เชื่อว่าในชีวิตของใครหลาย ๆ คนคงจะมีสักเรื่องที่ยังคงเป็นความกลัวแบบฝังใจ
กลัวความมืดเพราะคิดว่ามันจะต้องมีผีโผล่มาแน่ ๆ
กลัวรถติดเพราะคิดว่ามันคือสาเหตุของการไปทำงานสาย
หรือแม้แต่ความกลัวต่อการไม่มีกินเพราะมันจะทำให้การใช้ชีวิตของพรุ่งนี้จะผ่านไปอย่างยากลำบาก
เมื่อนึกถึงความรู้สึกเหล่านั้นแล้วคนเราก็มักจะพาตัวเองหลีกหนีเพื่อที่จะไม่ต้องเผชิญหน้ากับมันเลย หรือไม่ก็พยายามพาตัวเองเข้าไปอยู่ในที่ที่คิดว่าเป็นเซฟโซนมากที่สุดเพราะถ้าให้พูดกันตามตรงแล้วคงไม่มีใครอยากพาตัวเองเข้าไปอยู่ในจุดที่ไม่สบายใจหรอกจริงไหม?
จริงอยู่ที่ว่าการได้อยู่ในจุดที่ปลอดภัยอาจจะเป็นหนึ่งในความสบายใจของตัวเอง แต่ทว่าหากมองในแง่ลบอาจจะเป็นกับดักหรือหลุมพลางที่เป็นสาเหตุหลักของความชะล่าใจหรือที่ภาษาบ้าน ๆ เรียกว่าประมาทเลินเล่อ ภายใต้วลีเด็ดที่มักจะผ่านเข้ามาในหูให้ได้ยินกันบ่อย ๆ คือ “รู้แล้วน่า”
ส่วนความกลัวนั้นแท้จริงแล้วก็ไม่ได้ส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตไปตลอดแต่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตที่ดีกว่าที่เคยเป็นอยู่ก็ได้ เคยสังเกตไหมว่าเมื่อไหร่ที่อยู่กับความกลัวจะทำให้ทักษะในการระวังตัวนั้นมีมากขึ้น
ถ้าต้องอยู่ในที่มืดจะรู้ได้ทันทีว่าต้องมีไฟฉาย
ถ้ากลัวรถติดจะต้องเผื่อเวลามากขึ้นกว่าปกติ
หรือหากกลัวไม่มีกินก็รู้ได้ทันทีว่าวันนี้ต้องออกไปทำงาน
ในด้านการลงทุนนั้นถือว่าความสบายใจคือเรื่องที่นำไปสู่จุดลงทุนที่อันตรายได้อย่างง่ายดายมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น นักเทรดหุ้นมือโปรที่ช่ำชองในตลาดเป็นอย่างดีได้เข้าซื้อหุ้นในช่วงที่ราคาตกมากที่สุดเพื่อหวังจะสร้างผลกำไรในช่วงที่ราคาดีดกลับขึ้นมาอีกครั้งแต่ความเสี่ยงที่มาจากปัจจัยภายนอกก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ อย่างสถานการณ์ของโรคระบาด COVID-19 ที่เข้ามาล้มกระดานการลงทุนจนล้มกันระเนระนาดอย่างที่ไม่มีใครคาดการณ์ไว้ก่อน สุดท้ายการลงทุนที่เคยมั่นใจอย่างหนักแน่นอาจจะกลายเป็นเพียงเศษซากที่มาจากความชะล่าใจให้ได้ดูต่างหน้าเท่านั้น
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความชะล่าใจก็ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับนักเทรดหุ้นเท่านั้นเพราะการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ก็มีความเสี่ยงไม่ต่างกัน จากสถานการณ์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็เป็นเสมือนอีกบททดสอบหนึ่งที่เข้ามาทดสอบความรอบคอบของนักลงทุนว่ามีมากหรือน้อยแค่ไหน บางคนก็บอกว่าโรคร้ายนั้นคลับคล้ายคลับคลากับไข้หวัดไม่ได้ส่งผลกระทบกับคนขายบ้านเลยสักนิด เดี๋ยวก็ผ่านไปเหมือนอย่างที่เคยผ่าน ๆ มา ทว่ายังไม่ทันข้ามวันข้ามคืนคนพูดก็เป็นอันต้องวางมือจากการลงทุนไปอย่างเลี่ยงไม่ได้หรือไม่ก็ต้องลาวงการไปพร้อม ๆ กับหนี้สินก้อนโต
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
แม้ว่าที่อยู่อาศัยจะถูกยกให้เป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่ไม่ว่าผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็ยังสามารถต่อยอดได้อยู่เสมอ แต่ลืมไปหรือว่าการเข้าถึงบ้านหนึ่งหลังต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยเช่นเดียวกัน
เคยได้ยินหรือเปล่าว่าการลงทุนบ้านมือสองที่ดีจะต้องได้ทรัพย์ที่มีราคาถูกมาสร้างผลกำไร
ถ้ายังไม่เห็นโอกาสนั้น….นักลงทุนทั้งหลายโปรดฟังทางนี้
ในช่วงสถานการณ์ของโรคระบาดที่มีแนวโน้มจะอัพเกรดตัวเองขึ้นเรื่อย ๆ บวกกับสภาวะเงินเฟ้อคงจะเห็นเจ้าของบ้านหลายต่อหลายคนออกมาปิดประกาศขายบ้านกันถ้วนหน้า บ้างก็ขายในราคาที่พอยอมรับได้แม้ว่าผลกำไรจะน้อยนิดก็ตาม หรือเจ้าของบ้านบางคนอาจจะยอมขาดทุนแบบยับเยิน ขายต่ำกว่าราคาประเมินก็มี ขอเพียงแค่ให้ได้เงินสักก้อนมาต่อชีวิต แล้วโอกาสที่จะเข้าถึงทรัพย์ในราคาถูกสำหรับนักลงทุนจะเป็นช่วงไหนไปได้นอกเสียจากช่วงนี้
.
.
หรือเปล่า?
.
.
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่อ่านประโยคช้างต้นแล้วคล้อยตาม นี่คือสัญญาณหนึ่งที่จะบอกว่า…คุณกำลังจะพลาด!
เพราะอะไรน่ะหรือ?
มีคนจำนวนไม่น้อยที่กำลังต้องการปล่อยทรัพย์สินที่อยู่ในมือซึ่งอาจจะรวมถึงบ้าน ห้องชุด ที่อยู่อาศัย แต่ในทางตรงกันข้ามกลับมีคนเพียงแค่จำนวนหนึ่งเท่านั้นที่ยังคงมองหาบ้านดี ๆ สักหลังในช่วงเศรษฐกิจฝืดเคือง ซึ่งหากเทียบสัดส่วนกันแล้วคงแทบจะไม่ต้องบอกเลยว่าจะหนักไปทางไหนมากกว่ากัน เมื่อความต้องการในการซื้อลดน้อยลงเช่นเดียวกับความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยที่เป็นไปอย่างยากลำบาก คิดว่าในสถานการณ์แบบนี้จะยังมีใครที่พร้อมจะกู้เงินก้อนใหญ่มาเพื่อซื้อบ้านอยู่ไหม
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดล่ะว่าบทความนี้กำลังชี้แนะว่าอย่าลงทุนในช่วงที่สภาพเศรษฐกิจซบเซา แต่กำลังแนะนำว่าอย่าลงทุนหมดหน้าตักแบบขาดสติถ้ายังไม่มีแผนรองรับที่ดีมากพอต่างหาก
ยิ่งต้องเจอกับบททดสอบที่มาในรูปแบบของอุปสรรคที่เกินความคาดหมายหรือเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้อาจจะทำให้รู้สึกกลัวโดยเฉพาะกับความล้มเหลวที่ยังมาไม่ถึง แต่หากมองในแง่ดีนี่อาจจะเป็นบทเรียนที่สอนให้รู้จักลงทุนอย่างรอบคอบมากที่สุดในช่วงเวลาหนึ่งก็ได้ เพราะเมื่อเกิดความสับสนคนเราก็มักจะหยุดคิดทบทวนหรืออาจจะใช้ความคิดมากกว่าที่เคยเป็นด้วยซ้ำ และเมื่อตกผลึกในใจแล้วก็จะรู้ได้เองว่าควรจะทุ่มหรือควรจะถอยเพื่อให้ตัวเองเจ็บน้อยที่สุดหรือไม่ได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงแบบที่หลาย ๆ คนกำลังเผชิญกันอยู่ในตอนนี้
และถ้าต้องมีใครสักคนที่จะบอกว่าสถานการณ์แบบไหนที่ควรลงทุนเท่าไหร่ ให้คนคนนั้นคือตัวคุณเองเป็นคนบอกจะดีกว่า
คลิกที่รูปภาพเพื่อสั่งซื้อหนังสือ
เรียบเรียงโดย: ศุภธิดา รัสพันธ์
คอนเทนต์ครีเอเตอร์ 7D Book&Digital
ขอบคุณภาพประกอบจาก: เว็บไซต์ Freepik