คนที่ประสบความสำเร็จ เขามีสิ่งนี้มาตั้งแต่เด็ก!
คุณเคยคิดถึงตอนเด็ก ๆ ไหม ตอนนั้นคุณกำลังทำอะไรอยู่ คุณฝันอยากจะเป็นอะไร แล้วตอนนี้คุณทำได้หรือยัง?
แล้วคุณเคยสงสัยไหมว่าตอนที่มหาเศรษฐีอย่าง บิล เกตส์, อีลอน มัสก์, สตีฟ จ็อบส์, วอร์เรน บัฟเฟตต์ ฯลฯ เป็นเด็กอยู่นั้นพวกเขาทำอะไรอยู่?
![](https://www.7dbookanddigital.com/wp-content/uploads/2021/09/pexels-thirdman-8926542-1024x683.jpg)
ภาพถ่ายโดย Thirdman จาก Pexels
นี่ไม่ได้ต้องการให้คุณเปรียบเทียบตัวเองกับพวกเขาหรอกนะ
แต่บทความนี้จะพาคุณมาหาคำตอบกันว่า คนเหล่านี้เติบโตมาได้อย่างไร ถูกเลี้ยงดูมาอย่างไร และ “อะไร” ที่ทำให้คนเหล่านี้กลายเป็นมหาเศรษฐีระดับโลกอย่างทุกวันนี้ได้
เมื่อไม่นานมานี้ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ทำการสำรวจคนที่ประสบความสำเร็จจำนวน 1,000 คน อายุระหว่าง 25-45 ปี และพบว่าพวกเขามี 4 สิ่งที่เหมือนกันตั้งแต่วัยเด็ก ดังนี้
![](https://www.7dbookanddigital.com/wp-content/uploads/2021/09/pexels-andrea-piacquadio-3755707-1024x683.jpg)
ภาพถ่ายโดย Andrea Piacquadio จาก Pexels
1. ชอบอ่านหนังสือ
เมื่อถูกถามถึงเคล็ดลับแห่งความสำเร็จ วอร์เรน บัฟเฟตต์ หนึ่งในมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ตอบว่า “ผมอ่านหนังสือ 500 หน้าต่อวัน การอ่านหนังสือคือการสั่งสมความรู้ ก็เหมือนกับดอกเบี้ยทบต้นไงล่ะ”
ส่วน อีลอน มัสก์ ก็ไม่น้อยหน้า เขาใช้เวลามากกว่า 10 ชั่วโมงต่อวันในการก้มหน้าก้มตาอ่านนิยายวิทยาศาสตร์
ในทำนองเดียวกัน บิล เกตส์ ก็พูดอยู่เสมอว่า “การอ่านเป็นวิธีที่ดีในการเข้าถึงข้อมูลและความรู้ได้ดีที่สุด”
![](https://www.7dbookanddigital.com/wp-content/uploads/2021/09/pexels-mikhail-nilov-8923561-1024x683.jpg)
ภาพถ่ายโดย Mikhail Nilov จาก Pexels
จากหนังสือ “Rich Habits” ของ โธมัส คอร์ลีย์ (Thomas Corley) ได้กล่าวไว้ว่า คนรวยที่มีรายได้ 160,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีขึ้นไป จะอ่านหนังสือเพื่อพัฒนาตนเองและหาความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ ส่วนคนที่มีรายได้ 35,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีหรือน้อยกว่า จะอ่านหนังสือเพื่อความบันเทิงเป็นหลัก
จะเห็นได้ว่าคนที่ประสบความสำเร็จมักจะเลือกประเภทของหนังสือที่พวกเขาจะอ่านด้วย ถ้าอยากประสบความสำเร็จอย่างพวกเขา คุณก็ลองเลือกหนังสือดี ๆ สักเล่มขึ้นมาอ่านดูบ้างสิ
![](https://www.7dbookanddigital.com/wp-content/uploads/2021/04/อ.ยิ่งยศ-normal-225-1024x683.jpg)
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
2. เป็นอิสระ
การเป็นอิสระเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ทำให้คนส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จ คนที่เป็นอิสระตั้งแต่อายุยังน้อยสามารถเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง คนเหล่านี้จะมีความมั่นใจ เข้าใจปัญหาทั้งหมด และสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง
นักจิตวิทยา แคเธอรีน แฮดลีย์ (Katerine Hadley) กล่าวว่า “การเป็นอิสระทำให้เด็กมีความแตกต่างกัน เด็กบางคนทำสิ่งใหม่ ๆ ด้วยความกระตือรือร้น ในขณะที่เด็กคนอื่น ๆ ต้องกระตุ้นตัวเองอยู่เสมอ และต้องรู้สึกมั่นใจก่อนที่จะลงมือทำ”
การสอนลูกให้เป็นอิสระและการควบคุมตนเองได้เป็นสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนต้องทำ และต้องทำตั้งแต่พวกเขายังยังเล็ก ๆ ด้วย พ่อแม่ที่ดีจะรู้ว่าตอนไหนควรปล่อยให้ลูกลองทำสิ่งใหม่ ๆ ตอนไหนปล่อยให้ลูกเจอกับความล้มเหลว พ่อแม่ต้องไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวและช่วยเหลือลูกเร็วเกินไป แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเด็กทำผิดพลาดบ่อย ๆ พวกเขาจะแกร่งขึ้นและเรียนรู้จากความผิดพลาดได้ดีขึ้น
![](https://www.7dbookanddigital.com/wp-content/uploads/2021/09/pexels-mart-production-8471895-1-1024x683.jpg)
ภาพถ่ายโดย MART PRODUCTION จาก Pexels
3. มีวินัยในตัวเอง
การมีวินัยในตัวเองในที่นี้หมายถึง สามารถบรรลุเป้าหมายได้โดยไม่ขี้เกียจหรือยอมแพ้กลางทางเสียก่อน เด็กที่ไม่มีไม่มีวินัยในตัวเองจะทำได้แต่สิ่งง่าย ๆ และมักจะทำผิดพลาด พวกเขาจะไม่มีความมั่นใจในการลงมือทำอะไรบางอย่าง และต้องมีคนคอยควบคุมอยู่เสมอ
ถ้าเด็กไม่ได้รับการฝึกฝนให้มีวินัยในตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย ก็จะทำให้พวกเขากลายเป็นเด็กขาดความมั่นใจ ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง คอยแต่จะหลบอยู่ข้างหลังพ่อแม่
ถ้าคุณไม่เชื่อมั่นในตัวเอง คุณจะทำงานได้ไม่ดี เรียนได้ไม่ดี หมดไฟง่าย รู้สึกไม่มีอิสระ ถ้าคุณคิดว่าตัวเองเป็นคนแบบนี้ ควรปรับปรุงตัวเองด่วน!
![](https://www.7dbookanddigital.com/wp-content/uploads/2021/09/pexels-thirdman-8926552-1024x683.jpg)
ภาพถ่ายโดย Thirdman จาก Pexels
4. มีสมาธิสูง
จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด คะแนนสูงและต่ำของนักเรียนที่อยู่ในชั้นเรียนเดียวกันไม่ได้มีสาเหตุมาจากความแตกต่างทางด้าน IQ แต่เป็น “สมาธิ” ต่างหาก
สิ่งที่รบกวนสมาธิเด็กมีอยู่ทั่วไปและเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ส่งผลอย่างมากต่อการเรียนรู้และการพัฒนาสมอง ยิ่งปัจจุบันยิ่งแล้วใหญ่ เพราะพ่อแม่มักจะซื้อโทรศัพท์มือถือ ไอแพด แท็ปเล็ต ฯลฯ ให้ลูกตั้งแต่ยังเด็ก เพราะเชื่อว่าจะทำให้ลูกฉลาดขึ้น แต่งานวิจัยหลายงานได้ชี้ให้เห็นว่า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ทำให้เด็กสมาธิสั้นลง
![](https://www.7dbookanddigital.com/wp-content/uploads/2021/09/GettyImages-52270666-56ff54d03df78c7d9e4e1b93-1024x768.jpg)
ภาพถ่าย William James จาก www.verywellmind.com
นักจิตวิทยา วิลเลียม เจมส์ (William James) เคยกล่าวไว้ว่า “วิธีที่ดีที่สุดในการให้การศึกษาแก่เด็กก็คือการส่งเสริมให้พวกเขามีสมาธิ”
การมีสมาธิหมายความว่าเด็ก ๆ จะพยายามอย่างเต็มที่ในการทำบางสิ่งบางอย่างโดยไม่ถูกครอบงำด้วยสิ่งอื่น ๆ สมาธิเป็นความสามารถของมนุษย์ที่ต้องมีและต้องเรียนรู้ ยิ่งมีสมาธิสูงเท่าไร เราก็จะยิ่งแก้ไขปัญหาได้ดีมากขึ้น ทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างลุล่วง ประสบความสำเร็จ และเราก็จะรู้สึกว่าชีวิตมีความหมาย
![](https://www.7dbookanddigital.com/wp-content/uploads/2021/09/pexels-thirdman-8926541-1024x683.jpg)
ภาพถ่ายโดย Thirdman จาก Pexels
4 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คนประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มีติดตัวมาตั้งแต่เด็ก
มีลูกจงสอนลูก มีหลานจงสอนหลาน และอย่าลืมสอนตัวเองด้วยล่ะ! ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเปลี่ยนตัวเอง แค่นิสัยเปลี่ยน ชีวิตคุณก็เปลี่ยนแล้ว
ที่มา: vnexpress
อ้างอิง: https://vnexpress.net/4-diem-giong-nhau-trong-thoi-au-cua-nguoi-thanh-dat-4294101.html