มองเข้าไปในกระจก คุณเห็นผู้นำแบบไหนอยู่ ลองเทียบตนเองกับนิสัยดังต่อไปนี้ แล้วจงอย่าเป็นเจ้านายที่คุณเกลียด
เจ้านายมองตัวเอง VS เจ้านายที่คนอื่นเห็น
ในสายตาของเจ้านายอาจใช้มุมมองที่ตนเองเห็น แต่แน่นอนว่าร้อยพ่อพันแม่ ต่างคนก็ต่างมุมมอง ไม่ว่าจะผู้นำหรือผู้ตามเองก็ต้องมีความคิดเห็นต่อคนหรือสิ่งหนึ่งต่างกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะแง่มุมของผู้ที่อยู่ใต้การปกครองมีต่อผู้บังคับบัญชาเอง มาดูกันว่าสิ่งที่เห็นกับสิ่งที่เป็นนั้นจะแตกต่างกันแค่ไหน
อาจดูน่าเคารพ แต่แท้ที่จริงแล้วแสนจะไม่เอาไหน
การเคารพนบน้อมคือการแสดงอาการนับถือที่มีต่อบุคคลหนึ่ง ผู้ใหญ่ย่อมเป็นที่เคารพนับถือจากผู้อ่อนกว่า โดยเฉพาะในตำแหน่งเจ้านายที่มักเป็นผู้ที่มีอายุและประสบการณ์ในการทำงาน จึงสามารถพูดได้ว่าน่าเคารพไปโดยปริยาย
คุณอาจคิดว่าแค่เป็นเจ้านายก็น่าเคารพพอตัวแล้ว แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำกับความคิดของตัวเองนั้นสวนทางกันแค่ไหน ลูกน้องบางคนนับถือในตำแหน่งหัวหน้า แต่ไม่ได้นับถือคุณจริง ๆ ที่เป็นเช่นนั้นสาเหตุอาจมาจาก…
- กาย
จริงอยู่ที่ว่ากันว่า ‘Don’t judge a book by its cover อย่าตัดสินคนที่ภายนอก’ แต่ยิ่งแต่งตัวดี บุคลิกภาพงาม บวกกับภาพลักษณ์เยี่ยมก็จะยิ่งส่งเสริมบารมีให้แก่ผู้ที่ยืนสั่งการ ควบคุม และบริหารงานไม่ใช่หรือ
- วาจา
ลองสังเกตตัวเองว่าเป็นคนรักษาคำพูดหรือไม่ หรือเป็นคนพูดกลับกลอก รับปากแล้วแต่ไม่ทำหรือเปล่า หากใช่ จงแก้ไขเสีย ไม่มีใครอยากหัวหมุนกับคำสั่งที่กลับไปกลับมาหรอกนะ นอกจากจะทำให้เสียเวลาและเสียความรู้สึกแล้ว ยังจะทำให้งานออกมาไม่มีประสิทธิภาพอีกด้วย
- ใจ
ใครบ้างล่ะจะไม่ชอบคนที่ใจดีกับเรา คุณสมบัติแย่ ๆ ไม่ว่าจะใจแคบ ใจร้าย ใจดำ ใจยักษ์ ใจมาร คงไม่มีใครปลื้มหรอก ตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น วันหยุดตามกฎหมาย ไปจนเรื่องใหญ่อย่างไม่เห็นใจกันตอนเจ็บไข้ได้ป่วยหรือตอนที่มีอุปสรรค พายุเข้า ฝนตก น้ำท่วม ซอมบี้บุก แต่ก็ไม่ให้ลา ไม่ให้หยุด เดี๋ยวไม่ได้งาน ถ้ามีความเป็นมนุษย์หน่อยก็ใจดีต่อกันสักนิดเถอะ
อาจดูมีเหตุมีผล แต่แท้ที่จริงแล้วแสนจะงี่เง่า
ถึงตัวจะเป็นผู้ใหญ่แต่สมองเป็นเด็ก ชื่อของเขาคือ เจ้านาย
งี่เง่าในที่นี้ก็คือการไม่มีเหตุผลหรือพฤติกรรมหลาย ๆ อย่างที่ดูไม่เข้าท่าเข้าทาง อาจเกี่ยวเนื่องกับความคิดที่ยังไม่โตพอจะรู้ว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนไม่ควร
ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือ การไม่สนับสนุนลูกน้อง ไม่สอนงาน ปล่อยให้ลูกน้องทำงานไปอย่างไม่รู้เรื่อง หากงานออกมาดีก็เงียบ แต่หากงานออกมาแย่ก็ติและดุด่า ไม่ได้มองว่าตนเองไม่ได้คอยอยู่ช่วยข้าง ๆ เนื่องจากไม่ชอบขี้หน้าลูกน้องคนนั้น เป็นการปล่อยให้อารมณ์ครอบงำ ไม่ใช่เพียงไม่สนใจเท่านั้น บางครั้งการจู้จี้จุกจิกเกินเพราะอคติก็ถือว่าเป็นอาการไร้เหตุผลเช่นกัน
หากเรื่องไหนที่เข้ากันไม่ได้ก็เอาไว้ให้ห่าง อย่าเอ่ยถึงหรือคุยเรื่องนั้นกันเลย เรื่องงานควรแยกออกจากเรื่งอส่วนตัวเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อกันนะ
หรือถ้าไม่เข้าใจวิธีคิดและสไตล์การทำงานของกันและกันก็ลองคิดในมุมของลูกน้องหรือสอบถามความคิดเห็นกัน ปรับเข้าหากัน เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างราบรื่น
อาจดูไม่เปลี่ยนแปลงง่าย แต่แท้ที่จริงแล้วแสนจะเหมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสี
พูดอย่างหนึ่ง ทำอีกอย่างหนึ่ง
อยู่ต่อหน้าคนหนึ่งพูดแบบหนึ่ง พออยู่ต่อหน้าอีกคนก็พูดอีกอย่าง
คนแบบนี้เรียกง่าย ๆ ว่าไม่มีความจริงใจต่อใครเลย มองเห็นแต่ผลประโยชน์ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ ชื่อเสียง เงินทอง ไม่ได้มองอย่างอื่น เช่น เจ้านายที่เอ่ยปากชม ก แล้วด่าว่า ข ให้ ก ฟัง พอลับหลัง ก ก็เอ่ยปากชม ข และด่าว่า ก ให้ ขอ ฟัง เปรียบเสมือนกิ้งก่าเปลี่ยนสีที่ทำเพื่อ พรางตัวให้กลมกลืนกับธรรมชาติรอบ ๆ ตัว เพื่อหลีกหนีจากภยันอันตราย ซึ่งในที่นี้ก็คือการเอาตัวรอด เพื่อให้ภาพลักษณ์ที่ดีของตนเองยังคงอยู่
อาจดูเป็นคนรับฟังเก่ง แต่แท้ที่จริงแล้วแสนจะชอบทำหูทวนลม
เรื่องการรับฟังเป็นหนึ่งกระบวนการสำคัญในการรับสาร รับฟังไม่เก่งก็ไม่ใช่เรื่องแย่แต่อย่างใด มันจะเริ่มแย่ก็ต่อเมื่อได้ยินแล้วแต่เมินเฉย หรือกระทั่งไม่สนใจ ไม่รับฟังเลย ถือว่าทำให้กระบวนการสื่อสารขาดตอน ทำให้ผลลัพธ์ไม่เกิด
บางครั้งรับฟังแถมรับปากแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ กลายเป็นไม่รักษาคำพูดจนอาจส่งผลกระทบต่อผู้อื่นหรือกระบวนการด้านอื่น ๆ ต่อ
เจ้านายที่ดีจะต้องไม่ทำเมินเฉย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม จะเกลียดขี้หน้า ขี้เกียจฟัง รู้ข้อมูลอยู่แล้ว อย่างไรก็ต้องสนใจข้อมูลป้อนกลับที่ลูกน้องจัดหามาให้ เพื่อให้งานสามารถเดินต่อไปได้ เพราะนี่ไม่ใช่งานส่วนตนแต่เป็นงานส่วนรวม
อาจคิดว่าตัวเองถูกเสมอ แต่แท้ที่จริงแล้วผิดตลอด
คนที่มีนิสัยคิดไปเองว่าตนถูกเสมอนั้นมักเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล “ฉันไม่ผิด คนอื่นนั่นแหละผิด” ลักษณะนิสัยนี้อาจมาควบคู่กับนิสัยไม่ค่อยรับฟังใคร มักปฏิเสธคำพูดและเหตุผลของผู้อื่น เพราะตัวเองรู้ทุกเรื่อง รู้ทุกสิ่ง ไม่สนใจว่าข้อมูลนั้นถูกหรือผิด ใครแย้งแล้วต้องโดนเขม่น
ส่วนใหญ่เจ้านายประเภทนี้มักเป็นคนดึงดัน บางครั้งนิสัยแบบนี้ก็มีข้อดีต่อธุรกิจ เมื่อมันไปถูกทางจนประสบความสำเร็จก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามันเกิดผิดพลาดขึ้นมาก็เหมือนทีมงานที่อยู่ภายใตคำสั่งของเจ้านายนั้น ๆ ต้องรับกรรมไปด้วยเพราะการไม่รับฟังใครและการที่คิดว่าตนเองถูกของผู้นำ
อาจดูทันสมัย แต่แท้ที่จริงแล้วแสนจะเหมือนไดโนเสาร์ล้านปี
บางทีโลกก็หมุนเร็วเกินกว่าไดโนเสาร์จะตามทัน
ตั้งแต่หัวจรดเท้าล้วนแต่เป็นแบรนด์หรูหราคอลเลกชันล่าสุด แต่ถึงแม้จะแต่งตัวล้ำสักเท่าไหร่ แฟชั่นนำสมัยสักแค่ไหน หากไม่พัฒนาทักษะหรือมายด์เซตก็ถือว่าล้าหลังทั้งนั้น
เทคโนโลยีเอย ความคิดความอ่านเอย ถ้าไม่รีบจ้ำเอาพัฒนาตามหลังคน(ที่มีความคิด)รุ่นใหม่ไปอาจจะโดนถอนหงอกเอาก็ได้ ยกตัวอย่างเรื่องง่าย ๆ อย่างเรื่องการทักทายเมื่อเจอกัน
หากเป็นสมัยก่อนก็คงทักทายถึงรูปลักษณ์ภายนอกที่เห็นว่าเปลี่ยนไปในทางด้านลบ อ้วนขึ้นเหรอ สิวขึ้นเยอะเลย ดำขึ้นหรือเปล่า ฯลฯ เป็นการทักถามถึงปมของเจ้าตัวที่ไม่ได้มีความมั่นใจมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ก็จะทำให้ความมั่นใจนั้นหายวับไปทันตา บางคนอาจจะไม่คิดอะไรมากกับคำที่พูดออกมา แต่คนฟังไม่ได้คิดเช่นนั้น คำพูดแย่ ๆ ของผู้พูดจะสลักอยู่ในใจของคนฟัง
หากใครมองว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องเล็กก็คงขาดคุณสมบัติของการเป็นเจ้านายที่ดีไปหนึ่งข้อแล้วล่ะ
หรือถ้าให้พูดถึงแนวคิดเรื่องความเท่าเทียมที่หลายคนกำลังตื่นรู้ ก็มองได้จากการมอบหมายงานให้พนักงาน เช่นการเหมารวมเอาว่าพนักงานหญิงมีความละเอียดมากกว่า ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว พนักงานชายอีกคนต่างหากที่ละเอียดลออ หรือการที่ไม่มีกำหนดสิทธิ์ลาที่คล้ายกับการลาคลอดให้พนักงานชาย เนื่องจากการคิดว่าพนักงานชายไม่จำเป็นต้องลาเพื่ออกไปเลี้ยงบุตร
ความคิดด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากการทำงานก็นับว่าเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เห็นถึงทัศนคติที่เจ้าคนนายคนมี เช่นการล้อเลียนทรานสเจนเดอร์ หรือ LGBTQIA+ การเหยียดเพศอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ Straight หรือแค่การไม่เห็นด้วยกับการจดทะเบียนสมรสระหว่างเพศเดียวกันซึ่งนับว่าเป็นการเหยียดเพศ สิ่งเหล่านี้จะแสดงให้รู้ว่าเจ้านายเป็นอย่างไร มีปัญหาอะไรกับตัวตนของพนักงานหรือไม่
จากการสำรวจครูทรานสเจนเดอร์และนอนไบนารี จำนวน 79 คน ของ The American publication ปี 2018 พบว่ามักถูกคุกคามจากฝ่ายบริหารหรือเพื่อนร่วมงาน และถึงขั้นถูกไล่ออก 2 คนเพราะเพศสภาพของพวกเขา
ร้อยละ 17 ถูกขอให้เปลี่ยนการแสดงออกตามบทบาททางเพศให้สอดคล้องกับสูติบัตร
5 คนถูกคุมคามทางเพศด้วยคำพูด
ร้อยละ 29 ปกปิดเพศสภาพไม่ให้เพื่อนร่วมงานรู้
ส่วนในไทย นิด้าโพล เมื่อปี 2019 สำรวจโดยถามถึงการยอมรับของประชาชนกรณีหากมีเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานในองค์กรเป็นเพศที่ 3 พบว่า ร้อยละ 7.78 ระบุว่าไม่สามารถยอมรับได้เพราะไม่ชอบเป็นการส่วนตัว
สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความล้าหลังทางด้านความคิดเป็นอย่างมาก ทั้ง ๆ ที่ในการทำงานควรวัดกันที่ความสามารถเป็นหลักมากกว่า ไม่ควรเอาเรื่องเพศมาตัดสิน จงก้าวออกจากกะลาซะ ถ้าไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
อาจดูใจเย็น แต่แท้ที่จริงแล้วแสนจะชอบใช้อารมณ์
มองจากภายนอก คนที่แสนเยือกเย็นและสุขุมที่เห็นนั้น นิสัยจริง ๆ แล้วอาจไม่เป็นไปตามภาพลักษณ์ภายนอกที่เห็นก็เป็นได้
ตอนที่รู้จักกันตอนแรก ไม่ได้เห็นนิสัยกันมากเท่าไหร่ พอทำงานไปด้วยนานเข้าก็ได้รู้ว่าไม่ตรงปกเลย ทั้งใช้อารมณ์ ขี้เหวี่ยง โวยวาย ใจร้อน
การเป็นผู้นำที่ดีควรใจเย็นมากกว่าใช้อารมณ์กับพนักงาน หากทราบว่านิสัยตนเองเป็นคนอารมณ์เสียง่ายก็ควรปรับตัว เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่องาน หรือการผิดใจกันในที่ทำงาน หากจะรอให้ลูกน้องเป็นคนปรับตัวฝ่ายเดียวก็คงไม่ไหว
ไม่มีใครอยากอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบสมรภูมิรบย่อม ๆ โดยที่ตนเองต้องเป็นสนามอารมณ์ให้คนอื่นมาสาดคำเสีย ๆ หาย ๆ ใส่
ทำงานมาหนัก ๆ เหนื่อย ๆ ยังต้องฟังเสียงก่นด่าด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องจากผู้นำอีก มิหนำซ้ำ บางคราเจ้านายก็รีบโวยวายก่อนที่จะยังไม่ทันได้รู้เรื่องอะไรหรือแม้แต่ตอนที่เจ้านายผิดเองแต่เอะอะใส่พนักงาน ยิ่งเหนื่อยไปกันใหญ่จนพานท้อแท้
เรียบเรียงโดย: กุลนิภา บุตรลุน
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels / เว็บไซต์ freepik