จงรักคำดูถูก เพื่อพิสูจน์ว่าเข้าใจผิด

ถ้ามีคนดูถูกกับสิ่งที่คุณกำลังทำ มันอาจบ่งบอกว่าคุณทำสิ่งนั้นออกมาได้ดีไม่พอ

หากวันดีคืนดีมีคนมาพูดจาดูถูกเราสารพัด ก่อนที่สุดท้ายเขาจะพูดว่าให้ยอมรับในสิ่งที่พูดมาทั้งหมด คนแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์คงจะหัวเสีย พร้อมกับสาดอารมณ์คืนมากลับไปด้วยคำพูดที่รุนแรงยิ่งกว่า แต่รู้อะไรหรือเปล่าว่านี่อาจเป็นวิธีที่ดีที่สุด เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ก็ได้

ในมุมมองการแพทย์ นิยามของความโกรธเอาไว้น่าสนใจ

ว่ากันว่าความโกรธคืออารมณ์ของคนปกติทั่วไปที่เกิดขึ้นได้ในทุกคน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ควบคุมเอาไว้ไม่ได้ จากความรู้สึกทั่วไปก็จะเปลี่ยนเป็นปัญหาไปในทันที ซึ่งอนุภาคของมันยังไม่เคยมีใครคาดเดาได้ว่ามากน้อยเพียงใด และจนปัจจุบันก็ยังเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้เสมอมา

เพียงแค่หัวใจเต้นแรง จังหวะหายใจรวดเร็ว หน้าแดง กล้ามเนื้อเกร็งไปทั่วร่างกาย ก็คงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่าคนนั้นกำลังต้องโกรธอยู่แน่ ๆ เตรียมรับมือเอาไว้ล่วงหน้าได้เลย

และหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการไม่พอใจมากที่สุดล้วนมาจาก ‘คำพูด’

ถ้าคำเยินยอสรรเสริญคือของหวาน คำดูถูกก็คงเหมือนยาพิษ เพราะแน่นอนไม่ว่าใครก็คงไม่อยากถูกยื่นยาพิษให้กันทั้งนั้น และที่น่าสนใจยิ่งกว่า คือทุกคนบนโลกนี้ต่างรู้ดีว่านี่คือสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ แต่ก็ยังกลับยื่นให้กันสารพัดจนเป็นเรื่องปกติ

ไม่ว่าสถานที่ใด หรือวัยไหน ต้องล้วนเจอคำดูถูกจนเคยชิน ซ้ำร้ายบางคนอาจกำลังมองว่ามันคือเรื่องธรรมชาติ ซึ่งตรงนี้เป็นกลไกสำคัญให้สังคมทุกวันนี้บิดเบี้ยวไปกันใหญ่ จากความคิดที่หลากหลายของผู้คนที่หลายหลากในสังคมที่ซับซ้อนแบบนี้

เชื่อเลยว่าทุกคนที่กำลังอ่านตรงนี้ หรือทุกคนบนโลกใบนี้ต้องเคยโดนดูถูกกันมาทั้งนั้นจำนวนครั้งมากน้อยไม่เหมือนกันและมีวิธีรับมือที่ต่างกัน แต่ทำไมผู้คนในสังคมถึงยังมีทั้งคนที่สำเร็จและไม่สำเร็จปะปนกันอย่างแยกไม่ออก ความแตกต่างเดียวคือ รับมือได้อย่างถูกวิธียังไงล่ะ

ขนาดผู้คนที่มีอะไรเหมือนกัน การศึกษาเหมือนกัน การเติบโตเหมือนกัน ความสามารถเหมือนกัน ยังหาเรื่องราวมาดูถูกกันได้ไม่จบสิ้น นับประสาอะไรกับหัวอกของคนที่เขาไม่มีเหมือนกับคนทั่วไป คงต้องพยายามมากแค่ไหนกว่าจะได้คำว่า ‘โอกาส’ เหมือนกับคนอื่น

ประชากรบนโลกนี้มีถึงเกือบ 10% ทีเดียวที่ประสบปัญหาเป็นผู้พิการ พวกเขาเหล่านี้โดนดูถูกด้วยคำพูดและการกระทำมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง และอย่าว่าแต่การดูถูกเลย โอกาสในการใช้ชีวิตบางอย่างของพวกเขาจำต้องถูกจำกัดอย่างเลือกไม่ได้ด้วยซ้ำไป

แต่สิ่งที่พวกเขามองนั้น ต่างจากคนทั่วไปหลายร้อยเท่า จนไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง

จากสถิติที่มีการบันทึกเอาไว้(อย่างไม่เป็นทางการสักเท่าไหร่) แม้พวกเขาอาจบกพร่องทางด้านร่างกายแต่จิตใจกลับตรงกันข้าม และเรื่องราวที่พวกเขาให้ความสนใจและทำออกมาได้ดี มันคือเรื่องในแง่มุมของ ศิลปะ

หลายคนทำหน้าที่พิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนมองข้ามทุกสิ่งและโฟกัสไปที่ผลงานอย่างแท้จริง จนเป็นที่ยอมรับและกลายเป็นศิลปินหน้าใหม่ที่ฝีมือแสบสันไม่เบาเลย

สตีฟ แชมเบอร์ส วาดภาพทิวทัศน์ของเรือสองลำและถือพู่กันโดยใช้ปาก เพราะสภาพร่างกายที่เกิดมาพร้อมกับแขนสองข้างที่ปราศจากกล้ามเนื้อ

แอนแน็ต แกบเบเดย์ หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของผลงานการออกแบบและประดิษฐ์อัญมณีที่สวยงามออกวางจำหน่ายสู่ท้องตลาด ใครจะรู้ว่าเขาเกิดมาโดยไม่มีนิ้วมือ

ฟาตีมาห์ ฮามามี ศิลปินสาวชาวอิหร่าน อาจเคยปรากฏตัวให้เห็นบ้างในสื่อเพราะเขาคือเจ้าของภาพวาด คริสเตียโน่ โรนัลโด้ รังสรรค์ผลงานโดยใช้เท้าของเธอ

วิคตอริน ฟลอยด์ ช่างภาพมากฝืมือที่มีนิทรรศการภาพถ่ายหลายแห่ง แต่สร้างผลงานจากการที่สูญเสียการมองเห็นตั้งแต่อายุ 26 ปีเท่านั้น

จอห์น บลามบลิทท์ ศิลปินที่สายตาพล่ามัว ดวงตาของเขาแยกได้เฉพาะแสงแดดกับความมือเท่านั้น แต่เขาก็วาดภาพด้วยการใช้สีจากการสัมผัสพื้นผิวกับผ้าใบ

และยังมีอีกมากมายหลายคนที่สร้างผลงานออกมาให้ผู้คนทั่วโลกได้ตกตะลึงกับความสามารถที่แสดงออกมาในชิ้นงานของพวกเขา ชนิดที่ตั้งใจมองยังไงก็ไม่มีทางรู้ได้ว่ามาจากผู้ที่บกพร่อง เพราะสิ่งที่แสดงออกมาไม่ใช่สภาพร่างกาย แต่เป็นสภาพในสมองและจิตใจของพวกเขาต่างหาก

การต่อสู้ที่สำคัญไม่ใช่ให้ผู้คนทั่วโลกยอมรับ แต่การที่ตัวพวกเขายอมรับตัวเองได้คือเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่าเรื่องอื่น บางทีเมื่อคุณกวาดสายตาไปรอบตัวตอนนี้ งานบางอย่างอาจมาจากบุคคลที่จิตใจแข็งแกร่งขนาดนี้ก็ได้

คงจะจริงอย่างที่ใครว่า คือให้ยอมรับในคำดูถูกสารพัด ก่อนที่จะตบหน้ากลับคนพวกนั้นด้วยความสำเร็จ การพิสูจน์ตัวเองจะทำให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขามองเรานั้น ‘เขาคิดผิด’

ทุกคนก็เป็นได้เหมือนกัน ช่วงรอยต่อก่อนจะเรียบจบหรือจุดเปลี่ยนชีวิตมักจะมีคนดูถูกว่าเราไม่มีทางทำแบบนั้นได้หรอก ไม่มีทางเลี้ยงดูใครได้ ไม่มีทางร่ำรวยได้ เมื่อได้ยินความรู้สึกแรกต้องโกรธอยู่แล้ว แต่หากเถียงในวันนี้สุดท้ายคนที่แพ้เป็นเราอยู่ดี

จงเก็บความรู้สึกโกรธแค้นมาแปรเปลี่ยนเป็นพลัง แสดงมันออกมาว่าเราได้ทำเต็มที่แล้ว ถึงสุดท้ายทุกคนจะไม่ได้รับอนุญาติให้ทำสำเร็จ แต่ถ้าได้ทำเต็มที่ต่อให้ใครไม่เห็นค่า ตัวของคุณก็จะมองเห็นความสำเร็จในแบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อนแน่นอน

..

เรียบเรียงโดย: กฤตเมธ อันสมัคร
กองบรรณาธิการ 7D Book&Digital

ขอบคุณภาพจาก Freepik