ทุกคนอยากรวย อยากเป็นมหาเศรษฐีด้วยกันทั้งนั้น แต่เวลาที่คุณอ่านหนังสือ หรืออ่านบทความใด ๆ ก็ตาม มักจะมีการแนะนำให้ลงทุนทำธุรกิจอยู่เสมอ
แต่คุณเองกลับไม่ค่อยชอบการทำธุรกิจสักเท่าไร เพราะการทำธุรกิจต้องมีเรื่องจุกจิกกวนใจตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงิน เศรษฐกิจ พนักงาน ลูกค้า คู่ค้า หุ้นส่วน ตลาดที่ผันผวน ฯลฯ
คุณไม่จำเป็นต้องฝืนทำในสิ่งที่คุณไม่ชอบ แม้แต่ ไบรอัน เทรซี (Brian Tracy) ยังกล่าวไว้ว่า “ไม่ต้องทำธุรกิจ คุณก็รวยได้”
แล้ว ไบรอัน เทรซี เป็นใครกัน?
ถ้านึกถึงโค้ช นักธุรกิจ ที่ปรึกษา และผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลกคนหนึ่ง คงไม่มีใครไม่รู้จัก “ไบรอัน เทรซี” เขายังเป็นเจ้าของผลงานหนังสือด้านธุรกิจมากกว่า 70 เล่ม และเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทต่าง ๆ มามากกว่า 1,000 บริษัททั่วโลก
ไบรอัน เทรซี ได้กล่าวไว้ว่า สำหรับคนทั่วไป ถ้าพวกเขาไม่สามารถเริ่มต้นทำธุรกิจได้ วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่ทำให้พวกเขาสามารถรวยและกลายเป็นมหาเศรษฐีได้ก็คือ “การลงทุนไปกับการเงิน” นั่นเอง
ไบรอัน เทรซี ได้เขียน “กฎแห่งการลงทุน” ไว้หนังสือ “Personal Finance” ซึ่งเป็นกฎที่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่เริ่มต้นลงทุนด้านการเงิน เป็นกฎที่ไม่มีวันตาย และถ้าคุณอยากเป็นมหาเศรษฐี คุณก็ควรจะเรียนรู้ไว้
กฎข้อที่ 1: อย่าคาดเดาเด็ดขาด ควรคิดวิเคราะห์ให้รอบคอบการตัดสินใจเสมอ จำไว้ว่าการตัดสินใจของคุณแต่ละครั้ง คุณอาจจะกำลังแข่งกับคนที่ศึกษาตลาดหุ้นมาเป็นเวลาถึง 45-60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ก็ได้
กฎข้อที่ 2: ระวังข้อมูลวงในหรือคำแนะนำการลงทุนให้ดี การสูญเสียเงินในตลาดหุ้นมักจะมาจากการปฏิบัติตามคำแนะนำของคนที่ไม่รู้เรื่องตลาดหุ้นจริง ๆ
กฎข้อที่ 3: ก่อนซื้อหุ้น ควรเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นบริษัท การจัดการ คู่แข่ง รายได้ของบริษัท แนวโน้มการเติบโตของบริษัท ฯลฯ จงใช้เวลาในการตรวจสอบก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ
กฎข้อที่ 4: อย่าซื้อที่หุ้นในราคาที่ต่ำที่สุดและขายในราคาที่สูงที่สุด เพราะมันไม่มีอยู่จริง เมื่อซื้อหรือขายหุ้น คุณต้องตัดสินใจเอาเองว่าจะซื้อขายในราคาใดและเมื่อไร อย่าโลภเด็ดขาด ปัจจุบันคุณสามารถใช้แอปพลิเคชันเข้ามาช่วยในการกำหนดราคาซื้อขายของหุ้นได้อย่างที่คุณต้องการ แล้วคุณจะทำกำไรได้แน่นอน
กฎข้อที่ 5: จัดการกับการสูญเสียให้เร็วที่สุด อย่าคาดหวังว่าตัวเองจะได้กำไรตลอดเวลา ถ้าคุณตัดสินใจผิดพลาดและเห็นว่าหุ้นกำลังจะตก ให้รีบขายให้เร็วที่สุดเพื่อลดการขาดทุน
กฎข้อที่ 6: กระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนที่หลากหลาย แต่อย่าให้มากจนเกินไป ควรลงทุนเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นก็พอ การกระจายความเสี่ยงช่วยลดความเสี่ยงได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสที่จะได้รับผลกำไรได้มากขึ้น ถ้ามีหุ้นตัวใดตัวหนึ่งกำลังเพิ่มมูลค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว
กฎข้อที่ 7: ตรวจสอบการลงทุนของตัวเองทั้งหมดเป็นระยะ ๆ เพื่อดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงใดที่จะส่งผลต่อผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าหรือไม่ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ดีเกิดขึ้น ทางออกของคุณก็คือ รีบขายหุ้นตัวนั้นซะ
กฎข้อที่ 8: คุณควรศึกษาเรื่องภาษี ให้ความสำคัญกับภาษีกำไรจากการทำธุรกรรมของคุณ และเงินที่คุณจะได้หลังหักภาษี นอกจากนี้ ต้องดูว่าคุณควรจะขายหุ้นเมื่อไร เพราะการคำนวณเวลาซื้อขายในตลาดหุ้นเป็นสิ่งที่คุณต้องรู้
กฎข้อที่ 9: เก็บเงินสดส่วนหนึ่งไว้เป็นทุนสำรองฉุกเฉินเสมอ อย่าใช้เงินลงทุนไปทั้งหมด ถ้าคุณเก็บเงินสดเอาไว้กับตัวบ้าง มันจะช่วยคุณได้เมื่อมีสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
กฎข้อที่ 10: อย่าพยายามลงทุนหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน ลงทุนกับสิ่งที่คุณรู้จักมากที่สุด แม้แต่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังกล่าวเอาไว้ว่า เขาไม่เคยลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเลย เพราะเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีมากนัก เห็นได้ว่า การลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือ ผู้ลงทุนต้องสนใจและมีความรู้ในสิ่งที่ตนเองจะลงทุน เมื่อคุณสนใจและมีความรู้แล้ว จงโฟกัสไปที่มัน
นอกจาก “กฎแห่งการลงทุน” ทั้ง 10 ข้อของ ไบรอัน เทรซี ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เคล็ดลับความสำเร็จในการลงทุนอีกอย่างหนึ่งก็คือ ศึกษาอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน พยายามรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาศึกษา และเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง
ถ้าคุณอยากเป็นนักลงทุนที่รวยเร็ว คุณควรลงทุนและตรวจสอบเงินในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ แต่ถ้าคุณไม่ได้อยากรวยเร็วขนาดนั้น ชอบแบบค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป คุณก็สามารถทำได้ด้วยการซื้อกองทุนที่มีต้นทุนการจัดการต่ำและเติบโตได้ดี คุณจะได้ไม่ต้องกังวลมากจนเกินไป
“ทุกคนสามารถรวยได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกที่จะรวยอย่างไร”
ที่มา: HBRBusinessSchool
อ้างอิง: https://www.facebook.com/hbr.edu.vn/photos/a.188981365023587/962335587688157/
. . .
หมายเหตุ: เป็นการแปลและเรียบเรียงพร้อมตัดทอนบทความตามความเหมาะสม
แปลและเรียบเรียงโดย: ปิ่นแก้ว ศิริวัฒน์
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Pexels และ freepik