ธุรกิจจะรอดไหม เมื่อความเห็นเราไม่ตรงกับหุ่นส่วน
หนึ่งในปัญหากวนใจสำหรับคนทำธุรกิจ คือ ‘ความคิดเห็นไม่ตรงกับหุ้นส่วน’
ผมจะเอาแบบนี้..คุณจะเอาแบบนั้น สุดท้ายก็ขัดใจกันทุกรอบ ไม่ลงรอยกันเสียที
ตอนจับมือผูกมิตรกันใหม่ ๆ ไอ้เราก็ไม่เห็นวี่แววว่าจะมาบาดหมางกันได้ พูดจาถูกคอกันซะจน..เรียกได้ว่า ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ กันเลยทีเดียว
แต่ไม่รู้ทำไม..พอทำงานด้วยกันไปนาน ๆ คนนั้นเริ่มคิดต่าง คนนี้ก็เริ่มแปลกแยก พอคิดไม่ตรงกันบ่อย ๆ หาข้อสรุปไม่ได้ หาทางออกไม่เจอ ทุกวันนี้เลยแทบจะแยกเขี้ยวคุยกัน ธุรกิจก็ใกล้เจ๊งเต็มทน..มันน่าหงุดหงิดนัก !
ใจเย็นเสียก่อน…
มองคนตรงหน้าดี ๆ เขาคือหุ้นส่วนของคุณใช่ไหม?
ถ้าใช่..แสดงว่ามีเขาเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของเราประสบความสำเร็จได้ เพราะฉะนั้น ถ้ายังอยากให้ธุรกิจอยู่รอด ไม่ล่มกลางคันไปเสียก่อน ต้องรีบหาทางแก้ไข
คิดไม่ตรงกันขนาดนี้ ยังมีทางแก้อีกเหรอ?
แน่นอนสิ.. ทุกปัญหาทางธุรกิจ ย่อมมีทางออก
เพราะถึงแม้ว่าความขัดแย้งในทำนองนี้จะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และกวนใจผู้ประกอบการอย่างเราอยู่บ่อย ๆ แต่มันก็เป็นเรื่องงปกติธรรมดาไม่ใช่เหรอ ที่การทำงานร่วมกับคนจำนวนมากจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างและหลากหลาย
ดร.หนุ่ย หรือพันเอก ดร.อรรถสิทธิ์ หัสถีธรรม ได้เขียนอธิบายเอาไว้ในหนังสือตอนหนึ่งว่า…
“ในฐานะที่ผมเป็นเจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการ SME คนหนึ่ง ผมมองว่าการมีความคิดไม่ตรงกันระหว่างเรากับหุ้นส่วน ถือเป็นเรื่องปกติ แล้วมันก็เป็นเรื่องโคตรยากที่จะทำให้ความคิดของคนสองคนหรือมากกว่า เหมือนกัน ตรงกันเป๊ะทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์..มันต้องมีความแตกต่างกันบ้างล่ะ ไม่มาก..ก็น้อย”
สำหรับดร.หนุ่ย..คิดว่าเราควรแก้ปัญหานี้อย่างไร ?
“เราต้องมีการสื่อสาร เพื่อให้เกิดความเข้าใจในความคิดของแต่ละฝ่าย จากนั้นก็หาจุดที่ทั้งสองฝ่ายสามารถเดินร่วมทางกันได้อย่างมีความสุข หรือ Win Win Solution”
แต่อย่างไรก็ตาม..แม้ว่าเราจะนั่งจับเข่าคุยกัน ตั้งวงสนทนาสื่อสารกันแล้ว ก็อาจจะเกิดความขัดแย้งหรือการไม่ลงรอยทางความคิดระหว่างเรากับหุ้นส่วนได้อีกอยู่ดี
เพราะเมื่อเราเริ่มต้นเปิดประเด็นคุยกับปุ้บ จะเห็นได้ว่าในวงสนทนานั้นเต็มไปด้วยหัวข้อมากมาย ซึ่งมีทั้งประเด็นที่เราคุยกันรู้เรื่อง และประเด็นเจ้าปัญหาที่คุยกันอย่างไรก็ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจกันเสียที ซึ่งประเด็นหลังนี่แหละที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งในที่สุด
เพราะฉะนั้น เราจึงต้องเข้าใจว่าประเด็นไหนคือเรื่องที่จะทำให้เราและหุ้นส่วนผิดใจกันได้ง่ายที่สุด และควรรีบเจรจากันอย่างชัดเจนเพื่อป้องกันการเกิดความขัดแย้งในภายหลัง
และนี่คือ 3 ประเด็นสำคัญ ที่ดร.หนุ่ยคิดว่า เป็นสาเหตุของความอยู่รอดหรือล่มสลายของธุรกิจ
เรื่องที่ 1 : วิสัยทัศน์ (Vision) และภารกิจ (Mission)
พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เราและผู้ถือหุ้นต้องการให้ธุรกิจเดินทางไปในทิศทางไหน และเดินไปอย่างไรนั่นเอง
เราและหุ้นส่วน ต้องเดินทางไปที่เป้าหมายเดียวกัน ธุรกิจจึงจะเดินไปข้างหน้าได้ ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าคนหนึ่งอยากไปเชียงใหม่ อีกคนจะไปปัตตานี หากต้องการให้เดินทางไปถึงจุดหมายเดียวกันก็คงเป็นไปไม่ได้ และระหว่างทางคงมีแต่ภาระและความเหนื่อยยากเกินบรรยาย
เรื่องที่ 2 : สไตล์ในการบริหารจัดการ
ผู้ถือหุ้นแต่ละคน อาจมีพื้นฐานการเรียนรู้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน
บางคนมาจากองค์กรในลักษณะอนุรักษณ์นิยม ระเบียบจัด งานต้องเป๊ะ ในขณะที่บางคนอาจเป็นพวกชอบความเสี่ยง ขาลุย ถึงไหนถึงกัน (ลองนึกภาพว่าคนสองแบบที่ต่างกันสุดขั้วนี้มาเจอกันสิ) แน่นอนว่าคงมีแต่เรื่องให้ขัดแย้งถกเถียงกันตลอดเวลา ด้วยสไตล์การทำงานที่แตกต่างกันลิบลิ่ว
เรื่องที่ 3 : ผลประโยชน์
ประเด็นนี้อ่อนไหวมาก ต้องระวัง !
ทำทุกอย่างให้ชัดเจน เจรจาให้เข้าใจกันตั้งแต่แรก เพราะถ้าหากเกิดความสับสน เข้าใจไม่ตรงกัน ต่อไปก็จะเกิดปัญหาทำนองว่า ‘ฉันต้องได้เท่านั้น ผมต้องได้เท่านี้’
สุดท้าย ระบิดลง เพราะเรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร เมื่อผิดใจกันเรื่องนี้แค่ครั้งเดียว อาจมองหน้ากันไม่ติด ร่วมงานกันไม่ได้ไปอีกนาน
ปัญหาเยอะนัก ต้องจัดการอย่างไร ?
วิธีแก้ปัญหาคือ การพูดคุย หารือ และหาจุดที่ลงตัวร่วมกัน
แต่ในการเจรจานั้น ขอให้ตั้งสติเอาไว้เสมอว่าทุกอย่างต้องตั้งอยู่บนหลักการและเหตุผลที่ทุกฝ่ายยอมรับได้
อย่าตกลงกันส่ง ๆ เพื่อให้ปัญหาครั้งมันจบไป เพราะสุดท้ายคุณจะซวยกว่าเดิม กับการที่ต้องวนเวียนอยู่ในวงจรของปัญหานี้อีกหลายครั้ง
เมื่อหาจุดลงตัวทางความคิดได้ ทุกอย่างก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้สบาย ๆ
อ้างอิง : ข้อมูลจากหนังสือ : จากมนุษย์พันธุ์ติดลบ กลับมาสร้าง 15 ล้าน ใน 3 ขั้นตอน
เขียนโดย : พันเอก ดร.อรรถสิทธิ์ หัสถีธรรม | ดร.หนุ่ย เจ้าของเพจ Strategic Man – Strategy Coach
. . .
บทความโดย : กองบรรณาธิการ สำนักพิมพ์ 7D Book & Digital
ขอบคุณรูปภาพจาก : เว็บไซต์ Pexels