เลิกใส่ไข่ไว้ในตะกร้าหลาย ๆ ใบ ทั้งที่ถือไม่ถนัดสักที
หลายคนคงจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วกับทฤษฎีการใส่ไข่ไว้ในตะกร้าหลาย ๆ ใบโดยเฉพาะในแวดวงของนักลงทุนซึ่งจุดประสงค์หลัก ๆ ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเพื่อกระจายความเสี่ยง แต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่เคยเป็นความเชื่อแบบที่ว่ามาข้างต้นก็มีหลายต่อหลายคนแย้งกลับมาว่าปัญหาของความเสี่ยงไม่ได้อยู่ที่การวางไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียวแต่เป็นเพราะนักลงทุนไม่รู้จักตะกร้าที่ที่ถืออยู่เลยต่างหาก
เมื่อลองกลับมาคิดดูแล้วก็พบว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เพราะการที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของการลงทุนเลยก็คงเหมือนกับการวางไข่ไว้ในตะกร้าแตก ๆ ต่อให้จะมีตะกร้าอยู่สักสิบใบสุดท้ายก็คงเหลือไข่แค่ไม่กี่ฟองหรืออาจจะไม่เหลือเลยก็ได้
ดังนั้นมันไม่สำคัญเลยว่าจะแบ่งตะกร้าการลงทุนออกเป็นกี่ใบ หรือใส่ไข่ลงไปในนั้นทั้งหมดกี่ฟอง เพราะประเด็นหลักคือการหันกลับมาทบทวนก่อนว่าแท้จริงแล้วตะกร้าที่ถืออยู่นั้นมีความแข็งแรงมากพอที่จะแบกรับความบอบบางของไข่สักฟองได้หรือไม่
ถ้าพูดถึงการกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนหลาย ๆ ทาง หากจะไม่พูดถึงตะกร้าการลงทุนของคุณเล็กที่ได้ชื่อว่าเป็นเบอร์ต้น ๆ ของคนทำบ้านมือสองเลยก็คงไม่ได้
สำหรับคุณเล็กแล้วเขาก็เป็นหนึ่งในคนที่ตัดสินใจเลือกที่จะวางไข่ไว้ในตะกร้าหลาย ๆ ใบเพื่อกระจายความเสี่ยงเช่นเดียวกัน แต่เมื่อลองผิดลองถูกมาหลายต่อหลายครั้งก็ทำให้รู้ว่าท้ายที่สุดตะกร้าที่ถือแล้วถนัดมือนั้นมีอยู่แค่ 3 ใบเท่านั้นและเชื่อว่ามันจะเป็นฐานรองรับความเปราะบางที่เป็นความเสี่ยงในด้านการลงทุนได้ดีแน่ ๆ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นมาลองค้นหาไปพร้อม ๆ กัน
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
ตะกร้าใบที่หนึ่ง: การเก็งกำไร
การเก็งกำไรในแบบของคุณเล็กคือการซื้ออสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้าน คอนโด ที่ดิน เพื่อมาพัฒนาหรือปรับปรุงให้มีมูลค่าเพิ่มหรือเรียกสั้น ๆ ว่าการซื้อมาขายไป การลงทุนในลักษณะนี้หากเป็นคนที่อยู่ในสายธุรกิจเดียวกันคงทราบเป็นอย่างดีว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงมากที่สุด และไม่เหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นช่องทางที่สามารถทำกำไรได้สูงในเวลาอันรวดเร็วได้เช่นกัน ฉะนั้นแล้วหากจะวางไข่ไว้ในตะกร้าใบนี้อาจจะต้องมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในระดับหนึ่งด้วยเพราะหากพลาดขึ้นมาแล้ว เรียกได้ว่าล้มแบบไม่เป็นท่าแน่ ๆ
ตะกร้าใบที่สอง: การปล่อยเช่า
สำหรับการปล่อยเช่าถือเป็นการลงทุนที่เน้นไปทางการสร้างผลตอบแทนในระยะยาวโดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าทรัพย์นั้นจะขายออกหรือไม่เพราะรายได้ส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบของค่าเช่าที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ เดือน แต่ทั้งนี้ความยากก็อาจจะมาพร้อมกับความคาดหวังในเรื่องของผลกำไรหรือค่าเช่าเมื่อเปรียบเทียบกับต้นทุนด้านการลงทุนมากกว่าว่าต้องกำหนดค่าเช่าเท่าไรจึงจะสามารถเอาชนะเงินฝากได้ และหากนักลงทุนต้องการสร้างกำไรมากหน่อยคงต้องใช้ระยะเวลาในการถือครองค่อนข้างนานและต้องมั่นใจด้วยว่าทรัพย์นั้นจะมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต
ตะกร้าใบที่สาม: การรับจำนอง-ขายฝาก
หากต้องการผลตอบแทนที่ตายตัวในอัตราประมาณ 10-15% ต่อปี การทำธุรกิจรับจำนองขายฝากคงจะเป็นทางเลือกที่ถือว่าทำได้ไม่ยากและมีความเสี่ยงน้อยที่สุดเพราะการดำเนินงานจะคล้ายคลึงกับการปล่อยสินเชื่อให้กับรายยย่อยที่มีหลักทรัพย์แต่คนกลุ่มนั้นมีข้อจำกัดคือไม่สามารถเข้าถึงสถาบันการเงินได้ ซึ่งหากว่าเป็นนักลงทุนมือใหม่ที่สนใจการลงทุนในด้านนี้อาจจะต้องมีคนคอยให้คำแนะนำด้วยเช่นกัน
การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ต่างก็มีความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้นแต่อยู่ที่ว่าจะเสี่ยงมากหรือเสี่ยงน้อย ซึ่งการควบคุมความเสี่ยงก็อยู่ที่ว่ารู้จักตะกร้าในมือของตัวเองดีแค่ไหน สำหรับคุณเล็กแล้วเขารู้ดีว่าตัวเองกำลังถืออะไรอยู่และรู้ว่าต้องถือแน่นแค่ไหนถึงจะส่งผลกระทบต่อไข่ที่อยู่ในตะกร้าน้อยที่สุด เป็นความจริงที่ว่าการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นั้นมีโอกาสที่จะผิดพลาดสูงหรือแม้แต่การเข้าใกล้จุดที่เรียกว่าขาดทุน แต่เชื่อหรือไม่ว่าถึงจะเป็นแบบนั้นแต่มันไม่ใช่ผลลัพธ์แบบตายตัว 100% เสมอไป เพราะอย่างน้อยหากถึงจุดที่เลวร้ายที่สุดสิ่งที่เหลืออยู่ในมือก็ยังคงเป็นหลักทรัพย์อยู่ดี
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
เรียบเรียงโดย: ศุภธิดา รัสพันธ์
คอนเทนต์ครีเอเตอร์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Freepik