9 วิธีจับผิดคนโกหกให้ได้ด้วย 2 ตา
ทุกคนบนโลกนี้ต้องเคยโดนหลอกมาบ้างแหละ บางครั้งก็เป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้มีผลกระทบเสียหายอะไรต่อตัวเรา แต่บางครั้งที่โดนคำพูดปดนั้นหลอก กว่าจะรู้อีกทีก็เกิดผลเสียหายตามมามากมายแล้ว หนำซ้ำยังทำให้เราเจ็บใจอีก
ฉะนั้น มาเรียนรู้วิธีการจับโกหกเพื่อป้องกันการโดนหลอกให้ช้ำทรวงกันเถอะ
1. สัมผัสใบหน้าบ่อยครั้ง
การสัมผัสใบหน้าบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะหูตา จมูก ปาก แสดงถึงภาวะขัดแย้งของจิตใจที่คนโกหกพยายามแสดงว่าเรื่องที่แต่งออกมาจากปากนั้นมันเป็นเรื่องจริง ยกเว้นแต่ว่าจะคันจริงเพราะมีอะไรมาทำให้เคืองหรือง่วงเหงาหาวนอนเท่านั้นแหละนะ
2. การสัมผัสจมูก
การสัมผัสบริเวณจมูกเป็นเหมือนการควบคุมไม่ให้คายความจริงออกมา เพราะแท้ที่จริงแล้วอยากจะปิดปาก แต่ปากเป็นจุดที่จับผิดสังเกตได้ง่าย อาจจะทำให้ถูกจับได้ จึงเลื่อนขึ้นเปลี่ยนไปจับจมูกแทน
3. การสัมผัสตา
การสัมผัสบริเวณตาอาจแสดงถึงการเลี่ยงการถูกจับผิด เพราะสายตาเป็นสิ่งที่ใช่บอกแทนคำพูดได้ รวมไปถึงอาการอื่น ๆ เช่น การไม่กล้าสู้ตา ถูตา เสมองที่อื่น ก้มหน้ามองพื้น หรือแม้แต่เงยหน้าขึ้นมองฟ้า
4. การเคลื่อนไหวของดวงตา
การโกหกอาจจะมีห้วงที่ชะงักแล้วหยุดคิดนิดหน่อย หรือปรากฏสายตาหลุกหลิกล่อกแล่ก บางครั้งก็หลบสายตาหน่อย ๆ ไม่สู้สายตา เพราะพยายามคิดหาเรื่องโกหกอยู่ แม้จะเตรียมตัวมาอย่างดีแล้วก็ตาม
ดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ หากจับลักษณะการเคลื่อนไหวสายตาที่สามารถสังเกตได้ก็จะพบว่าเขาคนนั้นโกหกอยู่หรือไม่นั่นเอง
- การเลี่ยงสายตา โดยเสมองไปที่อื่น เพื่อจะได้ไม่ต้องสบตากับเรา
- การมองไป ๆ มา ๆ มองหน้าแต่ไม่มองตาบ้าง หรือมองหน้าแล้วหันไปมองทางอื่นสลับกันจนผิดสังเกต
- การกะพริบตาถี่ ๆ บางคนอาจจะทำใจกล้าสบตาให้เห็นแววตาจริงจัง เพื่อหลอกให้เชื่อว่าเรื่องที่พูดนั้นเป็นเรื่องจริง ถึงแม้จะสบตาแต่เชื่อเถอะว่าไม่นาน อีกฝ่ายก็จะกะพริบตาบ่อยจนรู้สึกได้ว่าไม่ใช่การสบตาแบบปกติทั่วไป
- กะพริบตาแล้วหลับตา โดยจะกะพริบตาถี่ ๆ แล้วเปลือกตาบนก็ปิด เป็นระยะที่นานพอที่จะสังเกตได้ มันนานหลายวินาทีเชียวนะ ถ้าสังเกตให้ดี
5. การสัมผัสหู
จากใบหน้าก็เริ่มลุกลามมาถึงคอและหู โดยเฉพาะหู คนที่พูดโกหกจะเอามือถูหูไปมาเพราะความขัดแย้งของจิตใจระหว่างความจริงกับคำโกหกที่พ่นออกมา
6. การเกาคอ
คำพูดที่ออกมาจะขัดกับความรู้สึกจริง ๆ ของเขา แสดงอาการเคลื่อนไหวที่อาจจะเพื่อระบายความรู้สึกตึงเครียดและผ่อนคลายความกดดันจากการโกหกออกมาบ้างนั่นเอง
7. การดึงปกเสื้อ
การดึงปกเสื้อเป็นเหมือนการลดความตึงเครียดและผ่อนคลายความกดดัน คนโกหกจะมีความเครียดและกดดันอยู่ในใจมากเกินกว่าปกติเสมอ ธรรมชาติของร่างกายภายใต้จิตใต้สำนึกจึงต้องหาทางระบายออกบ้าง ตามแต่สถานการณ์และความรุนแรงของเรื่องที่โกหก
8. ลักษณะอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ
คนโกหกมักเอามือไพล่หลังหรือไม่ก็ล้วงกระเป๋าเสื้อผ้า เพื่อซ่อนมือของตัวเองไว้ เพราะกลัวว่าตนจะเคลื่อนไหวเยอะเกินไปจะถูกจับได้ จึงซ่อนไว้ในที่ ๆ ที่มองไม่เห็น แต่ก็ซ่อนได้ไม่มิดเพราะเขาอาจจะเล่นกับสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าเพื่อระบายความเครียดจากภาวะกดดันภายในจิตใจ
บางครั้งเขาอาจจะอยากล้วงกระเป๋าเสื้อผ้าแต่ก็ไม่มี จึงเอามือไปไพล่หลังในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ก็อาจจะเผลอดึงมือมาข้างหน้าและถูมือไปมา
9. โกรธกลบเกลื่อนความผิด
คนโกหกมักจะแสดงอาการโกรธกริ้วกลบเกลื่อนความผิด คุณอาจพบเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อย ๆ ที่คนโกหกจะแสดงอารมณ์โกรธหรือโมโหเมื่อถูกถามจี้ใจดำหรือเมื่อคุณแสดงทีท่าว่าไม่เชื่อคำพูดของเขา เป็นการเบี่ยงประเด็น หากคุณหลงกล เขาก็จะชวนทะเลาะจนลืมเรื่องโกหกนั้นไป
โดยการเปลี่ยนประเด็นมีสัญญาณที่พบเห็นได้บ่อย ๆ ดังนี้
- กระทืบเท้า อาจเป็นการขู่ให้หยุดจับผิด โดยแสดงอารมณ์ที่รุนแรงกว่าอย่างการโกรธเกรี้ยวเพื่อไม่ให้ตนเองถูกจับได้
- จับส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหู ผม แก้ม หน้า เขาจะจับ บิด ถู เพื่อระบายความโกรธให้เห็น หรืออาจจะเป็นวิธีการระบายความเครียดความกดดันจากการโกหกก็เป็นได้
- กัดริมฝีปาก เป็นอาการพยายามข่มความโกรธ รวมไปถึงข่มอารมณ์อื่น ๆ ไว้ ทั้งโมโห อาย ขายหน้าเพราะถูกจับได้ด้วย
คำโกหกเป็นเพียงคำพูดปรุงแต่งขึ้น เพื่อให้ตนเองพ้นความผิดเท่านั้น แต่หารู้ไม่ว่าบางครั้งก็ไม่อาจรอดพ้นจากการถูกจับได้อยู่ดีเพราะ 9 วิธีนี้ที่จะช่วยต้อนให้คำโกหกเป็นเพียงแค่ลมออกจากปากเท่านั้นเอง
แต่ถึงแม้จะมีวิธีการจับโกหก แต่ก็ยังต้องอาศัยการสังเกตหลาย ๆ อย่างร่วมด้วย เพราะบางคนโกหกจนชำนาญไปแล้ว จึงหลบหลีกการไล่ต้อนนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทิ้งไว้เพียงคำปดให้เรารู้ทีหลังและเจ็บใจเล่น ๆ เท่านั้นเอง
ข้อมูลจากหนังสือ: “ฉลาดทันคนในทุกสถานการณ์” ผู้เขียน ปรีดา อริยะมิตร
เรียบเรียงโดย: กุลนิภา บุตรลุน
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels