7 นิสัยตายยาก (ภาค 2)
นอกจาก 6 นิสัยตายยาก (คลิกเพื่ออ่าน) ยังมีอีก 7 ข้อ เพื่อให้ทุกคนที่อ่านได้มีอายุยืนจนแก่หง่อมไปในอนาคต
7. ดื่มแอลกอฮอล์ให้พอประมาณ
การบริโภคแอลกอฮอล์อย่างหนักเกี่ยวข้องกับโรคตับ หัวใจ และตับอ่อน รวมทั้งความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นโดยรวมของการเสียชีวิตก่อนกำหนด
อย่างไรก็ตามการบริโภคแอลกอฮอล์ในระดับปานกลางมีความสัมพันธ์กับโอกาสในการเกิดโรคต่าง ๆ ที่ลดลงเช่นเดียวกับความเสี่ยงในการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรลดลง 17 – 18%
ในขณะเดียวกัน ไวน์เป็นเครื่องดื่มที่ถือว่าประโยชน์อย่างยิ่ง เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระ โพลีฟีนอลในปริมาณสูง ผลจากการศึกษามา 29 ปีพบว่าผู้ชายที่ชอบดื่มไวน์มีโอกาสน้อยที่จะเสียชีวิตเร็วกว่าผู้ที่ชอบเบียร์หรือสุราถึง 34%

ภาพถ่ายโดย Grape Things จาก Pexels
นอกจากนี้งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าไวน์สามารถป้องกันโรคหัวใจเบาหวานความผิดปกติของระบบประสาทและโรคเมตาบอลิก
เพื่อให้การบริโภคแอลกอฮอล์อยู่ในระดับปานกลาง จึงขอแนะนำให้ผู้หญิงตั้งเป้าไว้ที่ 1 – 2 หน่วยหรือน้อยกว่าต่อวันและไม่เกิน 7 ครั้งต่อสัปดาห์ ผู้ชายควรบริโภคต่อวันให้น้อยกว่า 3 หน่วยโดยสูงสุด 14 ครั้งต่อสัปดาห์
สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่า ไม่มีงานวิจัยใดที่ระบุชัดเจนว่าประโยชน์ของการดื่มในระดับปานกลางนั้นมีมากกว่าการงดแอลกอฮอล์ไปเลย
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หากคุณไม่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องดื่ม
สรุป หากคุณดื่มแอลกอฮอล์และรักษาปริมาณที่พอเหมาะอาจช่วยป้องกันโรคและยืดอายุของคุณได้ และไวน์อาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง

ภาพถ่ายโดย Andrea Piacquadio จาก Pexels
8. จัดลำดับความสำคัญความสุขของคุณ
การรู้สึกมีความสุขสามารถเพิ่มอายุขัยของคุณได้อย่างมาก
ในความเป็นจริงคนที่มีความสุขมีการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรลดลง 3.7% ในช่วงระยะเวลาการศึกษา 5 ปี
ซางการศึกษาของแม่ชีคาทอลิก 180 คน โดยวิเคราะห์ระดับความสุขที่รายงานด้วยตนเองเมื่อพวกเขาเข้ามาในอารามเป็นครั้งแรกและนำมาเปรียบเทียบกับอายุที่ยืนยาวในภายหลัง
ผู้ที่รู้สึกมีความสุขที่สุดเมื่ออายุ 22 ปีมีแนวโน้มที่จะยังมีชีวิตอยู่เพิ่มขึ้น 2.5 เท่าในหกทศวรรษต่อมา
ท้ายที่สุดการปริทัศน์การศึกษา 35 ชิ้นแสดงให้เห็นว่าคนที่มีความสุขอาจมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าคนที่มีความสุขน้อยกว่าถึง 18%
สรุป ความสุขน่าจะมีผลในเชิงบวก ไม่เพียงแต่ต่ออารมณ์ของคุณ แต่ยังรวมถึงอายุขัยของคุณด้วย
9. หลีกเลี่ยงความเครียดและความวิตกกังวลเรื้อรัง
ความวิตกกังวลและความเครียดอาจทำให้อายุขัยของคุณลดลงอย่างมาก
ตัวอย่างเช่น ผู้หญิงที่ทุกข์ทรมานจากความเครียดหรือความวิตกกังวลมีรายงานว่ามีแนวโน้มที่จะเสียชีวิตจากโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง หรือมะเร็งปอด มากขึ้นถึง 2 เท่า
ในทำนองเดียวกันความเสี่ยงของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจะสูงขึ้นถึง 3 เท่าสำหรับผู้ชายที่วิตกกังวลหรือเครียดเมื่อเทียบกับคนที่ผ่อนคลายมากกว่า
หากคุณรู้สึกเครียด เสียงหัวเราะและการมองโลกในแง่ดีอาจเป็น 2 องค์ประกอบหลักของการแก้ปัญหา
การศึกษาแสดงให้เห็นว่าคนที่มองโลกในแง่ร้ายมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนกำหนดสูงกว่าคนที่มองโลกในแง่ดีถึง 42% อย่างไรก็ตามทั้งเสียงหัวเราะและการมองโลกในแง่ดีสามารถลดความเครียดและอาจยืดอายุของคุณได้
สรุป การหาวิธีลดระดับความวิตกกังวลและความเครียดสามารถยืดอายุของคุณได้ การมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับชีวิตก็เป็นประโยชน์เช่นกัน

ภาพถ่ายโดย Hannah Nelson จาก Pexels
10. ดูแลวงสังคมของคุณ
นักวิจัยรายงานว่าการรักษาเครือข่ายโซเชียลให้ดีต่อใจสามารถช่วยให้คุณมีอายุยืนยาวขึ้นถึง 50
ในความเป็นจริงการมีความสัมพันธ์ทางสังคมเพียง 3 ทางอาจลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนกำหนดได้มากกว่า 200%
การศึกษายังเชื่อมโยงเครือข่ายทางสังคมที่ดีต่อใจกับการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกของหัวใจ สมอง ฮอร์โมน และการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังได้
วงสังคมที่เข้มแข็งอาจช่วยให้คุณตอบสนองต่อความเครียดในแง่ลบน้อยลงด้วย และบางทีอาจอธิบายเพิ่มเติมถึงผลดีต่ออายุขัยได้อีกด้วย
ในที่สุดการศึกษาชิ้นหนึ่งรายงานว่าการให้การสนับสนุนผู้อื่นอาจให้ประโยชน์มากกว่าการได้รับ นอกเหนือจากการยอมรับการดูแลจากเพื่อนและครอบครัวของคุณแล้ว อย่าลืมตอบแทนความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ด้วยล่ะ
สรุป การดูแลความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดอาจส่งผลให้ระดับความเครียดลดลง ภูมิคุ้มกันดีขึ้น และมีอายุขัยที่ยาวนานขึ้น

ภาพถ่ายโดย Kindel Media จาก Pexels
11. มีความรอบคอบมากขึ้น
ความมีสติสัมปชัญญะ หมายถึง ความสามารถของบุคคลในการมีวินัยในตนเอง มีระเบียบ มีประสิทธิภาพ และมุ่งเน้นไปที่เป้าหมาย
ข้อมูลจากการศึกษาที่ติดตามเด็กชายและเด็กหญิง 1,500 คนจนโตขึ้นมีอายุอานาม เด็กที่ถูกพิจารณาว่าเป็นคนดื้อรั้น มีระเบียบ และมีวินัย มีอายุยืนยาวกว่าเด็กที่มีสติสัมปชัญญะน้อยกว่า 11%
คนที่มีสติรอบคอบอาจมีความดันโลหิตลดลงและมีภาวะทางจิตเวชน้อยลง รวมทั้งมีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและปัญหาเกี่ยวกับหัวใจหรือข้อต่อลดลง
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะบุคคลที่มีสติมีแนวโน้มที่จะรับความเสี่ยงที่เป็นอันตรายหรือตอบสนองในทางลบต่อความเครียดน้อย และมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน หรือรับผิดชอบต่อสุขภาพของตนเอง
ความมีสติสามารถพัฒนาได้ในทุกช่วงเวลาของชีวิตผ่านขั้นตอนเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการจัดโต๊ะทำงาน การวางแผนการทำงาน หรือการตรงต่อเวลา
สรุป การมีสติมีความสัมพันธ์กับอายุขัยที่ยาวนานขึ้นและปัญหาสุขภาพน้อยลงในวัยที่โตขึ้น
12. ดื่มกาแฟหรือชา
ทั้งกาแฟและชามีความเชื่อมโยงกับการลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง
ตัวอย่างเช่น โพลีฟีนอลและคาเทชินที่พบในชาเขียวอาจลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเบาหวานและโรคหัวใจได้
ในทำนองเดียวกัน กาแฟมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่ลดลงของโรคเบาหวานประเภท 2 โรคหัวใจและมะเร็งบางชนิด และโรคสมอง เช่น โรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน
นอกจากนี้ ทั้งผู้ดื่มกาแฟและชายังได้รับประโยชน์จากความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรที่ลดลง 20 – 30% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่ม
เพียงจำไว้ว่าคาเฟอีนมากเกินไปอาจทำให้เกิดความวิตกกังวลและนอนไม่หลับ ดังนั้นคุณอาจต้องลดปริมาณที่แนะนำไว้ที่ 400 มก. ต่อวัน ~ กาแฟประมาณ 4 แก้ว
นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตว่าโดยทั่วไปจะใช้เวลาหกชั่วโมงกว่าที่ผลของคาเฟอีนจะบรรเทาลง ดังนั้นหากคุณมีปัญหาในการนอนหลับให้เพียงพออย่างรุนแรง คุณอาจต้องเปลี่ยนเวลาดื่มชาหรือกาแฟให้เร็วขึ้น
สรุป การบริโภคชาและกาแฟในระดับปานกลางอาจส่งผลดีต่อสุขภาพและอาจทำให้อายุยืนยาวได้

ภาพถ่ายโดย Gary Barnes จาก Pexels
13. มีรูปแบบการนอนที่ดี
การนอนหลับมีความสำคัญต่อการควบคุมการทำงานของเซลล์และช่วยรักษาร่างกายของคุณ
การศึกษาล่าสุดรายงานว่าการมีอายุยืนยาวมีแนวโน้มที่จะเชื่อมโยงกับรูปแบบการนอนหลับแบบปกติ เช่น การเข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกันในแต่ละวัน
ระยะเวลาการนอนหลับก็เป็นปัจจัยหนึ่งเช่นกัน ทั้งที่น้อยเกินไปและมากเกินไปก็เป็นอันตราย
ตัวอย่างเช่น การนอนน้อยกว่า 5 – 7 ชั่วโมงต่อคืนมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรมากขึ้น 12% และการนอนหลับมากกว่า 8 – 9 ชั่วโมงต่อคืนก็อาจทำให้อายุขัยของคุณลดลงได้ถึง 38%

ภาพถ่ายโดย Ketut Subiyanto จาก Pexels
การนอนน้อยเกินไปอาจทำให้เกิดการอักเสบและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคอ้วน สิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงกับอายุขัยที่สั้นลง
ในทางกลับกัน การนอนหลับมากเกินไปอาจเชื่อมโยงกับภาวะซึมเศร้า การออกกำลังกายน้อย และภาวะสุขภาพที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย ซึ่งทั้งหมดนี้อาจส่งผลเสียต่ออายุขัยของคุณ
สรุป การพัฒนากิจวัตรการนอนหลับซึ่งรวมถึงการนอนหลับ 7 – 8 ชั่วโมงในแต่ละคืนอาจช่วยให้คุณมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น
การมีอายุยืนยาวอาจดูเหมือนอยู่เหนือการควบคุมของคุณ แต่นิสัยที่ดีต่อสุขภาพหลายอย่างอาจทำให้คุณเข้าสู่วัยชราอันสมบูรณ์เต็มแก่ได้
ซึ่งรวมถึงการดื่มกาแฟหรือชา ออกกำลังกาย นอนหลับให้เพียงพอ และการควบคุมปริมาณแอลกอฮอล์
เมื่อนำมารวมกันแล้ว 13 นิสัยเหล่านี้ทำให้สุขภาพของคุณดีและนำคุณไปสู่ชีวิตที่ยืนยาว
แปลบทความจาก 13 Habits Linked to a Long Life (Backed by Science) Written by Alina Petre, MS, RD (NL) อ่านเพิ่มเติมได้ที่: https://www.healthline.com/nutrition/13-habits-linked-to-a-long-life
หมายเหตุ : เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
แปลบทความโดย: กุลนิภา บุตรลุน
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels