.vn/photos/a.188981365023587/893961194525597/
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
แปลบทความโดย: ปิ่นแก้ว ศิริวัฒน์
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
. . .
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels