ตารางชีวิตของคนที่ประสบความสำเร็จ
เคยสงสัยบ้างไหมว่า บุคคลที่ประสบความสำเร็จระดับโลกทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) พ่อมดแห่งวงการไอทีและผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล (Apple) วอร์เร็น บัฟเฟตต์ (Warren Buffet) นักลงทุนระดับโลก บิล เกตส์ (Bill Gates) นักธุรกิจผู้ก่อตั้งไมโครซอฟต์ มาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerburg) ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ในแต่ละวันพวกเขาใช้ชีวิตอย่างไร ทำอะไรกันบ้าง
บทความนี้จะเผยตารางชีวิตของคนที่ประสบความสำเร็จ เพื่อให้คุณสามารถนำไปปฏิบัติตาม เพื่อให้คุณกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จเหมือนกับพวกเขาได้ไม่ยาก

Photo by Kampus Production from Pexels
ตี 5 : ตื่นนอน
90 % ของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมักจะตื่นนอนก่อน 6 โมงเช้าในวันธรรมดา การตื่นเช้าของพวกเขาหมายถึงการที่พวกเขามีเวลารับประทานอาหารเช้ากับครอบครัว ทำสมาธิ และออกกำลังกาย กิจกรรมข้างต้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้วันทำงานของพวกเขามีประสิทธิภาพ

Photo by Ketut Subiyanto from Pexels
ตี 5.30 : ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายมีผลต่อระดับพลังงานของมนุษย์ตลอดทั้งวัน เพราะคนจำเป็นต้องมีพลังงานและต้องเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายเพื่อใช้ในการทำงาน สิ่งนี้ช่วยให้เรามีความตื่นตัวและเต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่าตลอดทั้งวัน ทั้งยังช่วยลดความเครียดที่อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้อย่างมีนัยสำคัญ
6 โมงเช้า : ทำสมาธิ
หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้คนที่ประสบความสำเร็จชอบทำสมาธิก่อนการทำงาน เพราะการทำสมาธิช่วยให้พวกเขาทำงานได้ดีขึ้น มีการศึกษาระบุไว้ว่า การทำสมาธิเป็นการฝึกฝนให้ตนเองมีสติ ใจเย็นลง สามารถต่อต้านสิ่งล่อที่ตาล่อใจได้ ทั้งยังสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบกายหรือเพื่อนร่วมงาน และที่สำคัญที่สุดยังเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตนเองได้อีกด้วย การนั่งสมาธินี้อาจเป็นการนั่งหลับตาสมาธิ การอยู่กับตัวเองเงียบ ๆ หรือการจิบกาแฟช้า ๆ ในยามเช้าก็ได้

Photo by Karolina Grabowska from Pexels
6.30 : อ่านหนังสือ
คนที่ประสบความสำเร็จมักจะอ่านหนังสือทุกวัน 11% ของคนที่ประสบความสำเร็จจะอ่านหนังสือเพื่อความบันเทิง ในขณะเดียวกัน อีก 85% จะอ่านหนังสือประมาณ 2 เล่มต่อเดือนเพื่อศึกษา ค้นคว้า สร้างความรู้ และพัฒนาตัวเอง

Photo by Daniela Constantini from Pexels
7 โมงเช้า : อาหารเช้า
เราทุกคนต่างรู้ว่ามื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน เพราะมันช่วยเพิ่มความตื่นตัว ทำให้เรากระปรี้กระเปร่า ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้วย นอกจากนี้การรับประทานอาหารเช้ายังช่วยในการปรับระดับน้ำตาลในเลือดและลดความอยากของหวานหรือการกินจุกจิกระหว่างวัน
8 โมงเช้า : เริ่มงาน
. . .
บ่ายโมง : พักผ่อน รับประทานอาหารกลางวัน
การพักผ่อนตามเวลาที่ควรจะพักผ่อนเป็นสิ่งที่คนที่ประสบความสำเร็จมากมายทั่วโลกปฏิบัติเหมือนกัน เพราะพวกเขาตระหนักถึงความสำคัญของอาหารกลางวันและการพักผ่อนระหว่างวันอย่างมาก การพักผ่อนจะช่วยเพิ่มสมาธิในช่วงที่เหลือของวัน การพักผ่อนของพวกเขานั้นมักจะเป็นการนั่งพักสบาย ๆ จิบกาแฟในยามบ่าย และพูดคุยด้วยเรื่องทั่ว ๆ ไปที่ไม่ใช่เรื่องงานกับเพื่อนร่วมงาน

Photo by cottonbro from Pexels
6 โมงเย็น : กลับบ้าน
คนที่ประสบความสำเร็จเกือบทุกคนมักปฏิบัติตามตารางเวลาของตนเองอย่างเคร่งครัด เมื่อเข้างานก็ตรงต่อเวลา เมื่อเลิกงานก็ต้องตรงต่อเวลาเช่นกัน สิ่งนี้ช่วยให้พวกเขาบรรลุสิ่งที่พวกเขาต้องการ ทั้งยังมีเวลาให้กับตนเองและครอบครัว
. . .
3-4 ทุ่ม : ใช้เวลากับครอบครัวหรือเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาความคิด

Photo by Ivan Oboleninov from Pexels
5 ทุ่ม : นอน
คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะนอนหลับ 8 ชั่วโมงทุกวัน (หรืออย่างน้อย 6 ชั่วโมง) และต้องปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดในห้อง สิ่งนี้จะช่วยทำให้พวกเขาไม่ต้องตื่นขึ้นมาเช็กอีเมลงานในตอนกลางคืน ซึ่งอาจนำไปสู่การพักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนไม่หลับ และเกิดความเครียดได้ การนอนหลับที่เพียงพอช่วยให้เราเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ความฉลาดความมั่นใจความเป็นผู้นำและความมีสามารถในการตัดสินใจ

Photo by cottonbro from Pexels
เห็นได้ว่าคนที่ประสบความสำเร็จทั้งหลากจะแบ่งเวลาทำงานและเวลาพักผ่อนให้สมดุลกัน (Work-Life Balance) พวกเขาเชื่อว่าการทำงานหนักเกินไปไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะอาจทำให้เราเหนื่อยล้าเกินไปจนทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพลดน้อยลง ดังนั้นจึงควรทำงานอย่างพอดี พักผ่อนให้เพียงพอ ใช้เวลากับคนที่รัก และที่สำคัญที่สุดจงแบ่งเวลาเพื่อพัฒนาความรู้และความคิดของตนเองด้วย แค่ปฏิบัติเพียงเท่านี้คุณก็จะประสบความสำเร็จเหมือนกับพวกเขาได้ไม่ยาก
อ้างอิง: TrườngdoanhnhânHBR
https://www.facebook.com/hbr.edu.vn/photos/a.188981365023587/888464481741935/
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
แปลบทความโดย: ปิ่นแก้ว ศิริวัฒน์
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
. . .
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels และ freepik