ธุรกิจอสังหาฯ กำลังจะถูกถล่มซ้ำจากภาษีป้ายหรือเปล่า?
นับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่เพิ่งจะโดนเรียกเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 100% แบบไม่มีลดหย่อนเหมือนกับปีที่ผ่าน ๆ มาก็ทำเอาผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์หลายรายอ่วมไปตาม ๆ กันท่ามกลางวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในช่วงกำลังฟื้นตัวจากสถานการณ์ของโรคระบาด แต่ทว่ายังไม่ทันจะผ่านไปถึงครึ่งปีก็มีเรื่องให้ชวนคิดหนักกันอีกรอบเมื่อภาษีที่กำลังส่อแววจะขึ้นไปตาม ๆ กันด้วยอัตราที่ก้าวกระโดดสูงที่สุดในรอบหลายสิบปีก็คือ “ภาษีป้าย”
แม้ว่าปัจจุบันมีการทำการโฆษณาทางช่องทางออนไลน์กันมากขึ้นแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการโฆษณาผ่านป้ายไม่ว่าจะบนเส้นทางหลักหรือบนทางด่วนก็ยังได้รับความนิยมมากอยู่ดี อาจจะด้วยเหตุผลที่ว่าผู้คนยังคงขับรถผ่านเส้นทางเหล่านั้นกันอยู่ทุกวันและมีแนวโน้มที่จะถูกพบเจอได้ง่ายกว่าบนช่องทางออนไลน์เสียด้วยซ้ำจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถึงยังต้องพึ่งพาช่องทางการโฆษณานี้อยู่
ก่อนจะกล่าวถึงการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ. ภาษีป้ายว่าจะมีแนวโน้มปรับขึ้นไปในทิศทางไหน มาทวนกันก่อนว่าป้ายแบบไหนบ้างที่เข้าข่ายจะต้องจ่ายภาษี
โดยทั่วไปแล้วภาษีป้ายจะถูกจัดเก็บจากป้ายโฆษณาเพื่อการค้าพาณิชย์เป็นหลัก อย่างที่เห็นได้ชัดคือป้ายโฆษณาตามทางด่วนหรือป้ายโฆษณาสินค้าตามพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ป้ายโฆษณาคอนโดมีเนียมโครงการใหม่ใกล้รถไฟฟ้าของบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ A เป็นต้น นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการทำป้ายโฆษณาด้วยวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประกอบการค้าหรือประกอบกิจการอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดรายได้ ได้แก่ โลโก้แบรนด์สินค้าหรือรูปภาพต่าง ๆ ที่อยู่บนป้ายผ้าใบและป้ายไฟ
แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีป้ายบางประเภทที่ถูกยกเว้นการชำระภาษีแม้ว่าจะเป็นป้ายเพื่อการพาณิชย์ก็ตาม ซึ่งมีข้อกำหนดเอาไว้ว่าป้ายดังกล่าวจะต้องอยู่ในสถานที่ดังต่อไปนี้
- ป้ายที่ติดภายในอาคาร
- ป้ายที่มีล้อเลื่อนและสามารถเคลื่อนย้ายเข้าออกได้
- ป้ายตามงานนิทรรศการหรือมหกรรมที่จัดเป็นครั้งคราว
- ป้ายของหน่วยงานราชการ
- ป้ายของสถาบันการศึกษาทั้งของภาครัฐและเอกชน
- ป้ายวัด สมาคม มูลนิธิ
- ป้ายที่ติดหรือแสดงไว้ที่รถยนต์ส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ รถบดถนนหรือรถแทรกเตอร์
- ป้ายที่ติดตั้งหรือแสดงไว้ที่ยานพาหนะนอกเหนือจากข้อ 7) โดยมีพื้นที่ไม่เกิน 500 ตร.ซม.
- ป้ายอื่นๆ ตาม พ.ร.บ.ภาษีป้าย พ.ศ.2510 กำหนด
จากข้อยกเว้นที่กล่าวมาข้างต้นทำให้ผู้ประกอบการหรือเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์บางรายเริ่มหันมาใช้คนถือป้ายตามจุดต่าง ๆ ในการโฆษณาเพื่อลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของต้นทุนที่จะนำไปจ่ายให้กับการทำป้ายขนาดใหญ่กันมากขึ้น อีกทั้งการใช้คนยืนโบกป้ายก็เป็นการลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของภาษีด้วยเช่นกัน
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
อัตราการจัดเก็บภาษีป้าย
ปัจจุบันยังคงเรียกเก็บอัตราภาษีป้ายตามกฎกระทรวงที่กำหนดขึ้นมาใหม่เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 – 30 ธันวาคม 2566 โดยมีข้อกำหนดที่วางไว้ ดังนี้
1. ป้ายที่มีอักษรภาษาไทยล้วน
สำหรับการจัดเก็บภาษีป้ายที่ประกอบด้วยตัวอักษรภาษาไทยเพียงอย่างเดียวและมีข้อความที่เคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนเป็นข้อความอื่นได้จะมีอัตราการเรียกเก็บภาษีป้ายอยู่ที่ 10 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ส่วนป้ายอื่น ๆ ที่อยู่นอกเหนือจากข้อความที่สามารถเคลื่อนไหวได้มีอัตราการจัดเก็บอยู่ที่ 5 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
2. ป้ายที่มีอักษรไทยปนกับอักษรต่างประเทศ หรือปนกับภาพ และมีเครื่องหมายอื่นประกอบ
นอกจากป้ายที่มีภาษาไทยแล้วจะเห็นว่าบนป้ายโฆษณาที่เห็นผ่าน ๆ ตากันก็ยังมีภาษาต่างประเทศร่วมด้วย ซึ่งอัตราค่าภาษีป้ายที่เรียกเก็บก็จะแตกต่างกันออกไป โดยหากป้ายนั้นมีทั้งข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพที่เคลื่อนไหวและสามารถเปลี่ยนข้อความได้ รวมถึงการเปลี่ยนเป็นภาพอื่น ๆ มีการเรียกเก็บอัตราภาษีป้ายอยู่ที่ 52 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ส่วนป้ายอื่นที่อยู่นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น เช่น อยู่ในรูปแบบของป้ายผ้าใบธรรมดาทั่วไปจะมีอัตราเรียกเก็บภาษีป้ายอยู่ที่ 26 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
3. ป้ายที่ไม่มีตัวอักษรภาษาไทย และป้ายที่มีอักษรภาษาไทยบางส่วนอยู่ภายใต้ตัวอักษรภาษาต่างประเทศ
สำหรับป้ายที่มีข้อความภาษาต่างประเทศล้วน หรือมีภาษาไทยขนาดเล็กอยู่ต่ำกว่าตัวอักษรภาษาต่างประเทศและมีเครื่องหมาย ภาพเคลื่อนไหว รวมถึงป้ายที่สามารถเปลี่ยนเป็นข้อความ เครื่องหมาย หรือภาพอื่นได้จะมีอัตราการเรียกเก็บภาษีป้ายอยู่ที่ 52 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร และป้ายทั่วไปที่มีลักษณะเดียวกันแต่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้จะมีอัตราค่าการเรียกเก็บภาษีป้ายอยู่ที่ 50 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
อย่างไรก็ตามจากข้อหารือที่เพิ่งจะผ่านพ้นมาเมื่อไม่นานนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีแผนที่จะปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 เพื่อให้เป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงและความเหมาะสมตามโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยมีแผนที่จะดันเพดานภาษีป้ายที่มีตัวอักษรภาษาไทยและตัวเลขล้วนที่มีการเคลื่อนไหวขึ้นเป็น 50 บาทต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ส่วนป้ายตัวอักษรที่ไม่มีการเคลื่อนไหวหรือป้ายทั่วไปให้คิดอัตรา 25 บาทต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
สำหรับป้ายที่มีรูปภาพประกอบกับตัวอักษรหรือตัวเลขและมีการเคลื่อนไหวได้จะมีอัตราการจัดเก็บอยู่ที่ 400 บาทต่อ 500 ตารางเซนติเมตร ป้ายที่นอกเหนือจากนี้หรือป้ายที่มีรูปภาพแต่ไม่มีการเคลื่อนไหวให้คิดอัตรา 200 บาทต่อ 500 ตารางเซนติเมตร เป็นต้น
ซึ่งจากข้อหารือดังกล่าวก็สร้างความวิตกกังวลให้กับเหล่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และผู้ประกอบการอีกหลายรายที่ต้องอาศัยการทำป้ายสื่อโฆษณาเพื่อส่งเสริมการขาย ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมหรือบ้านโครงการใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าหากมีการปรับใช้อัตราการจัดเก็บภาษีจริงอาจเป็นการเพิ่มภาระที่ต้องแบกรับมากขึ้นไปอีกเท่าตัวหลังจากที่โดนถล่มอย่างหนักจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาแล้วระลอกหนึ่ง และหากไม่มีทางเลือกคงไม่พ้นว่าจะต้องทำการลดขนาดป้ายโฆษณาลงอย่างเลี่ยงไม่ได้
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
อ้างอิง:
ภาษีป้าย (ภาษีท้องถิ่น) จาก https://bit.ly/3MWRpKk
“อสังหา”อ่วมภาษีป้ายใหม่ถล่มซ้ำภาษีที่ดิน จาก https://www.thansettakij.com/property/523916
รู้จัก “ภาษีป้าย” พร้อมเกณฑ์ใหม่ แบบไหนต้องจ่ายภาษี วางแผนอย่างไรให้ประหยัด จาก https://www.bangkokbiznews.com/business/968987
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
เรียบเรียงโดย: ศุภธิดา รัสพันธ์
คอนเทนต์ครีเอเตอร์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Freepik และ Pixabay